7 ก.ค. 2021 เวลา 10:39 • ไลฟ์สไตล์
ไม่มีอะไรที่เท่ากัน นอกจากชีวิตทุกคนมีหนึ่งชีวิตเหมือนกันแต่ปริมาตรไม่เท่ากันอยู่ดี ความรักที่มีก็ไม่เท่ากันเป็นปกติ ทว่า เรียนเก่งกับเรียนไม่เก่งมันคนละส่วนกัน ส่วนการที่มีการเปรียบเทียบนั้น ผมคิดว่าคือการเอาความคิดของคนที่เปรียบเทียบมาเป็นเกนฑ์เพื่อใช้คัดสรรสิ่งที่เขาต้องการมากกว่า ต่อให้เรียนเก่งในระดับทำข้อสอบเต็มร้อยเท่ากันก็ยังไม่รอดที่จะโดนเปรัยบเทียบ คนหนึ่งเรียนวิชาเกษตรได้คะแนนเต็มเป็นที่หนึ่งของห้อง อีกคนเรียนวิทยาศาสตร์คะแนน80% สอบได้ที่สิบของห้อง แต่เพราะคนที่เปรียบ ต้องการให้ลูกเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็จะให้ความเอาใจใส่และชื่นชมคนที่เรียนไม่เก่ง(อ้างอิงจากอันดับและคะแนน)อยู่ดี ซึ่งถ้าเรื่องการเรียนมีผลกับความรักด้วยตรรกที่ว่าเรียนเก่งพ่อแม่รักจริงสิ่งนี้จะดีมากๆเพราะเด็กจะได้เรียนอะไรก็ได้ที่ชอบที่ถนัด เพราะมันจะเก่ง และพ่อแม่จะรัก
สรุป ผลการเรียนไม่ได้มีผลกับความรัก แต่สิ่งที่มีผลคือการเป็นเครื่องเติมเต็มฝันของพ่อแม่มากกว่า พ่อแม่ฝันถึงอนาคตที่อยากไปแต่ไปไม่ถึงยังไง ใครมุ่งสู่จุดนั้นได้ก็ส่งผลต่อความรักได้มากขึ้น พ่อแม่บางคนใฝ่ฝันที่จะมีอิสระเสรี ก็ย่อมมีความสุขและพร้อมมอบความรักให้กับลูกๆที่รู้จักคุณค่าของเสรีภาพ อย่างนี้เป็นต้น..^^..
สำหรับ ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนความรักไม่เต็มที่ ก็ให้มีสติ สร้างปัญญา เพราะชีวิตเป็นของเรา ความรักไม่ได้ยั่งยืน หากมันไม่ได้ส่งเสริมให้เราก้าวไปสู่ฝัน พ่อแม่อาจจะมีความต้องการไม่ตรงตามความสามารถเรา แต่เมื่อเราเข้มแข็งแล้วก้าวสู่จุดหมายที่ต้องการได้ สุดท้ายความรักจะพัดหวนกลับมา เพราะนอกจากฝันของพ่อแม่แล้ว สิ่งที่ท่านจะมีความสุขมากๆคือความภูมิใจ ภูมิใจที่ได้เห็นเลือดเนื้อตัวเองประสบผลสำเร็จ เกินที่คาดฝัน ยังไงก็สู้ต่อไป พระพุทธองค์ก็ทำให้พ่อต้องผิดหวังในช่วงแลกแต่ท้ายสุดพ่อของท่านก็มีความปิติมากกว่าที่คาดไว้มากมายนัก...
....ต้นเป็นที่พึ่งแห่งตน ก่อนจะให้ใครรักเรา เราต้องรักตัวเราให้ดีก่อน ยังใช้ได้เสมอครับ
โฆษณา