8 ก.ค. 2021 เวลา 07:54 • หุ้น & เศรษฐกิจ
NRF
#สรุปหุ้น
1Q2021
จากผู้ผลิตซอสปรุงรสส่งออกแบบ OEM ก้าวข้ึนเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารแห่งอนาคต ที่มุ่งเน้น การลงทุนในนวัตกรรมอาหารเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ
NRF เดิมเป็นผู้ผลิตซอสปรุงรสเพื่อส่งออก ที่ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี แต่ด้วยการนำทีมของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณ แดน ปฐมวานิชย์ จะนำ NRF เปลี่ยนผ่านไปสู่ โรงงานที่ผลิตอาหาร Plant Base ผู้นำของโลก ที่ใช้นวัตกรรมผลิตอาหารแห่งอนาคต บนกระแสความไม่มั่นคงทางด้านอาหาร โดยเจาะกลุ่ม Specialty Food
ก่อนเข้าใจธุรกิจนี้ ก่อนอื่นต้องเข้าใจปัญหาความท้าทายของการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อประชากรโลกในอีก 30 ปีข้างหน้าก่อนครับ
คาดการว่าภายในปี 2050 จะมีประชากรเพิ่มขึ้น 2-3 พันล้านคน แต่กระบวนการผลิตอาหารในปัจจุบันเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมสูงมาก
การที่ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมหาสารในอนาคต ส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
จำเป็นอย่างมากที่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ทำให้พื้นที่ที่เป็นป่าจะหายไป และทรัพยากรที่สำคัญอย่าง น้ำจืด จะไม่เพียงพอ
ทางออกหนึ่งที่กำลังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่คือ อาหารจากพืช หรือ Plant Base Food
คืออาหารโปรตีนที่ใช้แหล่งโปรตีนจากพืช
ซึ่งกระบวนการผลิตอาหารจากพืชนี้ปล่อย CO2 ต่ำกว่าการเลี้ยงสัตว์ และหากเทคโนโลยีการเพาะปลูกของเราพัฒนากว่านี้จะทำให้เรามีผลผลิตทางการเกษตรสูงขึ้นโดยใช้ทรัพยากรณ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และประเทศในทวีปยุโรป โดยในปี 2568 คาดการณ์ว่าทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือจะมีขนาดตลาดโปรตีนจากพืชทดแทน เน้ือสัตว์ (Plant-based meat or Meat substitute) 2.4 พันล้านยูโร และ 1.8 พันล้านยูโร ตามลำดับ คิดเป็ นอัตราการเติบโตร้อยละ 60 และ 80 จากปี 2561 ถึงปี 2568 ตามลาดับ
จากการที่ NRF มีความสามารถในการผลิตอาหารโปรตีนจากพืชอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงจากขนุน บุก และ มะเขือ เป็นต้น ซึ่งบริษัท มีความสามารถในการผลิตหลากหลายรสชาติและหลากหลายบรรจุภัณฑ์ บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ึนเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมผลิตอาหารโปรตีนจากพืชในประเทศไทย และ ระดับสากล
NRF จึงได้มีนโยบายร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำระดับโลกเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาศในการขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีความต้องการสูง
1.) ลักษณะธุรกิจ
1.1 การประกอบธุรกิจ
แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจหลัก และ 1 ธุรกิจเพื่อเสริมธุรกิจหลัก
1. Ethnic Food คิดเป็น 82%
2. Plant-Based Food คิดเป็น 7%
3. Functional Food คิดเป็น 4%
4. E-Commerce คิดเป็น 7%
รายได้ปี 63. 422 ลบ. กำไร 24 ลบ.
Market Cap. 14,300 ลบ.
รายได้ต่างประเทศ 85%. ในประเทศ 15%
ส่งออกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
1.2 รายละเอียดแต่ละธุรกิจ
1. Ethnic Food
+ เป็นธุรกิจดั้งเดิม คือ ขาย ซอส และเครื่องปรุงสำเร็จรูปในรูปแบบ Asain Food
+ OEM 70% NRF Brand. 30%
+ ขายในต่างประเทศทั้งหมด 30 ประเทศ
🌟คาดหวังการเติบโต 50% ในปี 64🌟
2. Plant-Based Food
+ อาหารโปรตีนจากพืช เช่น ขนุน บุก มะเขือ ถั่ว พริก เพื่อนำมาแปลรูปเป็นอาหาร เช่น เนื้อเทียม เส้นบุก ใส้กรอก
+ ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในอังกฤษ และ สหรัฐ
+ มีแบรนของตัวเอง คือ Ocean Hugger, NOVE Food, WICKED Food
+ มีแผนตั้งร้านอาหาร Plant Base โดยร่วมมือกับ ปตท. ชื่อร้าน Nove Eats
🌟คาดหวังขยายกำลังผลิตเป็น 40,000 ตัน และ ตั้งโรงงานใน สหรัฐ และ จีน เพิ่ม🌟
3. Functional Food
+ ผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหาร
+ บรรจุภัณฑ์ V-Shapes อาหารเสริม ซอส น้ำจิ้ม น้ำผึ้ง
+ โรงงานอยู่ใน ไทย และ แคนนาดา
4. E-Commece
+ เป็นธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักให้สามารถมีช่องทางการขายออนไลน์ได้
“ BOOSTED E-Commerce” คือบริษัทลูกของ NRF ทำหน้าที่เฟ้นหาบริษัท Start Up ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจหลักของ NRF คือ Ethnic Food, plantBase, Functional เพื่อให้ธุรกิจหลักเติบโตอย่างรวดเร็ว
+ มุ่งเน้นการเข้าซื้อกิจการที่มีการดำเนินการอยู่แล้วและเป็นผู้นำในตลาดนั้นๆ และ มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เดิมของ NRF
💎 Boosted กำลังดำเนินการเจรจาบริษัทเพิ่ม คาดการปิดดีลอีก 3-4 ดีลในสหรัฐ 💎
📊กลยุทธการเติบโต
1. ลงทุนในโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชโดยเฉพาะ
+ มี Start Up ที่วิจัยเกี่ยวกับอาหารโปรตีนจากพืชเกิดขึ้นจำนวนมากทั่วโลก และบริษัทเหล่านี้ไม่มีความสามารถด้านการผลิต จึงจำเป็นต้องจ้าง OEM ให้โรงงานที่มีศักยภาพในการผลิต
+ NRF ตั้งเป้าเป็นโรงงานให้แก่บริษัทสตารทอัพเหล่านี้
+ NRF จึงก่อตั้งกองทุนสตาร์ทอัพ “Big Idea Venture” และ “New Protien Fund” ขนาดกองทุน 1,500 ลบ. ซึ่งเป็นสตารทอัพที่ค้นคว้าเกี่ยวกับอาหารโปรตีนจากพืช เพื่อคาดหวังว่า หากมีสาร์ทอัพที่ประสพความสำเร็จ จะให้ NRF เป็นผู้ผลิตเพื่อจำหน่าย
+ ร่วมลงทุนใน “ The BRECKS Company” ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตโปรตีนจากพืชรายใหญ่ในอังกฤษ
+ ร่วมกันจัดตั้ง “Plant And Bean” เพื่อซื้อโรงงานผลิตใส้กรอกจากพืชในอังกฤษ
+ Plant And Bean กำลังขยายกำลังการผลิตให้ได้ 70,000 ตัน/ปี ใน มี.ค. ปี 64
+ มีแผนขยายธุรกิจใน อเมริกา และในหลายประเทศทั่วโลก
2. เข้าถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ทำให้บริษัทมีความเป็นผู้ นำทางการตลาด
