16 ก.ค. 2021 เวลา 04:19 • ประวัติศาสตร์
A Brief History of Witches: Malin Matsdotter เมื่อลูกบอกว่าฉันคือแม่มด
มาลิน มาตส์ดอตเทอร์ (Malin Matsdotter) หญิงชาวสวีเดนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดที่ถูกเผาทั้งเป็นไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ล่าแม่มดของสวีเดน ที่มีชื่อว่า Det Stora oväsendet หรือ The Great Noise
มาลินคาดการณ์ว่าเกิดในปี ค.ศ. 1613 ถึง สิงหาคม 1676 ไม่มีบันทึกเรื่องราวชีวิตของเธอก่อนหน้าเลยว่าเป็นใครมาจากไหน เรื่องราวของเธอมาปรากฏในบันทึกการ พิจารณคดีแม่มดว่าเธอแต่งงานกับเอริค เนลสัน ซึ่งทำงานผลิตตะปูหรือเหล็ก ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน ชื่อว่า แอนนา และ มาเรีย เอริคดอตเทอร์
ในปี ค.ศ. 1668 สามีของเธอได้ถูกประหารชีวิตจากข้อหามีเพศสัมพันธ์กับวัว ซึ่งคนแจ้งทางการไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแอนนา ลูกสาวคนโตในวัย 13 ปีนั่นเอง
ต่อมามาลินได้แต่งงานใหม่กับ อันเดรส์ อาเรนสัน ซึ่งลูกสาวของเธอไม่ค่อยพอใจนัก ทำให้มีปากเสียงกับมาลินและสามีใหม่ของมาลินอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ลูกสาวทั้งสองของเธอ ตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน
เรื่องอื่นๆของมาลิน ไม่พบประวัติและบันทึกเลย ไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอทำอาชีพอะไร มีปรากฏเพียงว่าเธอมีทำคลอดให้คนในหมู่บ้านบ้าง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเธอทำเป็นอาชีพหมอตำแยหรือไม่
ในปี ค.ศ. 1676 มีบันทึกว่าเธอมีบ้านของตัวเองในเมืองสต็อกโฮล์ม และถูกจ้างเป็นหมอตำแย โดยหมอตำแยที่จ้างเธอชื่อว่า แอนนา ซิปเพล (Anna Zippel)
มาลินและแอนนา ทั้งสองถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในภายหลัง และถูกนำตัวไปพิจารณาคดีเหมือนกัน คดีของมาลินได้รับสมญานามว่า Rumpare Malin ซึ่งเราไม่ทราบว่า Rumpare แปลว่าอะไร แต่มีความใกล้เคียงกับ Rumpoxe ซึ่งเป็นคำดูหมิ่นในปัจจุบัน แปลว่า พวกโง่
-- การพิจารณาคดีของมาลิน --
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1676 มาลินถูกแจ้งต่อทางการในข้อหาใช้เวทย์มนตร์ ซึ่งมาเรีย ลูกสาวคนเล็กของเธอในวัย 19 ปีขณะนั้น เป็นผู้แจ้ง
คำให้การของมาเรียมีอยู่ว่า เธอถูกมาลิน แม่ของเธอล่อลวงและลักพาตัวไปเพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมของซาตาน โดยเธอเห็นว่ามาลินจะพูดภาษาอะไรไม่รู้ สาปแช่ง และพ่นคำหยาบ โดยเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาคริสต์
