เวลาผ่านไปหลายปี Paul E. Dangerously เป็นผู้จัดการให้นักมวยปล้ำมากมายทั้ง Rick Rude, Steve Austin (ก่อนเป็น Stone Cold) และ Mean Mark (ก่อนเป็น The Undertaker) และยังมีค่ายมวยปล้ำหัวขบถของตัวเองที่ซึ่งปฎิวัติวงการมวยปล้ำไปอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือ ECW จนกระทั่งถูกซื้อโดย WWE และ Paul Heyman ก็ได้มาร่วมงานกับ WWE ในฐานะผู้บรรยาย จนถึงปี 2002 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ Paul ได้กลับมาเป็นผู้จัดการอีกครั้ง
Steve Austin และ Paul Heyman
เหตุการณ์ที่ว่านั่นก็คือ Taz พาตัวนักมวยปล้ำดาวรุ่งดีกรีแชมป์ NCAA มาหา Paul ซึ่งนั่นก็คือ Brock Lesnar นั่นเอง
ดังนั้น Vince McMahon ก็มองเห็นในตัวของ Brock Lesnar และ Paul Heyman ว่าเข้ากันดีจึงทำให้ Paul ได้ไปเป็นผู้จัดการให้กับ Brock Lesnar แทน โดย Paul เดินไปบอก Vince ว่า “จำไว้เลยนี่แหละคือ The Next Big Thing” Vince ตอบกลับมาว่า “ฉายาอะไรวะโคตรห่วยเลย”
“รู้หรือเปล่าว่า ผมเคยเป็นผู้จัดการให้กับ Steve Austin ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในฐานะ Stone Cold แล้วรู้หรือเปล่าว่าผมก็เป็นผู้จัดการให้ Mean Mark ก่อนจะมาเป็น Undertaker แล้วรู้หรือเปล่าECW ที่ผมสร้างขึ้นมา WWE ก็เอาไปเลียนแบบเป็น Attitude Era”
ช่วงแรกของ Brock นั้นอยู่กับ WWE แค่ 2 ปี ตั้งแต่ 2002-2004 โดยปีที่ Debut นั่นแหละคือปีที่เขาได้แชมป์โลกสมัยแรกโดยเอาชนะ The Rock ไปได้ ซึ่งตลกตรงที่แฟนๆมวยปล้ำเชียร์ Brock ให้เอาชนะ The Rock เป็นแชมป์โลกซะด้วย ( The Rock ต้องไปถ่ายภาพยนต์พอดี) แต่ก็ต้องให้เครดิต The Rock ที่ให้ดาวรุ่งคนนี้เป็นแชมป์โลกในระยะเวลาอันแสนสั้น
และในช่วงนั้นมีบทกับนักมวยปล้ำจาก Smackdown มากมายซึ่งที่จำได้ดีที่สุดก็คงเป็น The Undertaker มีแมทช์มันส์ๆมากมายรวมถึงใน Hell in a Cell อีกด้วยแต่ทว่านั่นเป็นช่วงที่ PAul Heyman ต้องหักหลัง Brock (ในบท) และทำให้ Brock ไม่มีผู้จัดการอีกต่อไป
ปี 2003 ผู้ชนะ Royal Rumble ได้แก่ Brock Lesnar และจะไปเจอกับแชมป์โลกอย่าง Kurt Angle ใน Wrestlemania 19 ซึ่งพอถึง Wrestlemania 19 อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า Brock เกือบคอหักหลังจากใส่ท่า Shooting Star Press ซึ่งคนไซส์ขนาดนี้เป็นไปได้ยากมากที่จะทำท่านี้ ซึ่ง Brock ทำได้ แต่ทว่ามันเกิดผิดคิวขึ้น