5 ก.ค. 2021 เวลา 13:06 • การศึกษา
รีวิว…ฝึกงาน Creative ME แล้วได้อะไร
บทความจากน้องนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ แต่น้องเป็นคนภาคอีสาน ซึ่งมาฝึกงานที่บริษัท ได้เล่าเรื่องราวของบริษัทให้ผมฟังผ่านบทความ ผมเลยถือโอกาสมาแบ่งปัน การรีวิว เขียนบล็อกเป็นหนึ่งในงานที่ต้องส่งให้ผมก่อนกลับไปมหาวิทยาลัยครับ
เริ่มกันเลยดีกว่าครับ น้องนักศึกษาปี 4 เพศชาย ชื่อน้องอาก้า นะครับ
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวบริษัท Creative Me ย่านอุดมสุขเป็นบริษัท Software House ครับ
ผมเป็นนักศึกษาฝึกงานครับจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้…. มากับเพื่อน 2 คน ที่เลือกมาฝึกงานที่นี่หรอครับเพราะว่า หนึ่งคือค่อนข้างตรงกับสายที่เรียนมา ผมเรียนคณะ บริหารธุรกิจ สาขา ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ มีเขียนโปรแกรมด้วย มีจัดการเอกสารอะไรพวกนี้ด้วย ซึ่งผมชอบการออกแบบดีไซน์ครับ (จะได้ฝึกที่ตัวเองชอบไม๊น๊า….) ไว้เดี๋ยวเล่าในรายละเอียดต่อไปนะครับ
โอเค.. ผมขอเริ่มจากการอธิบายลักษณะและภาพรวมขององค์กรก่อนเลยนะครับ
บริษัท Creative Me เป็นบริษัทที่สำหรับผมไม่คิดว่าเล็กนะครับ กลางๆ ตอนที่เข้ามาฝึกงานแรกๆก็คิดว่าเป็นบริษัทที่เล็ก มีพี่ๆอยู่ไม่กี่คน แต่พอรู้ว่ามีพี่ๆที่ไป on site ด้วยคือเยอะมากที่นับได้ราวๆ เกือบ 40 คนได้ ที่ตั้งบริษัทอยู่ อุดมสุขซอย 39/1 เป็นเหมือนบ้านจัดสรร แต่เป็นตึก4–5 ชั้นเรียงยาวติดกัน
(ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไร -*-) เข้าไปในซอยบริษัทจะอยู่บ้านเลขที่ 43 มีป้ายบริษัทติดหน้าบ้าน (Creative Me ดำฟ้าเขียว) ส่วนข้างในบ้าน (ผมขอเรียกบ้านละกันนะครับ)จะแบ่งเป็น 4–5 โซนในการทำงาน
ชั้นแรกเดินเข้าไปเปิดประตูเจอเลย…. เป็นชั้นของทีม Graphic Design และ HR ครับ ผมกับเพื่อนฝึกอยู่ชั้นนี้ การจัดที่นั่งเป็น 4 โต๊ะหันหน้าเข้าหากัน 4 โต๊ะสองกลุ่มครับชั้นนี้จะมีห้องครัวกับห้องน้ำด้วย ห้องครัวของกินเยอะมาก มีตู้เย็นสามารถซื้อของตัวเองมาแช่ไว้ได้ค่อนข้างฟรีสไต.. ฟรีสไตยังไงเดี๋ยวเล่าในหัวข้อถัดไปครับ ห้องน้ำสะอาดแต่เวลากดสายฉีดจะมีเสียงเด็กร้อง……เอาหละ ในชั้นนี้นะครับจะมีพี่ๆอยู่ 5 คน 3 คนคือทีม Design อีก 2 คนคือ HR และผมกับเพื่อน 2 คน
ชั้นถัดไปชั้น 2 เป็นชั้นของทีม Dev เป็นชั้นลอย ที่สามารถมองลงมาแล้วเห็นว่าทุกคนกำลังแอบหลับ…หยอกครับ เป็นชั้นที่เปิดแอร์เย็นมาก 21 องศา การจัดโต๊ะ จัดเป็นข้างละ 4 หันหน้าเข้าหากัน มี Tester 1 คน Developer 5 คน ห้องน้ำ 1 ชั้นนี้ถ้าหิวข้าวหิวน้ำต้องเดินลงไปชั้น 1 ครับ
(ได้วิวสวยแต่ต้องเหนื่อยหน่อยนะ หึหึ..) ไม่เหนื่อยหรอกบันได 12 ขั้น *-*
ถัดไปปป เรียกว่าชั้นก็ไม่เต็มปาก อยู่ระหว่างชั้น 2 เป็นทางขึ้นไปชั้น 3 ผมขอเรียกว่าชั้น เศษ 2 ส่วน 3 ละกัน (เป็นห้องเย็น…) เป็นห้องบัญชีครับ ทุกอย่างคือความลับ เป็นห้องที่เวลาผมไปเข้าห้องน้ำชั้น 2 แล้วไม่กล้าที่จะมองเข้าไป ใบสัญญาเก็บความลับในมือมันสั่น ห้องนี้มีพี่บัญชี 1 คน พี่เขาจะไปมาติดต่อกับ HR แบบนินจา? จริงๆแล้วพี่เขาต้องเก็บความลับของบริษัทครับ เป็นชั้นเศษ 2 ส่วน 3 ที่ผมคิดว่าน่าจะเครียดอยู่พอสมควร….อะต่อไปปป ชั้น 3 มาถึงชั้นนี้เหนื่อยครับ อธิบายเหนื่อยหรอ? เปล่าขึ้นบันไดเหนื่อย…. ชั้นนี้เป็นพื้นที่ของห้องประชุม ทุกคนหรือทุกทีมที่ต้องการประชุมงานหรือพูดคุยแชร์ประสบการณ์กัน (ประสบการณ์อะไรทำงานอยู่ที่เดียวกัน………ซื้อป็อบครอนรอเลยครับ) จะใช้ห้องนี้เป็นหลัก ถ้าว่าชั้น 2แอร์หนาวแล้ว คุณยังมาไม่ถึงบริษัท Creative Me เคยไปเที่ยวแอนตาร์กติกาไหมครับ ไม่ต้องไปไกลถึงที่นั่น มาห้องประชุมของบริษัทนี้….หยอกอีกแล้ว (แต่หนาวจริงๆ!) ภายในห้องมีกระดานไวท์บอร์ด 1 อันใหญ่ๆหลังห้อง และหน้าห้องมีทีวีจอใหญ่มากอีก 1 เครื่อง มีโต๊ะประชุมตรงกลาง และติดหน้าต่างจะเป็นโซฟายาวๆ เป็นห้องที่เก็บเสียงค่อนข้างดีครับ
ต่อไปชั้น เศษ 3 ส่วน 4 ? เป็นห้องทำงานของระดับผู้บริหารก็ว่าได้ เพราะว่าผู้บริหารอยู่ในห้องนั้นด้วยผมเคยมีโอกาสเข้าไปในห้องนั้นครั้งหนึ่ง จะมีอยู่ 3 โต๊ะทำงาน ในส่วนนี้ผมไม่รู้จริงๆว่านอกจากมีผู้บริหารแล้วพี่อีกสองคนเขาทำตำแหน่งอะไร (ขอโทษด้วยนะค่าบ -ll-) เป็นห้องที่ไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ไซส์ปกติ มีห้องน้ำในตัว ไปชั้น 4 ต่อเลยนะครับ ไป๊!
…..ต่อมาชั้นสุดท้ายนะครับชั้น 4 เป็นชั้นของทีม BA มีพี่ๆอยู่ 3 คน เป็นห้องกระจก มีโต๊ะยาว 3–4 โต๊ะเรียงกันติดหน้าต่าง มีกระดานไวท์บอร์ด 1 อันที่เต็มไปด้วยโพสอิท และทีวีจอใหญ่มากอีก 1 เครื่อง ห้องนี้วิวดีมากๆครับ แต่! ชั้นของกินอยู่ชั้น 1….
โอเค นี่ก็คร่าวๆสำหรับภาพรวมและลักษณะขององค์กรที่ผมไปฝึกงานนะครับ โดยรวมแล้วผมโอเคกับกับเป็น Software House แบบนี้นะครับ Minimal ดี.. ไปหัวข้อถัดไปเลย
มะ… หัวข้อถัดมาผมขอเล่า ระบบการทำงานของบริษัทนี้กันนะครับ (รวมถึงความฟรีสไตที่ผมกล่าวไปในหัวข้อข้างต้นด้วย)
ระบบการทำงานนี้ผมจะเล่าจากความรู้สึกของผมเลยนะครับ (ผิดถูกยังไงพี่ๆ Creative Me ที่เข้ามาอ่านรบกวนอธิบายเพิ่มเติมจากที่ผิดไปได้เลยนะ) การทำงานของบริษัทนี้ที่ผมบอกว่าค่อนข้างฟรีสไตนั้นเพราะว่า… แล้วแต่ลูกค้าจะรีเควสมา ขั้นตอนการทำงานของบริษัท คือจะมีทีมที่ไปรับงานจากข้างนอกมา เมื่อได้เนื่องานมาแล้วนำมาให้ทีม Design ออกแบบ เสร็จแล้วนำไปให้ทีม Dev ใส่ Code ลงไปให้ระบบทำงานได้ตามที่ทีม Design ได้ออกแบบมาจากนั้นให้ Tester เป็นคนเทสระบบทั้งหมดว่ามีบัคอะไรตรงไหนไม๊จะได้ให้ทีม Dev แก้ไขต่อไป เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งงานรับเงิน (ตามที่ผมเข้าใจนะครับ)
ซึ่งงง.. ผมเด็กฝึกงาน งานที่ผมได้ทำชิ้นแรกคือการทำคู่มือให้ระบบ ระบบหนึ่ง ฟังดูอาจดูง่าย แต่… มันยากครับ มันยากตรงที่ไม่ถูกต้องตามที่เขาวางแผนไว้ (ทำไมไม่ถามพี่เขาหละว่าแผนเป็นยังไง) อธิบายก่อนนะครับว่าพี่เขาก็คงได้รับมอบหมายมาอีกที คือผมถามว่าพี่ต้องการแบบไหน พี่ๆก็อธิบายว่า
แบบนี้ๆ นะอ่าโอเคทำเสร็จปุ๊บแก้ใหม่ เป็นแบบนี้ครับความยากที่ผมพูดถึง การแก้ไขงานหลายๆรอบ ส่วนตัวผมอยากให้ชัดเจนกับลูกค้าไปเลยว่าเขาต้องการแบบไหนให้ลูกค้าเสนอมา ถ้าลูกค้าต้องการแก้ไขในรูปแบบที่ลูกค้าเสนอมาก็ต้องมีค่าแรงเพิ่ม ความฟรีสไตคือ! พี่เขาไม่ได้กดดันหรือทำให้เรารู้สึกแย่เลยครับเหมือนกับว่าพี่เขาให้กำลังใจตลอดเวลา ทำงานอยู่หิวก็ไปที่ห้องครัวหยิบขนมมานั่งกินต้มมาม่ายังได้ แล้วแต่คุณจะนึกอยากกินอะไรโทรสั่งได้เลย กินตอนไหนเวลาไหนได้หมดเลย นอนพักสายตาซักงีบ (มีพี่คนนึงบอกผมว่าถ้าง่วงมากๆงีบเลย…ผมห๊ะ! ได้หรอครับ เอาหมอนให้เราด้วย…พี่เขาพูดต่อว่า คนเราถ้าง่วงมากการทำงานจะได้งานที่แย่ๆออกมา เพราะฉะนั้นงีบเลย อ๋าโอเคคค….) ผมชอบมากฮ่า แต่งานคุณต้องเสร็จตามทามไลน์นะครับ! เข้าไปวันแรกพี่เขาก็เรียกไปคุยว่าถนัดด้านไหนชอบทางไหนพี่เขาจะได้จัดงานให้ถูก คือดีมากครับ ตอนแรกๆพี่เขาจะให้ทำงานรวมๆไปก่อน (หมายถึงทำกับทุกๆทีม แต่ผมยังไม่เคยทำ Dev นะครับ) เพื่อที่ว่าพี่เขาจะดูความถนัดของเรา ล่าสุดผมก็ได้ลองเริ่มทำเกี่ยวกับสิ่งที่ผมคิดว่าผมถนัด คือการออกแบบดีไซ พี่ๆก็ให้มางานหนึ่งให้เราไปออกแบบ แนะนำโปรแกรมและการใช้งานคร่าวๆ และให้เราไปดูในยูทูปอีกที (ก็เข้าใจครับงานพวกพี่เขาเยอะจริงๆ) ถึงจะไม่ค่อยมีงานเข้ามาแต่พี่เขาก็พยายามหามาให้เราทำ ส่วนงานที่ใหญ่กว่านี้ผมก็ไม่กล้ายุ่งครับกลัวทำของพี่เขาเสียหาย ส่วนเรื่องที่ผมบอกในหัวข้อที่แล้วอีกหนึ่งเรื่องคือ การแชร์ประสบการณ์ ส่วนตัวผมคือดีมากๆนะครับ ถึงผมจะไม่ได้ร่วมแชร์แต่ผมก็แอบฟังมันเป็นสาระความรู้ดีๆนี่แหละ
(หือ?แอบฟัง ทำไมต้องแอบฟัง…) มันก็ไม่เชิงว่าแอบฟังหรอกครับ มันคือการที่ทีม Dev จะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับข่าว (ส่วนใหญ่เป็นข่าว IT) แล้วจะเอามาแชร์กันในทุกๆเย็นก่อนเลิกงาน เอ้อที่นี่เข้างาน
9.00 น. เลิกงาน 18.00 น. และในตอนเช้าทุกเช้าพี่ๆเขาจะทำการ SCUM มันคือการเล่าว่าเมื่อวานคุณทำอะไร วันนี้จะทำอะไร ติดปัญหาอะไรตรงไหนไม๊ จะได้ช่วยกันแก้ไข ในมุมผมคือดีมากๆเลยครับ
เหมือนเป็นการทำงานแบบพี่ช่วยน้อง และในตอนที่ว่างๆกัน จะมีบอร์ดเกมให้เล่น มีเล่นเกมกันด้วยนะ เตะบอล ตีแบท ว่าไป ฟรีไม๊หละครับ ฟรีที่สุด….. ในหัวข้อต่อไปผมจะมารีวิวพี่ๆที่ทำงานนะครับ
(ขำอีกละฮ่าๆ… ตอนส่งหัวข้อให้พี่เขาดูว่าจะรีวิวอะไรบ้าง ก็ขำบอกว่าจะรีวิวพี่ๆ (พี่ๆฉันเป็นสินค้า?) )
ว่าไปป…. หัวข้อถัดมา พี่ๆฉันเป็นสินค้า?
จะว่าไปก็หล่อเท่กันทุกคนนะครับมีใครจะรับไปไว้ในอ้อมอกอ้อมใจไม๊ค่าบ… เอาหละเริ่ม!
คนแรกนะครับคนที่ผมรับสายโทรศัพท์คนแรกก่อนมาฝึกงาน “พี่ป๊อบ” น่าจะเป็นพี่ใหญ่สุด เป็นคนสุขุมนุ่มลึก อ่าฮ่า… เป็นคนสุภาพเรียบร้อยทำงานทั้งวัน ผมไม่เคยเห็นพี่เขาออกจากจอคอมเลยตั้งแต่เริ่มทำงานจะมีก็แต่ไปประชุมกับไปหาลูกค้า มีนานๆทีลุกออกมาหยิบมาม่ามาขยำ กินดิบ! แกบอกอร่อยหายง่วง ฮ่าๆ แกนั้งข้างหน้าผมครับ ชอบเปิดม่านดูบรรยากาศข้างนอก มีความน่าเชื่อถือมากๆครับ
คนต่อมาที่ผมรับสายโทรศัพท์คนที่สองต่อจาก พี่ป็อบ คือ “พี่พราว” หรือซ้อพราว เป็นคนเดียวในบริษัทที่เรียกชื่อเล่นฉันถูก ฮ่า.. เป็นคนตลกไม่ได้อวยนะครับมีเรื่องตลกฮาๆเล่าให้ฟังตลอดทุกการสนทนา เป็นคนที่จริงจังกับงาน ครั้งนึงผมเคยถามแกตอนแกงานยุ่ง (แล้วผมก็ไม่ได้ถามพี่เขาตอนทำงานอีกเลยฮ่า…เอาเป็นว่าจริงจังกับการทำงาน) ชอบพาผมทำนู่นนี่นั่นล่าสุดต่อต้นคริสมาส…
(งานหนักไม่เคยฆ่าคน)
ต่อไปคือ… “พี่ป่าน” เป็นผู้บริหารของบริษัท Creative Me เป็นคนที่เนี๊ยบมากๆ มาแรกๆผมไม่กล้าที่จะสบตาเลยครับ เกรงใจมากๆ เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ยิ้มบ่อย ความยิ้มบ่อยของพี่เขานี่แหละครับทำให้ทุกอย่างดูเป็นกันเอง จนตอนนี้ก็หายเกรงแล้วครับ (หรอ…. แหมก็มีบ้าง)
ถัดมา…. “พี่ฝน” เหมือนจะเป็นคนที่ตำแหน่งรองมาจากพี่ป่าน เป็นคนที่จริงจัง มาตอนแรกผมก็กลัวแกดูแข็งขันกระตือรือร้นในการทำงาน ไม่ค่อยเล่น มีคติในการใช้ชีวิต เป็นคนป้อนงานให้ผมในตอนเข้าฝึกงานตอนแรก แต่นานเข้าแกเป็นคนใจดีนะครับ พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออะไรหลายๆอย่าง
อะต่อ… “พี่อู๋” เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด (ให้ผมอธิบายก่อนนะครับฮ่า…) คือแกเป็นคนสูงแต่หุ่นผอมขาวซีดๆ แกทำงานไม่เคยน่าบึ้งเลย (หรือยังไม่เคยเห็นกันนะ) พิมงานไวมาก เสียงแป้นพิมนี่กึกๆ พูดเร็วแต่เข้าใจ ที่ผมสังเกตแกเป็นคนหัวไว ยกตัวอย่าง ลูกค้ารีเควสอะไรซักอย่าง ผมก็นั่งฟังอยู่ด้วย ผมกำลังเรียงลำดับขั้นตอนที่ลูกค้าพูดมา แต่เหมือนแกจะคิดไปตามที่ลูกค้าพูดในตอนนั้นเลย ถามปุ๊บตอบปั๊บ
(วะ วะ…..ไว)
ต่อ…. “พี่เติ้ล” เป็นคนที่มาเช้าที่สุดในบริษัทถ้าไม่นับรวมเวลาที่ “พี่นุ่น” นอนที่บริษัท มาเช้ามากๆละแกหน้านิ่ง เวลาขำก็น่าเดิม ยิ้มก็หน้าเดิม (หรือฉันคิดไปเอง) พูดน้อย ตั้งใจทำงาน พี่เขาผมก็ไม่ค่อยจะเห็นลุกออกจากโต๊ะตัวเองเลยคล้าย ๆ พี่ป็อบเลยครับ
ต่อเลยนะครับ…. “พี่นุ่น” ผมก็ไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไงแต่หน้าดุแต่เวลายิ้มต่างกันลิบลับน่ารัก เป็นคนที่ทำงานดึก อย่างที่พูดไปแกนอนที่บริษัทเลยครับวันไหนที่อยู่ดึก เวลาเดินจะมีพี่คนนึงแซวแกตลอดว่า ใช้มือตบบันไดลงมาอะไรซักอย่างฮ่าๆ คนที่แซวคือ “พี่จิ๊บ” เป็นคนต่อไปเลย….
มะ….. “พี่จิ๊บ” ส่วนตัวผมแกเป็นคนอินดี้ โนแคร์ ถามมาตอบไป แกทำงานไปด้วยดูพี่เอกแคสเกมไปด้วยอินดี้พอไม๊ครับ แต่งานออกแบบแกนี่อื้อหือ ส๊วย! (เสียงมิลลิเพลง สุดปัง)
ต่อไปปป… “พี่มิ้น” เป็นคนผอมๆดูไม่ค่อยพูด ทำงานนั่งเงียบ ใส่ฮูทใส่แว่นเหมือนในหนังที่เกี่ยวกับแฮกเกอร์เลย แต่เหมือนจะมีหลักการเป็นของตัวเอง (ผมไม่ค่อยได้คุยกับพี่เขานะครับเลยไม่รู้ว่าจริงๆพี่เขาเป็นยังไง)
ต่อไปเป็นคนที่ผมคุยด้วยบ่อยที่สุดครับ… “พี่เนตรรรร” ตัวเล็กผมยาวเป็น Tester คนเดียวในกลุ่ม Dev แกเป็นคนที่ขายทุกอย่างบนโลกใบนี้ หาเงินเก่ง (ใช้เก่งด้วยรึเปล่าพี่ฮ่า..) หาเรื่องคุยเก่ง แนะนำให้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่าง คือผมแกล้งบ่อยมากอย่างเอากล่องข้าวไปซ่อนฮ่าๆ แต่แกไม่ถือสานะครับ เลยน่าแกล้ง *-*
ต่อไปคือ…. “พี่หญิง” แต่คนในบริษัทจะเรียกแกว่า องค์หญิง แต่ก็เหมือนนะครับ แกดูบอบบาง สวย แต่งตัวไม่ซ้ำเลยซักวัน น่าจะเป็นที่มาของคำว่า องค์หญิง (รึเปล่า) ถ้าไม่รู้จักเหมือนคนพูน้อย…แต่จริงๆแล้วหนะหรอ ก็พูดพอดีนั่นแหละครับพูดช้าๆ เป๋นกนเจียงใหม่จ้าว…
โฆษณา