19 ก.ค. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
The Beast and The Manager: ปีศาจและผู้ค้นพบ (Part 2/3)
(ต่อจากพาร์ท1) ย้อนกลับก่อนที่จะมี WWE หรือ WWF เรามี WWWF มาก่อนบริหารงานโดย Vince McMahon Sr. (พ่อของ Vince McMahon) มีหนุ่มน้อยเซลล์แมนคนหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปยังโชว์ของ WWWF ที่ Madison Square Garden โดยการที่ได้ทราบข่าวมาว่า ก่อนโชว์ที่ MSG คุณ McMahonSr. จะต้องเข้าไปทานสเต็กที่ร้านร้านหนึ่งใกล้ๆ ทำให้หนุ่มน้อยเซลล์แมนคนนี้รีบเข้าไปหา McMahon Sr. ที่ร้านสเต็กร้านนั้น เมื่อเจอกันขอถ่ายรูปอะไรเรียบร้อย หนุ่มน้อยจึงติดต่อไปที่บริษัทแม่ของ WWWF (CWC) เพื่อขอบัตรหลังฉากไปยัง MSG นั่นเอง ทั้งนี้เป็นผลลัพธืมาจากการที่เด็กหนุ่มคนนี้เคยเห็นบทความนึงที่ Vince McMahon Sr. สัมภาษณ์ “Superstar” Billy Graham ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้อยากเข้าวงการมวยปล้ำตั้งแต่อายุ 13-14 โดยหนุ่มน้อยคนนี้มีชวือว่า Paul Heyman นั่นเอง โดยในวัย 13-14 นี่ Paul ทำหนังสือ The Wrestling Times Magazine และเขียนบทความให้กับ Pro Wrestling Illustrated อีกด้วย
Paul Heyman (คนขวา)
ไอ้หนุ่ม Paul Heyman คนนี้ได้เริ่มเข้าวงการมวยปล้ำในฐานะช่างภาพที่ Studio 54 ในวัยเกือบ 20 ปีและเท่านั้นยังไม่พอ ในปีเดียวกัน Heyman ได้เป็นทั้งโปรดิวเซอร์ และ ผู้จัดอีกด้วยในศึก Wrestle Party 85
Pนักมวยปล้ำคนแรกที่ Heyman ได้เป็นผู้จัดการให้นั่นก็คือ Bam Bam Bigelow โดยใช้ชื่อว่า Paul E. Dangerously นั่นเอง
(ติดตามเราได้ที่ Blockdit: https://www.blockdit.com/pages/5f283f92d2374b139878e47b)
เวลาผ่านไปหลายปี Paul E. Dangerously เป็นผู้จัดการให้นักมวยปล้ำมากมายทั้ง Rick Rude, Steve Austin (ก่อนเป็น Stone Cold) และ Mean Mark (ก่อนเป็น The Undertaker) และยังมีค่ายมวยปล้ำหัวขบถของตัวเองที่ซึ่งปฎิวัติวงการมวยปล้ำไปอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือ ECW จนกระทั่งถูกซื้อโดย WWE และ Paul Heyman ก็ได้มาร่วมงานกับ WWE ในฐานะผู้บรรยาย จนถึงปี 2002 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ Paul ได้กลับมาเป็นผู้จัดการอีกครั้ง
Steve Austin และ Paul Heyman
เหตุการณ์ที่ว่านั่นก็คือ Taz พาตัวนักมวยปล้ำดาวรุ่งดีกรีแชมป์ NCAA มาหา Paul ซึ่งนั่นก็คือ Brock Lesnar นั่นเอง
“จริงๆผมมีกำหนดการให้เป็นผู้จัดการของ Chris Benoit หลังจาก Wrestlemania X8 แต่ในขณะเดียวกัน Taz ก็แนะนำให้ผมรู้จักกับ Brock Lesnar ที่ซึ่งตัวอย่างกะยักษ์แต่วิ่งไวยังกะแมว”
ดังนั้น Vince McMahon ก็มองเห็นในตัวของ Brock Lesnar และ Paul Heyman ว่าเข้ากันดีจึงทำให้ Paul ได้ไปเป็นผู้จัดการให้กับ Brock Lesnar แทน โดย Paul เดินไปบอก Vince ว่า “จำไว้เลยนี่แหละคือ The Next Big Thing” Vince ตอบกลับมาว่า “ฉายาอะไรวะโคตรห่วยเลย”
“ถึงแม้หลายๆครั้ง Vince จะถูกอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจว่าผมนี่แหละถูกต้องที่สุด”
“รู้หรือเปล่าว่า ผมเคยเป็นผู้จัดการให้กับ Steve Austin ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในฐานะ Stone Cold แล้วรู้หรือเปล่าว่าผมก็เป็นผู้จัดการให้ Mean Mark ก่อนจะมาเป็น Undertaker แล้วรู้หรือเปล่าECW ที่ผมสร้างขึ้นมา WWE ก็เอาไปเลียนแบบเป็น Attitude Era”
ดังนั้นคาดหวังได้เลยสำหรับ Brock Lesnar ว่ายังไงก็ต้องดังแน่นอน
ช่วงแรกของ Brock นั้นอยู่กับ WWE แค่ 2 ปี ตั้งแต่ 2002-2004 โดยปีที่ Debut นั่นแหละคือปีที่เขาได้แชมป์โลกสมัยแรกโดยเอาชนะ The Rock ไปได้ ซึ่งตลกตรงที่แฟนๆมวยปล้ำเชียร์ Brock ให้เอาชนะ The Rock เป็นแชมป์โลกซะด้วย ( The Rock ต้องไปถ่ายภาพยนต์พอดี) แต่ก็ต้องให้เครดิต The Rock ที่ให้ดาวรุ่งคนนี้เป็นแชมป์โลกในระยะเวลาอันแสนสั้น
และในช่วงนั้นมีบทกับนักมวยปล้ำจาก Smackdown มากมายซึ่งที่จำได้ดีที่สุดก็คงเป็น The Undertaker มีแมทช์มันส์ๆมากมายรวมถึงใน Hell in a Cell อีกด้วยแต่ทว่านั่นเป็นช่วงที่ PAul Heyman ต้องหักหลัง Brock (ในบท) และทำให้ Brock ไม่มีผู้จัดการอีกต่อไป
ปี 2003 ผู้ชนะ Royal Rumble ได้แก่ Brock Lesnar และจะไปเจอกับแชมป์โลกอย่าง Kurt Angle ใน Wrestlemania 19 ซึ่งพอถึง Wrestlemania 19 อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า Brock เกือบคอหักหลังจากใส่ท่า Shooting Star Press ซึ่งคนไซส์ขนาดนี้เป็นไปได้ยากมากที่จะทำท่านี้ ซึ่ง Brock ทำได้ แต่ทว่ามันเกิดผิดคิวขึ้น
“จริงๆเขาควรจะชนะผมด้วยท่านั้น แต่เขาเกือบจบอาชีพตัวเอง”
“เขาเป็นคนเสนอไอเดียนี้เอง ตอนเขาลงผมคิดว่าเขาจะพิการไปแล้ว”
- Kurt Angle
“ตอนลงผมได้รับการกระแทกที่หัวแรงมาก คอเกือบหักไปแล้ว”
Brock Lesnar
(รอติดตามพาร์ท 3 นะครับ)
กดไลค์กดแชร์ มวยปล้ำบอย เพื่อท่านจะไม่พลาดคอนเทนท์มันส์ๆของวงการมวยปล้ำครับผม
#WrestlingBoi #มวยปล้ำบอย
โฆษณา