12 ก.ค. 2021 เวลา 01:14 • ปรัชญา
สังคมไทยได้เรียนรู้อะไรจากนิทาน
เรื่องกระต่ายตื่นตูม
อีสปคือสุดยอดนักเล่าเรื่องที่แยบยลที่สุดคนหนึ่ง
เท่าที่โลกเคยมีมา
อีสปเป็นชาวกรีก
อดีตเคยเป็นทาสแต่สุดท้ายได้เป็น
ราชทูตในราชสำนักอาณาจักรลีเดีย
แม้มีจุดจบชีวิตที่น่าเศร้าแต่สิ่งที่เขาสร้างไว้ให้โลกประมาณค่าไม่ได้
เขามีชีวิตอยู่ในช่วง 560 ถึง 620 ปี
ก่อนคริสตกาล
คำสอนของเขาได้สอดแทรกแนวความคิดดีดี
เอาไว้ในนิทานมากมายหลายเรื่อง ทำให้ผู้คนได้กล่าวขานถึง
หากเขาเลือกที่จะเที่ยวไปพร่ำสอนใครต่อใครว่าจงทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้ ควรศึกษาหาข้อมูล
ให้ดีก่อน(ตัดสินใจลงทุน) หรืออะไรทำนองนี้
คงมีน้อยคนนักที่จะเชื่อในคำพูดของเขา
แต่เขาเลือกใช้นิทานเป็นสื่อซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในยุคสมัยนั้น
นิทานหลายเรื่องของอีสปมีคุณค่าควรจดจำ
และน่านำไปปรับใช้ ผู้คนส่วนใหญ่ฟังแล้วชอบ
จึงบอกต่อ
กลายเป็นคำสอน อมตะมาจวบจนปัจจุบัน
นิทานอีสปที่ผมจะมานำเสนอในวันนี้คือ
เรื่องกระต่ายตื่นตูม
(เวอร์ชั่นเกษตรเอส)
เป็นหนึ่งในนิทานอีสปที่ผมชอบมาก
ซึ่งผมคิดว่ามันเหมาะเจาะกับสังคมไทย
ในยุคสมัยนี้ ที่มองไปทางใดก็มีแต่ความ
หวาดกลัว หวาดระแวง และสับสนวุ่นวาย
เครดิตภาพ facebook:เพจ:โลกของเหลืองๆ
กาลครั้งหนึ่ง
มีกระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ต่อมาไม่นานมีกระแสลมแรงพัดมา
ทำให้ผลของต้นไม้ร่วงหล่นกระแทกพื้นดินเสียงดังตูมๆๆ สนั่นหวั่นไหว
กระต่ายน้อยตกใจตื่นนึกว่าฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย
ด้วยความกลัวจึงวิ่งออกไปสุดกำลัง
โดยที่ยังไม่ทันได้พินิจพิจารณาให้ดีว่า
มันเกิดอะไรขึ้น
มันทึกทักเอาเองว่าตอนนี้น่าจะเกิดมหันตภัย
เมื่อพบเจอสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในระหว่างทาง
ก็ตะโกนโหวกเหวก
บอกให้ทุกตัววิ่งหนีไปเพราะขณะนี้ได้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
หากไม่หนีทุกตัวจะตายกันหมด
สัตว์ป่าต่างเชื่อคำพูดของกระต่าย
ด้วยท่าทางของมันไม่ได้มีอาการเสแสร้งแกล้งทำเพื่อหลอกลวงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ต่างพากันออกวิ่งตามเจ้ากระต่ายไป ทำเอาป่าทั้งป่าที่เคยเงียบสงบ ตกอยู่ในภาวะแตกตื่น
สิงห์โตเจ้าป่าเมื่อเห็นบรรดาสรรพสัตว์น้อย ใหญ่
ต่างวิ่งหน้าตั้งมาดังนั้น จึงวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้
แล้วบอกให้หยุด
เข้าไปซักไซ้ไล่เลียงเอาความจากสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากระต่ายทำหน้าที่ชี้แจงถึงมูลเหตุแห่งการวิ่งป่าราบในครั้งนี้ให้สิงห์โตฟัง
สิงห์โตเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดที่สุดในป่า จึงถามเจ้ากระต่ายไปว่าเจ้าได้เห็นมากับตาตัวเองหรือไม่ ที่ว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหว
กระต่ายตอบว่าไม่ได้เห็นกับตาแต่ได้ยินเสียงชัดเจน
จากนั้นเจ้าป่าจึงชวนกระต่ายและสัตว์ทุกตัว
ไปพิสูจน์ความจริง
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ
สิงห์โตกับบรรดาสรรพสัตว์ต่างช่วยกันตรวจตราก็ไม่ปรากฎร่องรอยของแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อย่างที่กระต่ายบอกมาแต่อย่างใด ทุกอย่างยังดูเป็นปรกติดี
เห็นแต่ผลไม้ประหลาดชนิดหนึ่งตกอยู่
แตกกระจายเกลื่อนพื้นดินทั่วบริเวณนั้น
มีลักษณะลำต้นสูงใหญ่ ใบหนา หนามแหลมคมดูน่ากลัว
สิงห์โตชี้ให้สัตว์ทุกตัวดูที่ผลของต้นไม้ชนิดนั้น
แล้วสั่งให้อีกาตัวหนึ่งช่วยสอยผลแก่จัดลงมาลูกหนึ่ง พร้อมกับบอกสัตว์ตัวอื่นๆ ให้ถอยออกไป
เมื่อผลของต้นไม้ชนิดนั้นตกกระทบพื้นดินสัตว์ทุกตัวต่างได้ยินเสียงระเบิดดังตูม สนั่นหวั่นไหวพร้อมกับผลที่แตกกระจายออกไปทั่วบริเวณ
สัตว์ทุกตัวต่างอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ใกล้บริเวณนั้น ไม่งั้นคงมีหัวร้างคางแตกกันไปบ้าง
สิงห์โตจึงพูดขึ้นว่านี่คือต้นเหตุแห่งเสียงตูมๆ ที่เจ้ากระต่ายได้ยิน มันไม่ใช่แผ่นดินไหว แต่มัน
คือ แป้ง!
ขออภัยพูดผิด
มันไม่ใช่แผ่นดินไหวแต่มันคือเสียงของผลต้นไม้ระเบิด!
ต้นไม้ระเบิดมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้และป่าแอมะซอน สามารถเติบโต
ได้ดีในดินร่วน และที่ที่มีแสงแดดรำไร
เครดิตภาพ:https://www.flagfrog.com/tree-special-spike/
ลำต้นสามารถสูงได้ถึง 30-40 เมตร เปลือกไม้สีน้ำตาลปนเทา ใบมีลักษณะคล้ายใบโพธิ์แต่ต่างที่ขอบใบหยัก สามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทยเช่นกัน
ขอสรุปให้ฟังเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ครับ
1).ต้นไม้ระเบิด(Dynamite Tree) หรือชื่อไทย ต้นโพธิ์ศรี (Sandbox Tree)
ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Hura crepitans
2).เป็นต้นไม้ที่ได้ชื่อว่ามีพิษร้ายแรง
พิษของมันมาจากยางไม้ ประกอบไปด้วยสารอันตรายชื่อว่า huratoxin, hurin, crepitin และ lectin ซึ่งสารพิษเหล่านี้มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง
หากสัมผัสอาจเกิดผื่นแดง เป็นแผลพุพอง หรือหากเข้าตามีโอกาสสูงที่ตาจะบอด
ในอดีตชาวมายาใช้ยางของต้นไม้ชนิดนี้ในการทำลูกดอกอาบยาพิษเพื่อใช้ล่าสัตว์
3).ผลของมันเปรียบเสมือนระเบิดเวลา เพราะเมื่อสุกงอมเต็มที่ มันจะระเบิดออกมา
เมล็ดและเปลือกจะกระจายตัวออกไป
ด้วยความเร็วกว่า 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
นี่มันความเร็วของบิ้กไบค์ชัดๆ
รัศมีแผ่กระจายได้ถึง 18 เมตร
ลองจินตนาการหากกระต่ายน้อยโดนเข้าไปจังๆ มีหวังเย็นนี้ได้เอาไปทำลาบ
4).หากมีใครเผลอกินเมล็ดเข้าไปมีผลทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชีพจรเต้นเร็ว ตาพร่า ปวดท้อง ท้องร่วง ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ดูจากต้นหนามแหลมคมขึ้นเต็มจะมีใครกล้าเอาไปชิมบ้างไหมครับ?
วิธีรักษาเบื้องต้น
ควรดื่มนมหรือผงคาร์บอนเพื่อลดการดูดซึม
ของพิษ และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ผงคาร์บอนหรือ
ยาเม็ดสีดำ
ซึ่งก็คือแอ็คทิเวตเท็ด คาร์บอนนั่นเอง
เมื่อผู้ป่วยกลืนลงไปมันช่วยดูดซับสารพิษที่ยังคงอยู่ในกระเพาะอาหารไปไว้ที่ตัวมัน เพื่อลดปริมาณของพิษที่จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด
ก่อนจะถูกขับถ่ายออกจากร่างกาย
ข้อมูลทางการแพทย์บอกว่า โดยเฉลี่ยมันสามารถลดพิษได้ถึง 60% จากสารพิษที่กินเข้าไป
(ลดได้ราว 90% ในสามสิบนาทีแรกหลังจากกิน (สารพิษ?ผู้เขียน) และลดได้ 37% หลังจากกิน
(สารพิษ?)ไป 1 ชั่วโมง)
5).แพทย์แผนโบราณมักนำเมล็ดมาสกัดเป็นน้ำมันใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ
6).หากใช้ในปริมาณอ่อน ๆ ช่วยรักษาโรคไขข้อและพยาธิในลำไส้ได้ อีกทั้งใบยังสามารถใช้รักษาโรคกลากเกลื้อนได้
7).ผลและเมล็ดนำมาสกัดทำเป็นยาฆ่าแมลง
8).เนื้อไม้มีคุณภาพดีนิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์
อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้นำผลหรือยางของต้นไม้ระเบิดนี้มาทำการทดลองรักษาหรือสกัดเองโดยเด็ดขาด
ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ประเทศไทยยามนี้หลายคนก็คงไม่ต่างอะไรกับเจ้ากระต่ายน้อยในนิทาน ที่นั่งรอนอนรอวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 อยู่ท่ามกลางป่าไม้ระเบิด
ทุกวันจะได้ยินเสียงดังตูมๆ สนั่นหวั่นไหว
อยู่ทุกหน ทุกแห่ง
เสียงดังๆ อาจเปรียบได้กับข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่มากมายก่ายกอง มันหลั่งไหลถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาใส่สมาร์ทโฟนโครมๆ
ไม่รู้อันไหนจริง สิ่งใดลวง
แต่สิ่งที่จะใช้คัดกรองข้อมูลข่าวสารที่ดีที่สุด
ในยามนี้ก็คงจะต้องใช้สติเป็นที่ตั้งเท่านั้นครับ
พยายามตัดความลำเอียงออกไปให้มาก ไม่งั้นเราอาจกลายเป็นเหยื่อของพี่บ่าง* ช่างยุทั้งหลายที่
คอยจ้องหาประโยชน์จากความกลัวของผู้คนในสังคม
ผู้นำไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดจะนายกอบต.หรือนายกรัฐมนตรีท่านก็เปรียบเหมือนสิงห์โตที่คอย
ปกป้องดูแลป่า
สิงห์โตต้องทำหน้าที่อย่างเจ้าป่าต้องกล้าออกมาชี้นำสิ่งที่ถูก ที่ควรให้มวลมหาชนได้ก้าวเดินไป
ในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม
กล้าทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ
จะทำอะไรก็รีบทำเถิดครับ ไม่งั้นป่าทั้งป่าอาจ
ไม่เหลือใครสักคนให้ท่านได้คุ้มครอง นะจ้ะๆ!
ขอร้องไม่ต้องส่งลูกน้องมาปิดเพจผมนะ
ติเพื่อก่อ รักนะจ้ะจุ้บๆ นี่ก็เบามือที่สุดแล้ว
*หมายเหตุ
บ่างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง
รูปร่างคล้ายกระรอก ไม่มีปีกเหมือนนก
แต่ก็ร่อนบินไปได้
อยู่ในป่าไม่มีพิษสงใดๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ของห่วงโซ่อาหาร
แต่เมื่ออวตารร่างมาอยู่ในเมืองได้เมื่อไหร่
ความ chip หายมักจะตามมาให้เห็น
อยู่เสมอ นะจ๊ะๆ!
เครดิตภาพ:https://sites.google.com/site/suthathinikhxhxmklang/prawati-khxng-xisp
แหล่งข้อมูล
เกษตรเอส'Society
"อยากเห็นคนในสังคมนี้ 
มีรอยยิ้มและความสุข"
หากชอบช่วยกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมและทีมงานด้วยนะจ๊ะ หรือจะเข้ามาเขียนคอมเม้นต์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ยินดีครับ
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา