Otteri เปลี่ยนภาพจำธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ สู่ ‘ร้านสะดวกซัก’ แนวหน้าของประเทศ
.
หากพูดถึง ‘เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ’ เชื่อว่าทุกคนก็คงรู้จักและเคยคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เวลาที่เราผ่านไปตามอะพาร์ตเมนต์ คอนโด หรือหอ ก็จะเห็นเจ้าเครื่องนี้ตั้งอยู่ข้างล่างที่พักอาศัยเหล่านี้
.
แต่ในปัจจุบันนี้ เราอาจจะเห็นอีกหนึ่งรูปแบบของกิจการบริการซักผ้าขึ้นมาใหม่ ที่เมื่อเราเข้าไปตามแหล่งที่อยู่อาศัย ก็จะเห็นร้านเหล่านี้ตั้งอยู่ นั่นก็คือธุรกิจ ‘ร้านสะดวกซัก’ ที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
.
‘Otteri Wash & Dry’ ก็คงเป็นแบรนด์ร้านสะดวกซักที่เราเห็นกันบ่อยๆ ที่มักจะสะดุดตากับโลโก้แบรนด์สีฟ้า ที่มาพร้อมตัวการ์ตูนนากหรือ Otter ที่พ้องมาจากชื่อของแบรนด์ ซึ่งนับแต่ถูกก่อตั้งขึ้นมาในปี 2015 Otteri Wash & Dry ก็เติบโตจนสามารถมีกว่า 597 สาขาทั่วประเทศแล้วในทุกวันนี้ โดยใช้เวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น
.
Otteri Wash & Dry ในฐานะ ‘First Mover’ ธุรกิจร้านสะดวกซักในไทย
.
จุดเริ่มต้นของธุรกิจร้านสะดวกซัก มาจากการที่คุณกวิน ผู้ที่เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Otteri Wash & Dry เรียนจบและได้กลับมาช่วยงานของที่บ้านที่เป็นธุรกิจโรงงานทอผ้าสำหรับโรงแรมและโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นคุณกวินก็เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจเดิม ไปเป็นการนำเข้าเครื่องซักผ้าจากประเทศจีน เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมของธุรกิจโรงงานทอผ้า
.
แต่พอถึงจุดหนึ่ง คุณกวินก็เริ่มมองเห็นถึงเทรนด์ของ eCommerce ที่เข้ามาในประเทศไทย และตกผลึกความคิดได้ว่า ‘ถ้าเราสามารถนำเข้าจากจีนได้ คนอื่นก็ต้องทำได้เหมือนกัน แล้ววันหนึ่งธุรกิจของเราก็อาจจะโดนดิสรัปต์’
.
ประจวบเหมาะกับว่าช่วงนั้นคุณกวินก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ก็ได้ไปเห็นธุรกิจร้านสะดวกซัก (Laundromat) ซึ่งในตอนนั้นประเทศไทยยังไม่มีธุรกิจประเภทนี้ ทำให้คุณกวินตัดสินใจที่จะเป็น First Mover ที่ได้นำธุรกิจร้านสะดวกซักนี้มาแนะนำให้กับคนไทยได้รู้จักเป็นที่แรก
.
‘ร้านสะดวกซัก’ โซลูชันเรื่องซักผ้าของคนเมือง
.
คุณกวินได้เผยว่า ในตอนแรกๆ ที่มีการทำร้านสะดวกซัก คนส่วนมากก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคอนเซปต์ของการเป็นร้านสะดวกซักสักเท่าไหร่ ด้วยการออกแบบร้านที่ดูเหมือนจะต่างกับภาพจำของหลายๆ คนที่มีต่อการซักผ้า ทำให้ตอนนั้นจึงต้องทำโปรโมชันซักฟรีออกมาอยู่บ่อยๆ
.
ซึ่งโปรโมชันนี้ก็ไม่ได้มีขึ้นเพียงเพื่อดึงให้ลูกค้านั้นเข้ามาใช้ แต่ต้องการที่จะให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่างจากการใช้บริการร้านสะดวกซักกับการใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซึ่งพอเริ่มทำมาระยะหนึ่ง ก็ได้เห็นว่าธุรกิจนี้ได้เข้าไปแก้ Pain Point ของคนที่อยู่หอ อะพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดได้จริง เพราะการใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาบน เมื่อซักเสร็จผู้ใช้งานจะต้องนำผ้าเปียกขึ้นไปตากบนห้อง แต่ด้วยความที่พื้นที่ที่อยู่อาศัยมีจำกัด อาจจะไม่สะดวกต่อการตากผ้าสักเท่าไหร่
.
