7 ก.ค. 2021 เวลา 04:53 • สุขภาพ
ท่านใดเคยมีภาวะเครียดหนักบ้างมั้ยคะ มีวิธีรับจัดการความรู้สึกแบบรี้ยังไง ?
คำถามนี้ถูกลบ
ความเครียดเป็นโรคฮิตติดอันดับต้นๆ ของมนุษย์ในปัจจุบัน คนเราจะเครียดก็เพราะมีปัจจัยที่เป็นปัญหามารุมเร้าจากระดับน้อยๆพลอยรำคาญ และมากๆ จนถึงระดับที่ควบคุมไม่ได้และเป็นที่น่าเสียใจคือความเครียดทำให้หรือบังคับให้คนคนนั้นไปประกอบอัตตวินิบาตกรรมได้
ภาวะเครียด หรือ Stressed มีสาเหตุใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ
1. ทางจิตใจ (Mentally Stressed) เกิดจากกระบวนความคิดที่ไม่ลงตัว หรือหมกมุ่นอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วไม่สามารถจะจัดการให้สิ่งนั้นบรรลุผลสำเร็จหรือมันไม่ยอมลุล่วงเสร็จสิ้นลงไป
2. ทางร่างกาย (Physically Stressed) เกิดจากอะไรก็แล้วแต่ แต่มีผลที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนไม่หลับในตอนกลางคืน แล้วไปผล็อยหลับในตอนกลางวัน เช่น ร่างกายขาดสารอาหารจำเป็นบางอย่าง ร่างกายจึงไขว่(Body Acquired) จนเกิดโรคตามมา คือโรคขาดสารอาหาร หรือใช้ยาจนเกินความจำเป็น จนร่างกายดื้อยา หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่จนเกิดความผิดปกติในร่างกาย
การแก้ไขความเครียด
1. ทางการแพทย์ หรือ Medication (สังเกต Medi-) ทางการแพทย์คือการให้หรือเพิ่มยาหรืองดหรือลดยา เพราะหมอน่าจะช่วยในเรื่องนี้ได้ ยกเว้นไปเจอหมอที่รักการค้า อยากจะขายยาเพิ่มรายได้อย่างเดียว หรือให้ยาหลอก (Placebo ลาตินแปลว่า I am pleased หรือ ฉันพอใจ) คือยาที่ไม่ใช่ยาแต่เป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่เป็นอันตราย เป็นการหลอกให้ผู้ป่วยคิดว่าได้รับยาแล้ว ผู้ป่วยก็จะรู้สึกผ่อนคลาย เพราะเห็นว่า มาหาหมอแล้ว ได้กินยาแล้ว จึงเป็นการรักษาอาการได้ทางหนึ่ง หรือหมอจะต้องให้ยาจริง ก็คือสารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นมาเป็นสารประกอบที่มาจากยาเสพย์ติด เช่นเจอด้วยมอร์ฟีนหรืออะไรอย่างอื่นที่ทำให้หลับลงได้ แต่ผลเสียก็คืออาจจะก่อให้เกิดการเสพติด(Addiction) และอาจส่งผลเสียไปถึงจุดที่ผู้ป่วยหันไปเสพยาเสพติดจนได้ ข้อนี้ผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิดต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันแนะนำ
2. ทางศาสนา ปรัชญา ความเชื่อ ซึ่งก็คือ การฝึกสมาธิ (Meditation) ( สังเกต Medi-) คนเรานั้นเกิดมาแต่แรก ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่พอโตขึ้น มีชีวิตไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มสั่งสมประสบการณ์มากขึ้น บางคนมีประสบการณ์มาก ใช้ชีวิตมามาก จึงประมวลประสบการณ์ของตน แล้วสรุปความคิด เหตุผล และตกผลึกความคิด คือมีหลักการในการดำเนินชีวิต ทำให้ไม่ค่อยได้เจอะเจอกับความมั่ว ความไม่รู้แห้วของคนรอบตัว หรือเขาสามารถจัดการอย่างมีสติกับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้น โดยใช้หลักการจากประสบการณ์มาเทียบเคียงแล้วเตรียมตัวเตรียมการเพื่อเผชิญหน้าต่อสู้กับปัญหาอย่างสุขุมคัมภีรภาพ
สรุป การอยู่เป็น รู้ว่าตัวเราเป็นใคร แค่ไหน และยอมรับความเป็นของเราอยู่ได้แค่นี้ ถ้ายอมรับได้ เราก็เครียดน้อย แต่ถ้าเราอยากมี อยากอยู่ อยากเป็นเกินกว่าที่เราเป็นอยู่ เราก็ต้องเครียดจากน้อยๆ ไปจนถึงเครียดมากๆ จนคิดอะไรไม่ออก และนำไปสู่การคิดสั้น
ถ้าจะคิดสั้น ให้คิดแบบนี้ คือ หิว > กิน
ร้อน > อาบน้ำ ง่วง > นอน เบื่อ > ออกไปเดินเที่ยว ฯลฯ
ข้อที่ว่าให้สังเกต Medi- คำนี้เป็นคำในภาษาลาติน แปลว่า ตรงกลาง ...
Medication การแพค Medical ในทางการแพทย์ Medicine ยา อายุรเวช
แปลว่า การ, สิ่งที่, ผู้ที่ จะมาทำให้สุขภาพของเรากลับมาอยู่ตรงกลางอีก
Meditation หรือ สมาธิ ก็คือการนั่ง ยืน หรือ เดิน(จงกรม) กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ให้มีจังหวะตามธรรมชาติ ทั้งต้องได้อากาศดีด้วย (อากาศในห้องปรับอากาศ ไม่ใช่อากาศที่ดี เพราะคำศัพท์เขาก็บอกว่าเป็น เครื่องปรับอากาศ หรือ Air Conditioner ดูคำ Condition- มันแปลว่าเงื่อนไข สภาวะ คือมันปรับให้อากาศร้อนกลายเป็นเย็นลงกว่าอุณหภูมิภายนอกห้อง แค่นั้น มันไม่ใช่ห้องผ่าตัดหรือกระดองปู 🦀 ที่เป็นที่ยอมรับว่า ในนั้นมันคือที่ที่สะอาดที่สุดในโลก - ขยายความยาวเลย)
รวมความแล้ว สมาธิก็คือทำให้ ใจ สติ หรือความรู้สึกนึกคิดมาอยู่ตรงกลาง แล้วพลังใจที่เกิดจากการทำสมาธิ จะทำให้เกิดปัญญา เกิดการจัดเรียงลำดับปัญหาเล็กๆไปหาปัญหาใหญ่ๆ สมาธิจะช่วยให้สมองเพ่งหรือโฟกัสไปยังจุดที่เป็นปัญหา ซึ่งคนที่มีสติมีสมาธิแก่กล้า ก็ย่อมจะคิดหรือตัดสินใจได้ว่า โอเค ปัญหานี้นั้นเล็ก ต้องแก้ไขก่อนเพราะง่าย ส่วนปัญหาที่ยากที่ใหญ่กว่า ค่อยไปแก้ทีหลัง แต่ก็ต้องไม่ลืมวินัย คือต้องไม่ลืมว่าจะต้องแก้ปัญหาที่ค้าคาด้วย คนที่ทำสมาธิหรือมีสมาธิ จึงจัดการปัญหาได้ดีกว่าคนไม่มีสมาธิ และเมื่อมีสมาธิและมีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ปัญหามันก็ย่อมลดน้อยถอยลง หรือถึงแม้จะมีปัญหาใหม่ๆมา คุณก็สู้ปัญหาได้ เพราะคุณเป็นนักมวยที่เจนเวทีไปซะแล้ว!
แล้วก็ย่อมมีคนมาถามต่ออีกว่า จะทำสมาธิได้อย่างไร ต้องโกนหัว ต้องห่มผ้าโน้นนี้ ต้องบวชชีพราหมณ์มั้ย?
สำหรับเรา เราไม่ได้มีความเชื่ออะไรมากไปกว่าการกำหนดลมหายใจ คือ หาที่สงบเงียบ ปลอดภัย และอยู่ในท่าที่สบายที่สุด แล้วเริ่มสูดลมหายใจเข้า นับ 1 สูดลมหายใจเข้า นับ 2 ... เข้า นับ 3 .... นับ 4 ... 5
บางคนนับได้แค่ 5 สมาธิก็หลุด ก็ไม่เป็นไร กลับไปนับ 1 ใหม่ พอนานๆไป ก็จะนับได้ถึง 20 ... 30 ... 40 ... กระทั่งถึง 100 ถึง 1000 คือยิ่งนับได้ยาวเท่าไหร่ก็จะมีพลังสมาธิมากเท่านั้น
แล้วถ้ามีใครมาขัดจังหวะ ก็ช่างเขาสิ เดี๋ยวว่างอีก ก็ทำสมาธิอีก ไม่ต้องไปคิดทะเลาะกับใคร เพราะเราเป็นคนไข้คนป่วย ไม่ใช่นักมวยที่จะไปขึ้นชกชิงแชมป์!
บางคนไม่เคยลองทำสมาธิ ก็มาเถียงว่าทำไม่ได้หรอก ไม่มีทาง เราก็จะบอกคุณว่า ถ้าคุณไม่ออกมาจากกรอบความเครียดของคุณบ้าง คุณก็ต้องเครียดต่อไป
คำสนุก คำว่า 'อาการเครียด' ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Stressed เมื่อลองกลับคำจากซ้ายเป็นขวา ก็จะสะกดหรือเขียนว่า Desserts แปลว่า ของหวาน!
สวัสดี
โฆษณา