5 ก.ค. 2021 เวลา 14:04 • ข่าว
โรงงานโฟมที่ระเบิด ทุกคนในรัศมี 10 กม. ต้องอพยพเท่านั้น
24
พึ่งรู้ว่าความรู้เรื่องปิโตรเคมี ที่เรียนมาจะเอามาใช้ได้ในวันนี้
จากกรณีระเบิดโรงงานโฟมที่กิ่งแก้ว
ผมขอเตือน ทุกคนในระยะรัศมี 10 กม. ต้องอพยพเท่านั้น
15
1.สารตั้งต้นที่ทำให้เกิดการระเบิดรวมถึงทำให้ไฟไหม้ไม่หยุด ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคือ Styrene monomer เรียกง่ายๆว่ามันคือสารตั้งต้นในการผลิตออกมาเป็นโฟม
9
2.จำนวนStyrene ที่ผู้จัดการโรงงาน รายงานก่อนการเกิดเหตุคือ 1,600 ตัน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ หากคิดว่าเป็นสถานะของเหลวจะได้ราวๆ 1,600,000 ลิตร ที่ติดไฟได้ ได้ทุกสถานะ ไม่ว่าจะเป็น ของแข็ง ของเหลว หรือ Gas ถ้าเป็นจริงและมันติดไฟทั้งหมด ผมคิดว่า 1 อาทิตย์มันยังไหม้ ไม่หมดเลยครับ
21
3.Styrene สามารถเผาไหม้กับ ออกซิเจนในอากาศ โดยมีอุณหภูมิ แค่ 60 องศาC ก็สามารถติดไฟได้แล้ว
15
4.การฉีดน้ำเพื่อดับเพลิง ไปบน Styreneโดยตรง แทบไม่มีประโยชน์เนื่องจากความหนาแน่นของมัน (Density 0.9xx) เบากว่าน้ำ ทำให้มันยังคงติดไฟได้ต่อ เพราะจะลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
24
5.การใช้วิธีฉีดโฟมดับเพลิงปิดคลุมผิวหน้า เพื่อตัด ไม่ให้เชื้อเพลิงเจอกับออกซิเจน เป็นทางเดียวที่สามารถตัด วงจรปฏิกิริยาการเผาไหม้ได้ และเป็นเรื่องเดียวที่เราทำได้ในขณะนี้ แต่ถ้าของอยู่ในถังเก็บ ไม่ว่าจะบนดินใต้ดิน ข้อนี้ก็จะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากฉีดโฟมไปก็จะไม่สามารถเข้าไปในถังได้
13
6.แนวคิดที่ให้ เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟมลงมาจากท้องฟ้า มีข้อจำกัดเยอะเกินไป ทั้งเรื่อง ไม่สามารถควบคุมโฟมให้ลอยตกในที่ ที่ต้องการได้ เนื่องจากน้ำหนักโฟมเบา หรือ ไม่มีใครการันตีได้ว่าของในถังจะระเบิดเมื่อไหร่ และแรงระเบิดอาจรุนแรงทำให้ ฮ.ตกได้ รวมถึง เราไม่เคยฝึกซ้อมการผูกรัด เพื่อหย่อนของประเภทของเหลวโปรยลงจากท้องฟ้าโดย ฮ.มาก่อน
21
7.การฉีดน้ำทำได้เพียงการฉีดไปบริเวณโครงสร้างของถัง เพื่อช่วยแลกเปลี่ยนความร้อน และลดอุณหภูมิ แต่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ทั้งหมด เนื่องจาก Styrene ในถังเกิดปฏิกิริยา Self polymerization และคายความร้อนออกมาตลอด (Exothermic reaction) ของในถังอยู่นิ่ง ไม่มีการ Mixing อย่างทั่วถึง ทำให้ไม่สามารถลดอุณหภูมิของเหลวในถังได้โดยง่าย เพราะงั้นก็เลิกคิดเรื่องฉีดน้ำได้แล้ว
27
8.การเกิดการเผาไหม้นี้ Product ที่ได้ออกมามีตัวที่น่าห่วงคือ คือ คาร์บอนมอนนอกไซด์( CO ) พูดง่ายๆ การสูบดมควันของการเผาไหม้นี้ คุณอาจจะสลบในระยะเวลาอันสั้น หรือ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง หากได้รับเข้าไปในปริมาณมากๆ
15
9.การควบคุมปฏิกิริยาทั้งหมดนี้ อาจทำได้โดยการเติมสารยับยั้งปฏิกิริยาลงไป แต่เราเลยจุดนั้นมานานแล้ว ปัจจุบันหากอุณหภูมิในถังเก็บเกิน 60cก็เลิกคิดซะ
10
10.ในความคิดของผม เรื่องการดับไฟ ตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะมันขยายวงกว้างมากขึ้นไปเรื่อยๆ เลวร้ายที่สุดเราคงต้องรอให้ สารตั้งต้นทั้งหมด มันเผาไหม้ไปจนหมดไปเอง โดยที่ ไม่มีการไปเผาไหม้อะไรให้ระเบิดเพิ่มเติม หรือทำให้การเผาไหม้กินบริเวณกว้างมากไปกว่านี้
15
11.ฝนหลวงไม่ได้ช่วยอะไรทั้งนั้น
35
12. เป็นเวลาเกือบ 18 ชั่วโมงแล้ว ที่ ทางรัฐบาลหรือ ทางราชการ ยังไม่มีAction ให้หน่วยงานไหน ออกมารับมือกับวิกฤตินี้ รวมทั้ง ไม่มีศูนย์บัญชาการ ทิศทางการแก้ไขปัญหา ผมติดตามข่าวมาตั้งแต่เช้า ประชาชนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
54
ผมติดตามข่าวมาตั้งแต่เช้า ประชาชนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง ต้องอพยพตอนไหน หรือต้องระวังอะไรบ้าง ไม่มี Action-Plan อะไรสักอย่างเลย
4
นี่ยังไม่นับความไม่พร้อมเรื่อง ชุดป้องกันเพลิง ชุดป้องกันสารเคมี ที่มีมาตรฐาน ที่ตั้งแต่เช้า ผมยังไม่เห็นความพร้อมเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
7
ถามจริงๆเถอะครับ ชีวิตประชาชนมันไม่มีค่าขนาดนั้นเลยหรอ ? งบพวกนี้ของเราไปไหนหมด ??
7
ผมขอเตือนอีกที การอพยพออกมาเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นครับ
7
อย่าหวังรอให้ใครช่วยเรา ตอนนี้ต้องช่วยตัวเองก่อนครับ
17
ปล.แต่ถ้ามี เหตุการณ์บานปลาย เป็นWorst Case มากกว่านี้เกิดขึ้นจริงๆ คือการลามเพลิงครั้งนี้ไปทำให้เกิดการระเบิด ครั้งใหม่ในที่อื่นๆ โรงงานอื่น หรือหรือสารเคมีอื่นๆ ผมเกรงว่า รัศมี 10กิโลเมตร อาจจะยังไม่พอสำหรับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพยสินของท่าน ทางที่ดี ในระยะ 20กิโลเมตร หาทางอพยพออกมาก่อน น่าจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยกว่าครับ
3
อย่าสูดควัน
อย่าคิดว่ามันอยู่ไกลคงไม่ถึงเรา
แนะนำอพยพอย่างเดียวเท่านั้น
ขอให้ทุกคนปลอดภัยครับ
5
โฆษณา