6 ก.ค. 2021 เวลา 11:30 • การศึกษา
ภาษาจีน กับภาษาญี่ปุ่น ภาษาไหนยากกว่ากันนะ?
.
สำหรับใครที่สนใจเรียนภาษาที่สาม และลังเลว่าจะเรียนจีนหรือญี่ปุ่นดี?
โพสต์นี้ก็จะมาอธิบายให้เพื่อนๆฟังว่าตกลงแล้วสองภาษานี้ ภาษาไหนยากกว่ากัน
.
มาเริ่มที่ภาษาจีนก่อนเลย
.
หลายๆคนคิดว่าภาษาจีนยากด้วยตัวเขียนและ ยังถูกจัดให้อยู่ในภาษาที่เรียนยากมากที่สุดในโลก ตอนแรกเราก็คิดแบบที่ทุกๆคนคิดค่ะ แต่พอได้มาสัมผัสจริงๆมันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนที่จะเรียนรู้ แถมเราเป็นคนไทย ยิ่งได้เปรียบกว่า คนชาติอื่นๆในการเรียนภาษาจีน
ไวยากรณ์
ไวยากรณ์ของภาษาจีนคล้ายๆกับภาษาไทยค่ะ คือเรียงเป็นประธาน+กริยา+กรรม
ตัวอย่าง เช่น ฉันกินข้าว ภาษาจีน คือ หว่อชือฟ่าน (หว่อ =ฉัน ชือ= กิน ฟ่าน =ข้าว) จะสังเกตเห็นว่าเรียงโต้งๆแบบนี้เลย เราลองเอาคำศัพท์ในหัวมาเรียงๆกันแล้วพูดออกไป คนจีนก็เข้าใจค่ะ เราเลยค้นพบว่า ภาษาจีนก็ไมได้ยากขนาดที่คนเราจะเรียนและพูดไม่ได้เลย แถมภาษาจีนไม่มีtense แบบภาษาอังกฤษ นั่นคือ จะกินวันนี้ หรือกินเมือวาน หรือกินวันพรุ่งนี้ ก็จะยังใช้คำว่า 吃
(chi) อยู่ดี
ถ้าภาษาอังกฤษต้องผันtense เช่น eat ate eaten กริยาสามช่องต้องมาจ้า
Pinyin คือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เอาไว้ในคนต่างชาติอย่างเราๆใช้อ่าน ตัวจีน
สำหรับคนที่เริ่มเรียนเรายังอ่านตัวจีนกันไม่ออก ก็ต้องอ่านpinyinนี่แหละค่ะ แถมการสอบวัดระดับ HSK ใครที่ยังอ่านตัวจีนไม่ออกก็สามารถสอบวัดระดับได้ค่ะ เนื่องจากในตัวข้อสอบจะมีpinyinให้
.
พูดถึงการสอบวัดระดับภาษาจีนที่เป็นที่ยอมรับกัน นั่นคือ HSK หรือ Hanyu shuiping kaoshi ในการสอบวัดระดับ HSK นี้ถ้าสอบผ่านสามารถนำไปใช้ขอทุนเรียนต่อที่จีน สมัครงาน อัพเงินเดือน ได้ค่าภาษา ถือว่ามีประโยชน์มาก
สำหรับ HSK มีทั้งหมด 6 ระดับ ระดับ1 คือระดับเริ่มต้น และระดับ 6 คือระดับสูงสุด มาพูดถึงระดับ1 จะมีคำศัพท์เพียง 150 คำ ข้อสอบมีการฟังกับการอ่านรวม 200 คะแนน สอบผ่านที่ 120 คะแนนขึ้นไป ระดับ1มี pinyin ให้ ถึงเราจะอ่านตัวจีนไม่ออก แต่เราก็สามารถอ่านตัวเลือกได้ ข้อสอบการฟัง จะทดสอบประโยคสั้นๆ คำศัพท์พื้นฐาน และข้อสอบพูดช้ามาก และพูดซ้ำสองรอบ ดังนั้นใครที่คิดจะสอบระดับ1 ให้ผ่านนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ และถ้าเราสอบผ่านแล้วก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีในการเรียนระดับสูงต่อไป
.
มาดูที่ภาษาญี่ปุ่นบ้าง
.
หลายๆคนบ่นและรู้กันดีว่าภาษาญี่ปุ่นยาก แม้แต่เจ้าของภาษาเองก็ยังบอกว่ายาก เรามีเพื่อนคนญี่ปุ่นค่ะ พอเค้ารู้ว่าเราจะสอบ JLPT เค้าก็ถามว่า จะเรียนจริงเหรอยูมิ ภาษาญี่ปุ่นยากนะ ขนาดชั้นเป็นคนญี่ปุ่น ชั้นยังคิดว่าภาษาญี่ปุ่นยากเลย ฮ่าๆ
ไวยากรณ์ ว่ากันว่าปวดหัวสุดๆ ถ้าใครใจไม่รักจริงๆ ท้อใจและเลิกเรียนไปหลายรายแล้วค่ะ เราเคยเอาคำศัพท์มาเรียงๆแล้วคุยกับคนญี่ปุ่น ปรากฏว่า คนญี่ปุ่นงงค่ะ 5555+ เราเลยค้นพบว่า มันจะเอามาเรียงๆกันแล้วพูดออกไปเลยไม่ได้ เพราะแกรมมาร์ภาษาญี่ปุ่น ไม่เหมือนภาษาอื่น คือจะเอาคำกริยาไว้ท้ายประโยค เช่น ถ้าจะพูดว่า ชอบอันนี้ ภาษาญี่ปุ่นต้องพูดว่า “อันนี้ชอบ” kore sukidesu จะเห็นว่าคำว่าชอบ ที่เป็นกริยาจะอยู่ท้ายประโยค แถมภาษานี้ต้องผันtense ปัจจุบัน เมื่อวาน อนาคต ต้องมีการเติม shita ไว้ท้ายประโยค
นอกจากนี้ตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่น มีทั้งชุดอักษรฮิรางานะ คาตาคานะ ตัวคันจิ (ยืมตัวจีนของภาษาจีนมาใช้) และก็โรมันจิ
.
ในส่วนของคันจินั้น หลายๆคนหนีจีนมาเรียนญี่ปุ่นก็ยังต้องเจอตัวจีนนะคะ แถมตัวจีนในภาษาญี่ปุ่น ออกเสียงได้สองเสียงคือออกเสียงแบบจีนและออกเสียงแบบญี่ปุ่น ก็คือต้องจำว่าคันจิตัวนี้ออกเสียงว่าอย่างไรบ้าง
.
มาถึงการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือ JLPT จะมี 5 ระดับค่ะ N5 คือระดับเริ่มต้น N1 คือระดับสูงสุด สามารถสมัครงานล่ามญี่ปุ่นได้
.
มาดูกันที่ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับเริ่มต้น ต้องจำศัพท์ให้ได้ประมาณ 1000 คำ
ต้องรู้ฮิรางานะ คาตาคานะ และคันจิค่ะ คันจิของระดับ 5 จะมีประมาณ 100 ตัว แต่ละตัวก็จะมีทั้งเสียงจีนและเสียงญี่ปุ่น ถ้าจะทำข้อสอบให้ผ่านต้องจำให้ค่ะ เพราะข้อสอบออก และไม่มีโรมันจินะคะ ในHSKระดับ1 ยังมีpinyinให้
แต่ของJLPT ไม่มีนะคะ เราต้องอ่านตัวอักษรเอง คะแนนเต็มจะอยู่ที่ 180 คะแนน ผ่านที่ 80 คะแนน แต่คุณต้องผ่านทั้งสองส่วน นั่นคือ การอ่านต้องได้ 38 คะแนนขึ้นไป และการฟังต้องได้ 19 คะแนนขึ้นไป ดังนั้นถ้าคะแนนรวมเกิน 80 คะแนน แต่พาร์ทใดพาร์ทนึงคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ก็ถือว่า ไม่ผ่านค่ะ
.
จะสังเกตได้ว่าภาษาญี่ปุ่นระดับเริ่มต้นยังใช้เกณฑ์วัดกันขนาดนี้ และต่อยอดขั้นสูงขึ้นไปก็มีไวยากรณ์และตัวคันจิที่เราต้องจำเพิ่ม ดังนั้นใครจะเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ใช้งานได้จริง ต้องอดทนและใจรักมากๆเลยค่ะ
.
สำหรับเราแล้ว******ภาษาญี่ปุ่นยากกว่าค่ะ***********
.
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ เรามีเพื่อนเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ เค้าบอกว่าภาษาจีนคือเค้าไม่เรียนเลย ไม่มีใจรักค่ะ และก็ไม่ได้สนใจในภาษาจีน
แต่ภาษาญี่ปุ่นเค้าเรียนได้เรื่อยๆ และชอบเรียนค่ะ สุดท้ายแล้วก็อยากให้เพื่อนๆตั้งเป้าหมายในการเรียนและก็เลือกเรียนตามที่เราชอบจะดีที่สุดค่ะ ^^
หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจจะเรียนภาษาที่สามนะคะ
โฆษณา