แต่ด้วยโซลูชันของ Otteri ที่เป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ที่มีระยะเวลาการซักที่เร็วกว่า และสามารถที่จะอบผ้าแห้งได้ทำให้ไม่ต้องหาที่ตาก และยิ่งในปัจจุบันที่คนค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของ ‘เวลา’ เป็นหลัก ทำให้ร้านสะดวกซักจึงตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองอย่างมาก
.
ธุรกิจการบริการ ที่ลูกค้าต้องบริการตัวเอง
.
ความยากของการทำธุรกิจร้านสะดวกซักคือ การทำอย่างไรให้ลูกค้านั้นรู้สึกว่าตัวเองได้รับการบริการ ในขณะที่ธุรกิจนั้นดีไซน์ออกมาให้ลูกค้าต้องบริการตัวเอง ทำให้ทางทีมจะต้องกลับมาออกแบบ Journey ของลูกค้า ทำอย่างไรให้พวกเขาเข้ามาใช้บริการได้ง่ายที่สุด ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน แลกเหรียญ เริ่มซักผ้า ไปจนถึงออกจากร้าน เพื่อที่จะให้ประสบการณ์ของลูกค้าในร้านนั้นราบรื่นที่สุด
.
‘สร้างคุณค่าทางจิตใจ’ กลยุทธ์ที่ทำให้ Otteri Wash & Dry โดดเด่น
.
ตั้งแต่ก่อตั้ง Otteri Wash & Dry ขึ้นมา ทางคุณกวินก็ได้ตั้งกรอบโฟกัสอยู่ 3 อย่างคือ (1) Functional Benefits (2) Emotional Benefits และ (3) Social Benefits
.
ในเมื่อ Functional Benefits ของร้านสะดวกซักค่อนข้างที่จะคล้ายๆ กันในหลายๆ เจ้า Otteri จึงพยายามเน้นย้ำตรงที่ Emotional Benefits ที่ทำให้เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาก็จะเห็นว่ารูปแบบร้านนั้นค่อนข้างที่จะ Instagrammable หรือถ่ายรูปตรงไหนก็สวย มีการจัดร้านให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่น เหมือนมานั่งร้านกาแฟหรือนั่งอยู่ที่สวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นความพยายามของแบรนด์ที่จะสร้างคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ Otteri นั้นแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
.
เสริมประสบการณ์การใช้งานด้วย ‘แอปพลิเคชัน’
.
ในปัจจุบันนี้ Otteri มีการนำแอปพลิเคชันเข้ามาใช้กับร้านสะดวกซัก ทำให้ลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชันหรือจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อนำผ้าไปซักก็สามารถเช็กได้ว่า ร้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน มีเครื่องซักว่างกี่เครื่องและผ้าจะเสร็จในอีกกี่นาที ทำให้ลูกค้าสามารถที่จะทิ้งผ้าที่ซักไว้ และไปทำธุระอย่างอื่นหรือรออยู่บนห้องก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเอาผ้าที่ซักไว้เมื่อใกล้เสร็จ
.
นอกจากนี้ยังสามารถเอาแอปพลิเคชันของ Otteri ไปอ่าน Laundry Tag ของเสื้อผ้าของเรา และสามารถเช็กได้ทันทีเลยว่าผ้าชนิดนี้เหมาะกับการซักแบบไหน เพื่อที่จะทำให้ชุดของลูกค้านั้นไม่เสียทรงจากการซักแบบผิดประเภท
.
‘Creating-Healthy-Lifestyle-Community’ หัวใจสำคัญของ Otteri
.
สร้างสรรค์สังคมที่มีสุขภาพดีผ่านการใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเป็นหัวใจสำคัญของการก่อตั้ง Otteri ขึ้นมา และเป็นสิ่งที่คุณกวินได้ถ่ายทอดให้กับพนักงานทุกๆ คน เพื่อที่จะสร้างร้านสะดวกซื้อที่มีมาตรฐานสากล ในขณะที่ผู้คนยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยราคาที่ประหยัด และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน ด้วยวิสัยทัศน์เหล่านี้ที่เป็นพื้นฐานในทุกย่างก้าวของ Otteri จึงทำให้ร้านสะดวกซักแห่งนี้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่ยอมรับของลูกค้าจำนวนมาก
.
‘สร้างผู้นำใหม่’ อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญขององค์กร
.
ทางคุณกวินได้เล่าเพิ่มเติมว่า ในการทำงานวันๆ หนึ่ง จะมีสิ่งที่ทางคุณกวินต้องโฟกัสอยู่ 3 เรื่องคือ (1) ส่งต่อ Mission และ Vision ให้กับทุกคนในองค์กร (2) มองถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และ (3) การสร้างผู้นำใหม่
.
‘การสร้างผู้นำใหม่’ นี้ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของบริษัท เพราะองค์กรจะสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ต้องพึ่งความช่วยเหลือจาก ‘พนักงาน’ ด้วยโครงสร้างขององค์กรที่ขยายไปอย่างรวดเร็ว Otteri จึงต้องการที่จะสร้างทีมที่พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ดังนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ทาง Otteri พยายามที่จะทำคือการทำให้พนักงานทุกคนนั้นเป็น ‘ผู้นำ’ ไม่ใช่แค่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น แต่ทุกคนคือเจ้าของและเป็นทั้งบริษัท
.
เติบโต 200% ภายใต้มรสุมโควิด-19
.
การระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้วถือว่าส่งผลดีต่อ Otteri จนทำให้บริษัทนั้นเติบโตถึง 200% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าธุรกิจร้านสะดวกซักนั้นไม่ถูกปิด จากการเป็นภาคธุรกิจที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คน จึงทำให้ธุรกิจยังสามารถรันไปได้อยู่ และทำให้ยอดนั้นไม่เป็นศูนย์เหมือนอย่างภาคธุรกิจอื่นที่โดนปิดตัวลงไปจากมาตรการที่ออกมา
.
เรื่องของ ‘ความสะอาด’ ก็ยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญที่คนหันมาโฟกัสมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรให้ผ้าและเครื่องนุ่งห่มของตัวเองนั้นสะอาดและปราศจากเชื้อโรค ซึ่งการอบผ้าก็เป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่จะทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าเชื้อโรคนั้นถูกฆ่าแล้วจริงๆ
.
เส้นทางในอนาคตของ Otteri
.
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทาง Otteri ก็ได้มีการทำงานร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา ด้วยเป้าหมายของ Otteri ที่อยากเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเรื่องของคนไร้บ้าน ซึ่งก็ได้มีการเสนอไอเดียของการทำรถที่จะช่วยให้กลุ่มคนไร้บ้านเหล่านี้นั้นสามารถที่จะซักผ้า อบผ้า และอาบน้ำได้ เพราะจาก Pain Point ของคนไร้บ้านคือการที่พวกเขาไม่มีพื้นที่ที่จะทำให้เครื่องนุ่งห่มและตัวของพวกเขานั้นสะอาด ทำให้มันยังเป็นกำแพงที่กั้นพวกเขาจากโอกาสที่จะไปสมัครงานหรือหาโอกาสอื่นๆ ทางสังคม
.
มากไปกว่านั้นทาง Otteri ก็ยังมีแผนที่จะเข้าไปช่วยเหลือกลุ่ม ‘ผู้สูงอายุ’ ที่เป็นแรงงานไร้ฝีมือมาตลอดชีวิต ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 คนกลุ่มนี้ก็มักจะเป็นคนกลุ่มแรกที่โดนตัดทิ้งหรือถูกละเลย และจากการที่ Otteri ได้รับฟีดแบกจากกลุ่มลูกค้าว่าอยากที่จะได้คนมาพับผ้า เพราะอยากที่จะใช้เวลาส่วนนี้ไปทำอย่างอื่น ทำให้เห็นช่องทางโอกาสที่จะช่วยให้กลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มนี้กลับมามีรายได้อีกครั้งหนึ่ง
.
ส่วนสุดท้ายคือโจทย์สำคัญของ Otteri ในการที่จะทำอย่างไรให้ราคาของการซักผ้านั้นถูกลงและทำให้คนนั้นสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เพื่อจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเวลาให้กับลูกค้าได้มากที่สุด
.
ซึ่งทั้งสามสิ่งเหล่านี้ก็เป็นความตั้งใจของ Otteri Wash & Dry ที่จะสานต่อให้สำเร็จ พร้อมกับการเสริมคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นและช่วยเหลือสังคมให้ได้มากที่สุด
.
Sponsored by Otteri Wash & Dry