8 ก.ค. 2021 เวลา 07:20 • ปรัชญา
เหมือนครั้งนี้พายุจะหมุนวนเคลื่อนไปไม่รู้จบ ระลอกหนึ่งผ่านไป ระลอกสอง ระลอกสามที่ไม่ค่อยๆผ่านไป ทั้งยังช่างหนักหน่วงเหลือเกิน
รวงรังของหมู่นกในยามพายุฤดูฝนย่างกรายเข้ามาย่อมไม่มั่นคง กระทั่งเมื่อขนเปียกปอนมอมแมมก็ย่อมทำให้การโบยบินเป็นเรื่องยากลำบาก
ต้นไม้ที่เคยให้เงาสงบร่มเย็นในยามฤดูร้อน เมื่อโดนพายุโห่มกระหน่ำก็เกินจะต้านทานทน บางกิ่งที่เคยเป็นฐานของรวงรังหักร่วงลงสู่พื้น
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหลือเกิน เมื่อต้องย้ายจากฐานที่มั่นเดิม หรือต้องสร้างขึ้นใหม่ ครั้นในตอนนี้การจะออกบินเองก็ยังยากที่จะกระพือปีก
เจ้านกหนุ่มตัวหนึ่ง กำลังซุกตัวอยู่ใต้ร่มใบไม้ ที่ซึ่งพอจะทานทนกับแรงตกของหยดน้ำได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ พลางเห็นเหล่าหมู่นกพวกพ้องที่กระจัดกระจายหาที่ซุกหลบฝนอยู่คนละมุม
" ขอหลบตรงนี้อีกหน่อยนะ อย่าเพิ่งหักร่วงลงไปอย่างกิ่งที่แล้วเลย " นกหนุ่มพึมพำ
เหมือนโดนพันธนาการไปด้วยหยดน้ำและสายลม จะทำอย่างไรไปมากกว่านี้ได้ ในเมื่อเกิดเป็นนกแล้ว จะเคยบินสูงแค่ไหน ก็ยังอยู่ใต้ท้องฟ้า เราบินเหนือเมฆฝนไม่ได้ ไปสร้างรวงรังบนนั้นไม่ได้
ธรรมชาติมีข้อแม้แลกเปลี่ยนเสมอ
" ในเมื่อเลือกที่จะมีอิสระ ทักษะหนึ่งที่ต้องมีติดตัวไว้คือการปรับตัว เหล่านักเดินทางย่อมรู้ดี นกย้ายถิ่นฐานอยู่เสมอ เคลื่อนที่เสมอ เป็นอิสระ "
เดี๋ยวพายุก็ผ่านไป มันเป็นเช่นนั้นเสมอ เมื่อเมฆฝนก่อตัวจำนวนมาก ย่อมต้องลดปริมานลงสู่พื้น แล้วค่อยลอยกลับขึ้นก่อตัวใหม่
ธรรมชาติมีข้อแม้แลกเปลี่ยนเสมอ
พอพายุผ่านไป เรามักได้ยินเสียงนกร้อง บางครั้งจะเห็นเจ้านกน้อยเกาะตามกิ่งไม้ สายไฟฟ้า สะบัดขน พร้อมกับเห็นรุ้งกินน้ำอยู่ไกลๆ
พอฟ้าเปิดให้ดวงอาทิตย์โผล่ตัวมาทักทาย อากาศอุ่นขึ้น เจ้านกก็พร้อมสยายปีกโบยบินอีกครั้ง
เป็นอิสระจากพัธนาการ อีกครั้ง
ยังมีความเป็นไปได้ใหม่ๆบนโลกนี้ให้โบยบินไปพบเจออีกมาก
หากไม่มีอิสระ คงไม่มีวันได้พบเจอ
แล้วพายุฝน จะต้องกลับมาเจอกับเราอีก 🌧🕊
@ Luciani K. / unsplash.com
โฆษณา