มาลินถูกนำตัวไปสอบสวน เธอโดนทดสอบให้ท่องบทสวดทางศาสนาเพื่อพิสูจน์ความศรัทธา เธอกลับตอบว่าเธออ่านไม่ค่อยออก ไม่รู้หนังสือ จนศาลให้คนมากล่าว นำและให้เธอกล่าวตามแบบคำต่อคำ เธอก็ยังไม่สามารถกล่าวตามได้ครบถ้วน มีความตะกุกตะกัก ทำให้ศาลสงสัย
มีผู้กล่าวเสริมว่า เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้หนังสือในช่วงศตวรรษที่ 17 เพราะในสต็อกโฮล์มออกกฎหมายตั้งแต่ปี 1571 แล้วว่าประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกชนชั้นของสต็อกโฮล์ม จะได้รับการศึกษาให้อย่างน้อยสามารถอ่านออกเขียนได้ โดยเฉพาะการอ่านและท่องไบเบิล
ไม่เพียงเท่านี้ มาเรีย ลูกของเธอ ยังยืนยันต่อศาลว่ามาลินเป็นคนลักพาตัวลูกๆ และเด็กๆแถวนั้นไปหาซาตาน มาเรียบอกว่าซาตานผู้นี้ก็ได้ปรากฏตัวในศาลด้วย โดยมีลักษณะตัวสีดำ สูง และมีเขา กำลังยืนดึงกระโปรงและกระซิบข้างหูมาลินอยู่ ว่าอย่าได้รับผิดหรือสารภาพใดๆ
ดังนั้นมาลินจึงถูกศาลสั่งให้คุกเข่า อ้อนวอนสารภาพความผิด พอเธอยอมทำตามที่ศาลสั่ง ซาตานก็ได้หายตัวไป
นอกจากนี้ยังมีเด็กคนอื่นๆที่มาเป็นพยานต่อศาลด้วย ว่าได้ถูกมาลินลักพาตัวไป และยืนยันคำให้การของมาเรียด้วยว่า มีซาตานยืนอยู่ข้างมาลินจริงๆและซาตานกำลังพูดห้ามไม่ให้เธอสารภาพอยู่
แถมเด็กบางคนยังบอกด้วยว่าพวกเขาโดนมาลินทุบตี และขู่ไม่ให้ขึ้นให้การต่อศาล ทำให้แม่ของเด็กๆทราบเรื่องยิ่งโกรธ มาบอกศาลว่าเธอยอมให้ลูกเธอตายดีกว่าโดนทุบตีทรมานแบบนี้ และเธอจะฆ่ามาลินเสียเอง ถ้าศาลไม่สั่งประหารชีวิตเธอ
แอนนา ลูกสาวคนโตของมาลินได้รับสารภาพเช่นเดียวกันว่าเธอมีส่วนช่วยแม่ของเธอล่อลวงเด็กๆมาทำพิธีกรรมกับซาตาน ทำให้แอนนาโดนจับไป
ศาลถามย้ำกับมาเรียว่าเธอกล่าวหาแม่ตัวเองให้ต้องโดนโทษประหารเพราะต้องการจะฮุบบ้านและมรดกหรือไม่ เธอได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ ส่วนสามีคนใหม่ของมาลินไม่เคยถูกนำตัวมาสอบสวน ซึ่งก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม
ในการไต่สวนครั้งที่ 11 เป็นครั้งสุดท้าย ศาลให้เธอคุกเข่าและกล่าวบทสวดตามอีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำได้ ทำให้ศาลเชื่อว่าเธอเป็นผู้เลื่อมใสในซาตานจริงๆ
มาลินบอกว่าเธอไม่ถือสาลูกของเธอเลยที่กล่าวหาเธอ ถ้ามันจะทำให้ตัวเธอเองตายเธอก็ไม่สน แต่เธอจะไม่มีวันยอมรับว่าตัวเธอเองเป็นแม่มด
ทว่าการปฏิเสธอย่างขันแข็ง ไม่ได้ทำให้ศาลเปลี่ยนใจ ศาลกลับยิ่งเชื่อว่ายิ่งเธอปฏิเสธ เธอยิ่งมีพิรุธ และดูแย่
-- การประหารชีวิต --
ในวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1676 มาลิน มาตส์ดอตเทอร์ ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากข้อหาทั้งหมดที่ถูกกล่าวหา และถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในที่สุด การประหารชีวิตด้วยวิธีไหน จะได้รับการโหวตโดยคณะกรรมาธิการการใช้เวทย์มนตร์ โดยมี 3 วิธีด้วยกัน คือ