+ ลงทุนใน “Meatless Farm” ผลิตแฮมเบอร์เกอร์เนื้อเทียม จำหน่ายในอังกฤษ
+ นำสินค้าจาก Meatless Farm เข้ามาจำหน่ายในไทย
+ สร้างแบรนด์ WICKED Food ซึ่งประสพความสำเร็จมากในประเทศอังกฤษ และจะนำไปทำตลาดที่ สหรัฐ และประเทศยุโรป
3. ส่งเสริมชื่อเสียงของบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งข้ึน
+ เปิดตลาดในไทย นำสินค้าที่บริษัทจำหน่ายใน ตปท. มาขายในไทย
+ ขยายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ เจาะกลุ่มเมืองที่มีคนเอเชียอาสัยจำนวนมาก
+ จัดหา Celebrety Chef เพื่อช่วยโปรโมทสินค้า
4. เพิ่มช่อง ทางการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ
+ ลงทุนใน “Boosted Corporation USA “ เป็นบริษัททำธุรกิจ E-Commerce ในสหรัฐ ที่มีการทำธุรกิจบน Amazon.Com เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ บน Amazon
+ Take Over บริษัท Prime Lab ซึ่งขายผลิตภัณเสริมอาหารใน Amazon
+ Take Over “SOL Tradding” ขายผลิตภัณฑ์ผงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ขายใน Amazon
+ กำลังเจรจาเพื่อซื้อเพิ่มอีก 3-4 บริษัท
2.) โครงสร้างรายได้
62 63
รายได้รวม 1,111 1,408 เติบโต 26.7%
- Ethnic Food 1,033 1,251 เติบโต 21%
• OEM 729 888 เติบโต 22%
• Own Brand 303 363 เติบโต 20%
- Plant-Base 77 109 เติบโต 41.5%
- Functional - 47
รายได้แยกตามประเทศ
ต่างประเทศ (82.4%) เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดหลักอยู่ที่ สหรัฐ(32%) ยุโรป(30%)
ประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่องคือตลาด สหรัฐ และ ตลาดเอเชีย
ในประเทศ 15% รายได้เติบโตต่อเนื่อง แต่อัตราส่วนลดลงเนื่องการการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศ
1Q63 1Q64
รายได้ 265 472 เติบโต 78%
- Ethnic 241 384 เติบโต 59%
- Plant Base 16 34 เติบโต 112%
- Functional. 8 19 เติบโต 137%
กำไรขั้นต้น 83 154 เติบโต 85%
กำไรสุทธิ 46 69 เติบโต 50%
GPM 31.3% 32.6%
NPM 16.8% 14.2%
Ethnic Food. เติบโตจากกลุ่มเครื่องปรุงสำเร็จรูป และกำไรจากโรงงาน City Food ที่ซื้อเข้ามาใหม่
Plant Based. เติบโตขึ้น 112% จากกลุ่มเส้นบุกจากตลาดในสหรัฐ
SG&A
มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นสูงถึง 111% เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการจ้างบุคคากรเพื่อขยายธุรกิจ ค่าใช้จ่ายจาก City Food และ Boosted Company เช่นค่าธรรมเนี่ยมต่อ Amazon
ซึ่ง SG&A คิดเป็น 23.4% เพิ่มจากเดิม 3.7% เนื่องจากรายได้พี่เพิ่มขึ้นตามด้วย
3.) ตัวเลขสำคัญทางการเงิน
สินทรัพย์
รวม 3,934 ลบ. เพิ่มขึ้น 576 ลบ.
ประกอบด้วย
- สินทรัพย์ไม่มีตัวตน,เครื่องหมายการค้า 52%
- ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ 16%
- ลูกหนี้การค้า 8%
หนี้สิน
รวม 1,316 ลบ. เพิ่มขึ้น 532 ลบ.
- เจ้าหนี้การค้า 8%
- เงินกู้ระยะสั้น 11%
- หนี้สินรอการตัดบัญชี. 7%
- ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 10%
D/E 0.5
ROE 6.6
GPM. 32%
NPM. 14.2%
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน+194 ลบ. (เพิ่ม 540%)
กระแสเงินสดจากการลงทุน (-549) (ลงทุนเพิ่ม 1,615%)
กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน 382 ลบ. (กู้รยะสั้นเพิ่ม)
4.) SWOT Analysis
Strenght
💎 มีโรงงานที่สามารถผลิตอาหารจากพืชอยู่แล้ว
💎 มีลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายจากทั่วโลก
💎 ลงทุนในตลาดที่มีการเติบโต และลูกค้ามีกำลังซื้อสูง
Weakness
❌ ยอดขายส่วนใหญ่ยังอยุ่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมคือ เครื่องปรุงและซอส
❌ ลงทุนในกลุ่มอาหารเฉพาะ ยังไม่เป็นตลาด Mainstream
❌ ยังอยู่ในช่วงลงทุนเริ่มต้น ยังไม่สามารถบอกได้ว่าที่ลงทุนไปจะประสพความสำเร็จหรือไม่
❌ บริษัทมีรายได้หลักจากการ OEM ซึ่งมีกำไรต่ำกว่าทำแบรนเอง
Opportunity
เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงในอนาคต
เป็นสินค้าจำเป็น และแก้ไขปัญหาความขาดแคลนอาหารของมนุษย์
ตลาดในอนาคตให้ความสำคัญกับ ESG ซึ่ง NRF ลงทุนเกี่ยวข้องทั้งหมด
Threat
❌ Plant Based Food กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น กำลังพัฒนา ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะประสพความสำเร็จหรือไม่
❌ อาจมีเทคโนโลยีใหม่ในอนาคตที่ดีกว่าสามารถผลิตอาหารได้ดีกว่า (แต่ตอนนี้ยังไม่มี)
❌ NRF ตั้งเป้าเป็นโรงงานสำหรับผลิตอาหาร Plant Base ซึ่งสามารถมีบริษัทขนาดใหญ่และมีเงินทุนสูงสามารถเข้ามาแข่งขันและสามารถทำได้ดีกว่า
5.) เป้าหมายผู้บริหาร
🎯 ยอดขาย 3,000 ลบ. ในปี 2566 (โต 3 เท่าใน 2 ปี)
🎯 ดีลลูกค้าใหม่ๆที่มีนัยสำคัญเพิ่มอย่างน้อย ปีละ 10 ดีล
🎯 เป็นผู้นำ “โรงงานผลิตอาหาร Plant Base ของโลก”
🎯 ร่วมมือกับ ปตท. ในการขายผลิตภัณฑ์ Plant Base
🎯 ออกแบรนด์อาหารใหม่ๆ นำแบรนด์ที่มีอยุ่แล้วมาขายในประเทศอื่นๆ
🎯 พาบริษัทให้เติบโตบนออนไลน์
สรุป
NRF เป็นบริษัทผลิตอาหารที่กำลังจะต่อยอดธุรกิจเดิมสู่โลกอนาคตของอาหาร คือ Plant-Based Food โดย NRF ตั้งเป้าให้ตัวเองจะเป็นผู้นำของโรงงานผลิตอาหารจากพืช
ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของบริษัท
กลยุทธที่จะส่ง NRF ให้เติบโตคือ การซื้อกิจการที่ประสพความสำเร็จแล้ว หรือ ลงทุนในบริษัท Start Up ในประเทศต่างๆทั่วโลก
เมื่อ Start Up ที่ไปลงทุน หรือมีสินค้าติดตลาด NRF จะกลายเป็นผู้นำของ Plant Based ในประเทศนั้นๆ และ จะสามารถนำสินค้าไปขายในตลาดอื่นๆได้ทั่วโลก
ธุรกิจ Plant Base Food กำลังอยุ่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีผู้แพ้หรือชนะที่ชัดเจน แต่มีแน้วโน้มที่กำลังเติบโตสูงมาก NRF ตั้งเป้าหมายเป็นคนกลางคือเป็นผู้ผลิตให้กับบริษัทที่จะลงทุนในธุรกิจนี้
แต่ปัญหาใหญ่ของ NRF คือ การลงทุนในธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้น ซึ่งเรายังไม่เห็นเส้นทางที่ชัดเจนมากนักของธุรกิจนี้ว่าจะประสพความสำเร็จได้หรือไม่ ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้โรงงานของ NRF ไม่เป็นที่ต้องการ
หรือหากวันใดที่การผลิตอาหารจากพืชเป็น Mainstream จะมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาแข่งขันด้วย บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ๆของโลกเหล่านั้นมีศักยภาพในการผลิตอาหารที่ดี และยังมีเงินทุนที่สูงกว่า ก็สามารถเข้ามาแข่งขันได้อย่างไม่ยากนัก
ต้องรอดูกันต่อไปยาวๆว่า คุณแดน ผู้บริหารจะสามารถพา NRF ประสพความสำเร็จตามเส้นทางที่ได้วางไว้หรือไม่
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
Lucky Pilot Investor
" เพราะการบินและการลงทุน
มีหัวใจเดียวกันคือ
ทำด้วยความรู้ "
Aviation - Invesment - Technology
โฆษณา