7 ก.ค. 2021 เวลา 20:58 • ดนตรี เพลง
#รีวิวอะไรกันดี - NO. 14 *FIRST RECOMMEND*
The Volunteers - The Volunteers (Self-Titled)
Genres: alternative pop rock
Release: 2021/05/27
- ก๊วนซ่าส์.. อาสาขวางโลก -
• ด้วยสถานการณ์โควิดที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดระบาด(โดยเฉพาะประเทศที่ขึ้นชื่อความโง่ของเข้าหน้าที่รัฐอันเส็งเค็งและพวกโง่ที่ยังบ้าอำนาจโดยไม่สนใจปากท้องของประชาชน) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การกักตัวจะทำให้เกิดไอเดียต่างๆมากมายผูดขึ้นอยู่ในหัวแสนล้านโปรเจ็ค(แต่ถ้ามองกลับมาที่บ้านเราแทบจะเป็นเรื่องน่าลำบากใจสำหรับพี่น้องชาวนักดนตรีที่กำลังต่อสู่เพื่อให้ได้รับการเยียวยา) ในปี 2021 นี้เลยได้เห็นเจ๊ใหญ่อายุน้อยของงานได้เดินหน้าสานโปรเจ็คที่ทำไว้แบบ nonstop ด้วยเช่นกันเพราะอย่างที่รู้กันดีว่าการหายหน้าไปหนึ่งปีเต็มก่อนปล่อยอัลบั้มชุดที่สองของตัวเอง ก็ใช่ว่าจะทำตัวขี้เกียจเสียเวลาเหมือนที่เคยว่าไว้เฉยๆ ยิ่งการถือกำเนิดวงแบนด์ที่มาจากความชอบทางเดียวกันในด้านแนวดนตรีทั้งสี่คนด้วยเลยต้องใช้เวลานานเพื่อการกลับมาสานฝันโปรเจ็คที่มีมานานถึง 3 ปีเต็มได้ออกมาลืมตาดูโลกอย่างเป็นทางการ.. สมาชิกทั้งสี่องค์ประกอบไปด้วยโวคอลกีต้าร์นำทับหลักอย่าง แบคเยริน เสาหลักผู้ยั่งยืนของวง, คูรึม-มือกีต้าร์และโปรดิวเซอร์คู่ใจตลอดกาล(อดีตสมาชิกวง Bye bye badman), จอร์นนี่หรือมินฮยอก-มือเบส(อดีตสมาชิกวง Bye bye badman) และ คิมชีฮอน-มือกลอง รวมกันภายใต้ในนามของ The Volunteers ที่เริ่มต้นจากการไปท่องเที่ยวทริประยะสั้นในประเทศญี่ปุ่น จนเริ่มได้เปิด Soundcloud ในพื้นที่มุมเล็กๆสำหรับชาวอินดี้โดยได้ปล่อยอีพีอัลบั้มอย่าง Vanity & People ให้พอได้รู้จักกันอย่างพอหอมปากหอมคอในช่วงระยะเวลาที่เยรินยังคงอยู่กับต้นสังกัดใหญ่ แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นการเรียกร้องให้พวกเขาทั้งสี่เดบิวท์ออกสู่สายตาสาธารณะชนอย่างเป็นจริงเป็นจัง.. พูดไปก็อาจจะดูเป็นมุกที่โคตรตลกแบบอีหยังวะจริงๆ เพราะการเซ็นสัญญาเข้าสังกัด Blue Vinyl ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเยริน(ที่เคยโพสต์ไปว่าขอบคุณเยรินที่รับเยรินเข้าต้นสังกัดเป็นความที่ควรงงแต่กลับไม่งงอีกต่อไป)รวมไปถึงคูรึมก็พึ่งจะเอาตัวเองออกจากค่ายอินดี้เบอร์ใหญ่อย่าง Magic Strawberry Sound มาร่วมบ้านใหม่ ณ ที่แห่งนี้เหมือนกัน ฉะนั้นแล้วการจะดึงเมมเบอร์อีกสองคนมาร่วมสังกัดในนามวงคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากหนาอะไรด้วยซ้ำไป มีเจ๊ใหญ่มักเน่คอยคุมงานเสียอย่าง ทุกอย่างต้องลุยไปให้สุด!!
• เดบิวท์ทั้งทีจะมาอีพีอัลบั้มอีกแม่งก็ดูไม่โชว์ความห้าวหาญศักยภาพตัววงสักเท่าไหร่ full-length album ชุดแรก self-titled ให้สมกับการได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ คงเป็นการเดาแนวทางได้ไม่ยากจากอีพีอัลบั้ม ด้วยความที่วงมีสไตล์ร็อคชัดเจนจากอิทธิพลความชอบในศิลปินที่ตัวเองปลื้มจากยุคเก่าๆทั้ง Oasis, Cranberries, Nirvana, Red Hot Chilli Peppers, Avril Lavigne, The Beatles สูตรสำเร็จของภาคดนตรีเลยเป็นแนวทางที่คนฟังรุ่นเก๋าอาจจะโหยหาโดยไม่ต้องหวือหวาอะไรมากมาย แต่ระดับเยรินแล้วการจะทำให้มันจัดจ้านขวางโลกนี่แหละคือโจทย์สำคัญที่จะทำให้คนฟังได้เซอร์ไพร์สถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นนักร้องเดี่ยวสายงานป็อบกับนักร้องนำวงสายร็อคกันแบบสุดขั้ว
** บทความในครั้งนี้ข้อมูลที่ศึกษาหามาได้อาจจะน้อยนิดไปมากเพราะต่อจากนี้จะเป็นการตีความของตัวแอดเองทั้งหมดเกือบ 100% โปรดใช้วิจารณยาณในการอ่านให้รอบคอบมากที่สุด **
• เปิดอัลบั้มก็เล่นเอาซะมันเป็น main course จานหลักโดยที่ไม่ต้องมีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟเพื่อเปิดกระเพาะอาหารอย่าง Violet เอาให้เราคนฟังได้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังว่าฉันนี่แหละร็อคสตาร์ที่โคตรเจ๋ง เป็นการตอกกลับพวก haters กลายๆว่าสักวันพวกแกจะต้องโยกหัวให้กับเพลงของฉันอย่างแน่นอน แถมการตั้งชื่อเพลงก็สื่อถึงความหมายแบบตรงไปตรงมาตามตระกูลของดอกไวโอเล็ตด้วยเช่นกัน เริ่มมีกิมมิคเล็กน้อยแล้วแฮะ, PINKTOP สีของความเป็นวัยรุ่นที่มีความไร้เดียงสา ถึงเนื้อหาจะใช้สรรพนามที่เกี่ยวกับชายหนุ่มแต่ความหมายกลับรวมมิตรสื่อถึงทุกเพศทุกวัยได้เป็นอย่างดีด้วยการยกตัวอย่างของสีชมที่สื่อถึงความเป็นผู้หญิง ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวแบบไหน มีนิสัยยังไง หรือความชอบแบบไหน มันไม่เป็นไรเลยเพราะทุกอย่างมันคือสิ่งที่ฉันเลือกด้วยตัวเองไว้แล้ว ฉันจะเดินไปตามทางที่ฉันเป็นคนกำหนดมันเอง, Let me go! เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่างที่ใจต้องการก็แค่ปล่อยแม่งไปซะ แทร็คร็อคกลิ่นอาย old school อยู่ในลำดับต้นๆแต่กลับเลือกปรับเปลี่ยนวิธีการร้องที่จี๊ดจ๊าดเข้าถึงอารมณ์ของเนื้อหาได้สุดเขตแทนการใช้โวคอลแบบเดิมๆของตัวเอง ดลายเป็นความซ่าส์ทำที่ออกมาพอดิบพอดี ซื้อใจได้เลยแฮะ, Time to flight back in my way เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้และการแข่งขันที่ใครต่างก็อยากชนะไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ฉันก็เลือกสู้ด้วยวิธีของตัวฉันเอง มาเงียบๆแต่ก็แอบเฉียบขาดในด้านเนื้อหาพอสมควร เปรียบเปรยประมาณว่าตัวเยรินเองจะไม่ย้อนกลับไปถึงเส้นทางเก่าๆที่ตัวเองถูกกำหนดจากคนอื่นว่ามันคือเส้นทางที่ดีที่สุด แต่ในเมื่อตัวเธอเองได้รับอิสระจากการเป็นศิลปิน(ออกจากเจวายพี)แล้ว ตัวเยรินก็จะขอเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเองและไม่มีเวลามาคิดทบทวนทีหลังว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกนั่นมันคือการตัดสินใจที่ผิด ท่อน They gave no love to me / But I still love them คงเป็นอะไรที่เห็นภาพได้ชัดเจนว่าเยรินนั้นก็ยังรักและเคารพถึงค่ายเก่าเสมอมาด้วยเช่นกันแต่พวกเขากลับไม่ได้ให้ความรักกลับมาหาตัวเยริน ไม่แปลกใจที่เธอเลือกตัดสินใจออกจากค่ายดัง
• Radio เรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกใบนี้โดยปราศจากความเชื่อต่างๆไปกับวิทยุเพื่อนคู่ใจ แทร็คนี้กลับไม่มีความหวือหวาอะไรมากมายแต่ก็เป็นความเหงาที่พอขัดเกลาให้ตัวเราต้องเผชิญกับโลกใบนี้ไปให้ได้ จนมองว่าคำสอนที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กกลับกลายเป็นสิ่งที่โคตรไร้สาระเอามากๆใน Crap ที่ค่อยๆไต่ระดับดรตรีจนเกิดความเกรี้ยวกราดดื้อด้านนิดๆ โทนการร้องเหมือนจะไปทาง chillin’ pop แต่ก็สื่อถึงความด้านชาและมองบนกับคำพูดที่ไม่สรรทัดต่อหู, Nicer ถึงเพลงนี้จะเป็นซาวนด์แบบ love emotional ที่เปิดมาชิลล์สุดในอัลบั้มแต่ก็มีเพิ่มไดนามิคใน verse 2 เป็นการตอกกลับผู้คนที่คอยเอาแต่ว่าสอนคนอื่น ควรทำตัวเองให้มันดีกว่านี้นะ ยิ่งท่อนบริจด์ระเบิดซาวนด์ใหญ่แสดงให้เห็นถึงความอดทนของนั่นหมดลงแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่มียาตัวไหนที่รักษาฉันได้ดีที่สุดเท่ากับตัวเองอีกแล้วกับ Medicine ก็ยังคงเน้นซาวนด์เกรี้ยวกราดเหมือนเดิมแค่อารมณ์ในเพลงนี้กลับใจเย็นลงขึ้นบ้างแล้ว, S.A.D ระเบิดแบบบ้าพลังสุดขีดที่ใครก็ห้ามไม่ได้อีกต่อไป ใครหน้าไหนที่เอาแต่กวนใจตลอดเวลาเดี๋ยวกูจะได้เก็บกวาดทีเดียวซะให้สิ้นซาก นี่สิถึงจะเหมาะสมกับการอยู่ในท้ายอัลบั้มได้อย่างความโหดเหี้ยม
• แทร็คสุดท้ายอย่าง Summer ก็ใส่มาเสริมทับปิดอัลบั้มตัดความโหดร้ายของภาคดนตรีจากแทร็คที่ผ่านมาและยังเป็นเพลงที่ทำให้คนได้เปิดใจกับเหล่าแก๊งค์อาสาด้วยเช่นกัน ทั้งเนื้อหาและงานดนตรีกลายเป็นมิตรแก่คนฟังได้เสมอ ถึงแม้ว่าความรักของเราสองคนจะมีอุปสรรคที่คอยขวางทางอยู่เหมือนกับแสงแดดที่ร้อนระอุแต่ยังไงซะฉันก็จะต้องยืนท่ามกลางแสสแดดที่ร้อนแรงนี้ไปได้
• แทบจะสมการรอคอยในเวลาถึงสามปีเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเธอจะแอบหยิบแทร็คจากอีพีอัลบั้มเปิดตัวใส่แบบครึ่งต่อครึ่งแต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นผลงานจับฉ่ายแม้แต่น้อยนิด อย่างที่บอกไปว่าความสนใจงานทางดนตรีเหมือนๆกันเลยเป็นจุดชนวนของความกร้านต่อโลกที่อยากจะทำลายระบบนิเวศน์เหล่าคนที่ทำตัวเบื้องหน้าเป็นคนดีแต่ลับหลังก็คอยจิกกัดคนอื่นสารพัดสั่งสอนคนอื่นไปทั่ว การขัดเกลาไปด้วยซาวนด์ดนตรีทั้ง metal rock, glam rock, indie rock, pop rock สไตล์ 90s หล่อหลอมรวมกันมันเลยกลายเป็นความสนุกสะใจที่อยากทิ้งหัวโยกขึ้นลงและกรนด่าโลกใบนี้ควบคู่ไปด้วยกัน ยิ่งเพิ่มความบ้ามากเท่าไหร่ทำให้เรากล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหาที่มันควรจะถูกแก้ไขอย่างถูกต้องมากขึ้น ถือว่าเป็นการจับจุดเริ่มต้นของวงไปในระดับนึงที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่คงไม่น่าแปลกใจที่ยังได้เห็นปลดเปลื้อง emotional ของเยรินที่อยู่ในใจตัวเองแบบสุดเขตสะเล็ดเป็ดโดยที่ไม่ต้องพะว้าพะวงว่าจะถูกใครที่ไหนมาต่อว่าด่าทอเสียหาย ต่างจาก tellusboutyourself ที่เป็นการแค่ส่งสัญญาณเตือนเฉยๆ แต่คราวนี้กลับเล่นจริงทำจริงเพราะตอนนี้เธอมีความกล้าพอที่จะเผชิญกับความเป็นจริงบนโลกใบนี้โดยไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
"มึงด่ามา กูด่ากลับ ไม่มีคำว่าโกงเว้ยเฮ้ย!!"
Score: 8.5/10
Top Tracks: Violet, PINKTOP, Let me go!, Time to fight back in my way, Radio, Nicer, S.A.D, Summer
thank u for reading 🙏
ถ้ามีคำหรือประโยคไหนที่ใส่มาเพื่อความอรรถรสแล้วไม่ถูกใจผู้อ่านทุกท่านขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
โฆษณา