1. วิธีที่เป็นธรรมเนียมใช้กันมากที่สุด คือ การตัดหัวและค่อยนำร่างไปเผาต่อหน้าสาธารณะ
2. ทรมานแม่มดผู้นั้นก่อน ก่อนที่จะนำไปตัดหัวและเผาร่างต่อหน้าสาธารณะ
3. เผาทั้งเป็นต่อหน้าสาธารณะ
ซึ่งวิธีที่ 3 ได้รับการโหวตมากที่สุดว่าให้ใช้กับมาลิน
ดังนั้นมาลินจึงถูกนำตัวมา รอบคอเธอมีถุงขนาดใหญ่ผูกอยู่ ซึ่งข้างในเป็นดินปืน เพื่อให้ไฟจุดเร็วขึ้นและเผาไหม้เร็วขึ้น
วิธีที่เธอโดนเผาทั้งเป็นนั้นไม่ใช่วิธีที่มักจะทำในช่วงล่าแม่มดของสวีเดน ในบรรดา 300 คนที่โดนตัดสินประหารชีวิตด้วยข้อหาเป็นแม่มดในช่วงการล่าแม่มด เธอเป็นคนเดียวในไม่กี่คนที่โดนวิธีเผาทั้งเป็น
ระหว่างที่กำลังจะเตรียมจุดไฟเผาที่จัตุรัสกลางเมืองสต็อกโฮล์ม มาลินมีท่าทีที่สงบมาก ไม่โวยวาย ไม่ร้องไห้ และพูดคุยกับพระเป็นปกติ ขณะที่พระให้เธอยอมรับบาป เธอยอมให้เพชฌฆาตนำดินปืนมาไว้รอบๆคอของเธอแต่โดยดี
มาเรีย ลูกสาวของเธอขอให้มาลินยอมรับบาปที่ทำก่อนที่จะตาย แม้แต่วินาทีสุดท้ายเธอก็ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นแม่มด และขอให้ซาตานสาปแช่งพวกเขาต่อไปด้วย
มีบันทึกว่าขณะที่ไฟได้ทุกจุดเผาเรือนร่างของมาลิน ไม่มีเสียงกรีดร้องใดๆออกมาจากเธอเลย เธอลืมตามองสาธารณชนก่อนที่ไฟจะโหมจนมองไม่เห็นร่างของเธอ ซึ่งผู้คนต่างลือว่าที่เธอไม่กรีดร้องเป็นสัญญาณของแม่มด (เชื่อว่าแม่มดจะไม่รู้สึกเจ็บปวด)
Credit: https://humanistcentre.wordpress.com/history-religious-evil/malin-matsdotter-1676/
การประหารชีวิตของมาลินเป็นจุดสิ้นสุดการพิจารณาคดีแม่มด และการล่าแม่มดในสต็อกโฮล์ม
ภายหลังศาลได้มีการปรับเปลี่ยนกลวิธีพูดคุยกับพยานโดยเฉพาะเด็ก เนื่องจากเกรงว่าเด็กจะถูกยุยงให้พูดเท็จได้ง่าย ศาลจึงไช้วิธีสอบปากคำหลายๆครั้งเพื่อเปรียบเทียบคำให้การ
ส่วนแอนนา ลูกสาวคนโตของมาลิน ถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการลักพาตัวเด็กไปหาซาตาน เธอถูกขังคุก และเริ่มเล่าว่ามาลินมาหยิกเธอในฝัน และบอกว่าเธอจะต้องตายตามมาลินไปเร็วๆนี้
แอนนาไม่โดนข้อหาเป็นแม่มด แต่มีความผิดทำให้เธอถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน
จนตายด้วยข้อหาเบิกความเท็จต่อแม่ของเธอ ส่วนมาเรีย ลูกสาวคนเล็กของมาลิน ถูกทางการออกใบสั่งข้อหาเบิกความเท็จต่อแม่ของเธอเช่นเดียวกัน
หลังจากค.ศ. 1677 เป็นต้นมาเหล่าพระของสวีเดนถูกสั่งให้กล่าวต่อสาธารณะว่า แม่มดได้ถูกขับไล่ออกไปจากประเทศนี้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการล่าแม่มดและพิจารณาคดีเกี่ยวกับแม่มดอีก
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไข และคัดลอก โดยไม่ได้รับอนุญาต
References:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา