9 ก.ค. 2021 เวลา 02:51 • การเมือง
ในตอนนี้ ถ้าหากไม่ใช่กองเชียร์ที่หน้ามืดตามัว ทุกคนคงยอมรับกันแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความสามารถเพียงพอในการบริหารประเทศยามวิกฤติ
17
วิกฤติโควิด-19 คุณต้องแก้ปัญหาสาธารณสุข และปัญหาเศรษฐกิจไปพร้อมกัน แต่รัฐบาลทำไม่สำเร็จสักอย่าง โควิดก็หยุดไม่ได้ วัคซีนก็หาไม่พอ ส่วนเศรษฐกิจไม่ต้องพูดถึง ผู้คนยื้อกันมาเป็นปีแล้ว อาชีพต่างๆ จะอดตายกันอยู่แล้ว
8
จริงๆ ถ้าประชาชนหาวัคซีนได้ เอกชนก็คงไปซื้อเองแล้ว แต่วัคซีนสำหรับโควิด บริษัทผู้ผลิตเขาต้องซื้อขายผ่านรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้นคำถามคือทำไมรัฐบาลจึงไม่สามารถจัดหามาให้ได้อย่างพอเพียงล่ะ?
10
ทั้งๆ ที่ก็รู้แต่แรกอยู่แล้วว่า วัคซีนคือทางออกของปัญหา มันต้องมีการกระจายความเสี่ยง คุยกับทุกยี่ห้อตั้งแต่แรก แต่ดันเลือกเดิมพันกับ AstraZeneca อย่างเดียว และก็อย่างที่เห็นวัคซีนที่ผลิตจากสยามไบโอไซเอนส์ มันก็ไม่เพียงพอ
6
เมื่อไม่พอ ก็ต้องไปดีลกับเจ้าอื่นๆ แต่พอมาเริ่มคุยกับแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Pfizer หรือ Moderna เอาทีหลังแบบนี้ ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เราต้องรอคิว แบบไม่รู้กำหนดวันชัดเจนว่าจะได้เมื่อไหร่ เพราะวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง มันก็มีดีมานด์เยอะ ใครๆ ก็ต้องการทั้งนั้น
2
ชอยส์ที่มีในมือ ก็เลยเหลือน้อยมาก สุดท้ายเลยดีลได้แค่กับ Sinovac มา ซึ่งจริงอยู่ Sinovac ก็อาจจะป้องกันการเสียชีวิตได้ ยังไงก็ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว และแน่นอนว่าได้ฉีด ก็ดีกว่าไม่ฉีด แต่ถ้าว่ากันตรงๆ ในงานวิจัยมากมายก็บ่งชัดว่า Sinovac ไม่ใช่วัคซีนที่มีศักยภาพดีที่สุดแน่ๆ
7
วันนี้ 9 กรกฎาคม ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 9 พันต่อวันแล้ว คนตายขึ้นหลัก 70 ก็ไม่แปลกใจที่อีกไม่นานจะทะลุหลักหมื่นต่อวัน ถามจริงๆว่า พอตื่นเช้ามา เห็นตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่มขนาดนี้ มันเป็นไปได้หรือ ที่คุณจะไม่ตกใจ
6
วิธีที่จะเบรกสถานการณ์ได้ คือคุณต้องฉีดวัคซีนให้เยอะที่สุด เร็วที่สุด ครอบคลุมที่สุด แต่คำถามคือวัคซีนเราอยู่ไหน?
4
นายกรัฐมนตรีเคยประกาศว่า ไทยจะจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ แต่นับถึงวันนี้ มีวัคซีน 3 ยี่ห้อ คือ AstraZeneca, Sinovac และ Sinopharm รวมกัน แค่ 15.04 ล้านโดสเท่านั้น ในกรอบอีก 6 เดือนที่เหลือ เราต้องหามาให้ได้อีกเกือบ 85 ล้านโดส ซึ่งโอเค เรารู้ว่ามีการดีล Pfizer มา 20 ล้านโดส และได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ อีก 1.5 ล้านโดส และมีสัญญา 61 ล้านโดสกับ AstraZeneca ไว้ ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาว่าสุดท้ายจะไม่มีอะไรผิดพลาด และได้วัคซีนถึงร้อยล้านจริงๆ ตามเป้าที่วางไว้
5
ไม่ใช่แค่ตัวนายกฯ เท่านั้น แต่การสื่อสารจากหน่วยงานรัฐเต็มไปด้วยปัญหา เมื่อวานเพจ "ไทยรู้สู้โควิด" บอกให้ประชาชน "รีบ" ไปฉีดวัคซีน โดยไม่ได้ดูความจริงเลยว่า มันมีวัคซีนให้ฉีดไหม คนน่ะอยากฉีดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือคนที่จองไว้ต่างโดนเลื่อนออกไปเพียบ โดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้ฉีดเมื่อไหร่
11
การสาธารณสุขว่าแย่แล้ว เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้ต่างกัน รัฐบาลกู้แล้วกู้อีก แต่แทนที่จะนำไปใช้ในสิ่งที่ควรจะทำจริงๆ เช่น ซื้อวัคซีน แต่เอาไปแจกในโครงการคนละครึ่ง และเรารักกัน เป็นแสนล้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดดี
26
องค์การเภสัชกรรมชี้แจงว่า การซื้อ Moderna ล่าช้า เพราะไม่ได้รับการจัดสรรงบจากรัฐ แต่ต้องรอยอดสั่งซื้อจากเอกชน คำถามคือ มันไม่สามารถหาเงินส่วนใดเอาไปซื้อ Moderna ให้ประชาชนก่อนได้เลยหรือ ทำงานเชิงรุกบ้างไม่ได้เชียวหรือ
7
ถ้าผู้ติดเชื้อโควิดยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ไม่มีท่าทางจะแผ่ว เรื่องเงินเยียวยาก็ลำบากยิ่งขึ้น เพราะประเทศเราตอนนี้เงินจะหมดแล้ว เรามีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับ 59% ของ GDP แล้ว ซึ่งเพดานแม็กซ์สุดคือ 60% ต่อ GDP แปลง่ายๆ คือเราไม่สามารถกู้เพิ่มได้อีกแล้ว ต้องเอาตัวรอดกันในงบประมาณที่เหลืออยู่
5
คนทำร้านอาหารเจ็บตัวหนัก นักดนตรี คนทำงานกลางคืน ออกมามาประท้วงรายวัน แม่ค้าขายของได้น้อยลงอย่างน่าตกใจ เช่นเดียวกับ พนักงานออฟฟิศก็ไม่รู้ว่าจะประคองตัวเองให้ผ่านพ้นเดือนได้หรือไม่ จับไปตรงไหนก็เจอแต่แผลไปหมด
6
ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณสุข กับเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น ที่รัฐบาลล้มเหลว แต่เรื่อง "ความรู้สึกของประชาชน" พวกเขาก็รักษาไว้ไม่ได้ ณ เวลานี้ ผู้คนมีความเครียด กลัวจะติดโรค กลัวจะป่วย กลัวจะไม่มีเงินประคองตัวให้อยู่รอด มีความกังวลใจมากมาย คนเป็นผู้นำจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่าพูดหรือทำอะไร ที่จะทำให้คนที่เครียดอยู่แล้ว ยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม
3
แต่สิ่งที่คนของรัฐบาลทำ มีแต่เติมเชื้อไฟให้แรงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ พูดจาเรื่อยเปื่อย ใช้คำ "นะจ๊ะ" ไร้สาระ ส่อให้เห็นความไร้สาระไม่เข้าใจสถานการณ์ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดว่า "ช่วยทั้งหมด แล้วจะเอาอะไรอีก โว๊ะ" แต่ละคำพูด จับอารมณ์ของสังคมไม่ได้เลย อย่าว่าแต่คำให้กำลังใจประชาชนเลย แค่วางตัว และมีกิริยาให้ถูกต้อง ยังทำไม่ได้
20
สาธารณสุขแก้ไม่ได้ เศรษฐกิจแก้ไม่ได้ ความศรัทธาไม่มีเหลือ คุณจะมาด้วยความตั้งใจจริง หรืออย่างไร ไม่สำคัญ แต่ถ้าจุดหนึ่ง ตัวเองมือไม่ถึงที่จะแก้ปัญหาก็ต้องยอมรับไป
13
วิกฤติโควิด-19 แบบนี้ ทั้งโลกไม่มีใครเคยเจอ ต่อให้เป็นผู้นำประเทศที่เก่งกาจมากๆ ก็ยังต้องใช้ทุกกลยุทธ์ถึงจะฝ่าไปได้ แล้วกับประเทศที่นายกฯ มีขีดความสามารถจำกัด มันยากจริงๆ ที่จะเอาตัวรอดไปได้จากศึกหนักแบบนี้
12
เอาล่ะ ในเมื่อเห็นความล้มเหลวกันตรงหน้าแบบนี้ แล้วสำหรับประชาชนอย่างเรา สามารถทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์นี้
2
--------------------------
1) ตำหนิรัฐบาลต่อไป ช่วยเป็นหูเป็นตาให้สังคม
6
มีคำกล่าวว่า "ประเทศไทยขับเคลื่อนด้วยการด่า" ฟังดูแปลก แต่ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คนเขาเตือนดีๆ ก็แล้ว พูดด้วยเหตุผลก็แล้ว ก็ไม่คิดจะรับฟังกัน คิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูไปหมด คิดว่าอะไรก็เป็นการเมืองไปหมด ไม่คิดบ้างเลยหรือว่าจะพรรคไหน เขาก็รักประเทศเหมือนกัน
6
ในเคสเรื่องสัญญาโมเดอร์น่า พอมีกระแสการด่าปั๊บ คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง องค์การเภสัชกรรมรีบส่งร่างจัดซื้อให้อัยการสูงสุดตรวจทันที เราไม่รู้ว่าเขาจะส่งร่างจัดซื้อพอดีอยู่แล้ว หรือโดนกระตุ้นด้วยการด่าจึงทำงานเร็วขึ้น
10
เช่นเดียวกับกรณีสั่งซื้อ Pfizer เราก็ไม่รู้ว่า รัฐบาลจะสั่งซื้อจริงๆ ตามที่กล่าวอ้าง หรือว่าเพราะโดนสังคมด่า จึงต้องกระเสือกกระสนหาวัคซีน mRNA มาให้ได้ คือจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เห็นคือ พอโดนด่า โดนตำหนิ แล้วภาครัฐขับเคลื่อนเร็วขึ้น
5
--------------------------
3
2) อย่าเสียพลังไปอธิบายกับคนที่ไม่พยายามเข้าใจ
8
ในกระแสสังคมรวมๆ ทุกคนรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความสามารถแค่ไหน เราเห็นกันแล้วว่า Single Command รวมศูนย์อำนาจไว้กับตัวเอง มันได้ผลหรือเปล่า? ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ใกล้จะแตะหมื่น เราคงได้คำตอบไปแล้ว
5
ในโลกออนไลน์ จะมีบางคนที่เป็นกองเชียร์ของพล.อ.ประยุทธ์อย่างเหนียวแน่น ต่อให้ทำผิดพลาดอะไร ก็จะหาข้อแก้ตัวให้เสมอ คนกลุ่มนี้ มันยากที่จะดึงเขาออกมาจากสิ่งที่เขาเชื่อมั่น ต่อให้พูดอะไรแค่ไหน หว่านล้อมด้วยเหตุผลทั้งหมดที่มี เขาก็จะยืนยันแบบนั้นต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยทำอะไรผิด รัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว
7
ดังนั้นถ้าพยายามพูดดีๆ กับพวกเขาเหล่านั้นแล้วไม่สำเร็จ ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เพราะเราจะเหนื่อยฟรีเปล่าๆ
4
บางคนเขารู้อยู่แล้วล่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ยังเลือกจะสนับสนุนแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเขากลัวแค่สิ่งที่ตัวเองเชื่อมาตลอดจะเป็นเรื่องไม่จริงแค่นั้น
18
3) ระมัดระวังตัวเอง อย่าให้ติดเชื้อไปอีกคน
หลายคนไม่อินกับคำว่า "หยุดเชื้อเพื่อชาติ" เพราะเมื่อเจอสิ่งที่รัฐบาลทำกับประชาชนขนาดนี้ บางคนก็ไม่เห็นว่าทำไมเราต้องทำอะไรตอบแทนเพื่อชาติล่ะ ซึ่งการคิดแบบนั้นก็เป็นสิทธิ์ แต่อย่างน้อยเรา "ต้องไม่ติดเชื้อ เพื่อคนที่เรารัก" เราต้องแข็งแรงเอาไว้ก่อน เพื่อคนรอบตัวของเรา ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจก็ต้องประคองตัว ยันเอาไว้ เอาให้อยู่รอดให้ได้ในช่วง 3-4 เดือนต่อจากนี้
5
4) จำสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ แล้วรอวันเลือกตั้ง
10
การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ.2566 ซึ่งนับดูแล้วก็เหลืออีกแค่ 1 ปี กับอีก 9 เดือนเท่านั้น และที่ผ่านมา เราคงได้เห็นว่า ความสามารถของผู้นำ จะเป็นตัวตัดสินว่าเมื่อเจอวิกฤติ ประเทศจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ และจะผ่านความยากลำบากไปเร็วแค่ไหน
3
ถ้าคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำมาตลอดในช่วงที่บริหารประเทศ มันดีที่สุดแล้ว ก็สามารถเลือกเขาต่อไปได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ถ้าคิดว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพมากกว่านี้ ก็ลองให้โอกาสคนอื่นมาทำงานดู ก็เลือกพรรคอื่นไป โอเคล่ะ ว่าแม้ คสช. จะมีส.ว. ในมือ 250 เสียง ที่ช่วยผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัยได้ แต่ถ้า ส.ส.ขั้วตรงข้าม ได้คะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ ทุกอย่างก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน
7
สุดท้ายนี้ เราคงเห็นความพยายามของหลายคน ที่ขอร้องให้นายกฯ ลาออก มือไม่ถึงก็ออกไป เอาคนทำงานเป็นมาทำแทน แต่แน่นอนว่าเขาไม่ออกหรอก ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะออก ก็คงออกไปนานแล้ว
5
ถ้าคนเรารักประเทศจริง ต้องยอมรับศักยภาพของตัวเอง และคิดถึงประเทศเป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่เขาทำในวันนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้น
9
ตอนนี้ มันเลยเรื่องการเมืองไปไกลแล้ว คิดว่าคนทั้งประเทศเขาอยากจะจ้องเลื่อยขารัฐบาลกันหมดเลยอย่างนั้นหรือ ไม่หรอก คนเขาคิดถึงเรื่องชีวิต และความเป็นความตายต่างหาก
3
ถึงวันนี้ ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดอะไรอยู่ บางทีเขาอาจคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ เป็น "คนเดียวเท่านั้น" ที่จะกอบกู้ชาติได้ ถ้าไม่มีเขาสักคนประเทศไทยคงติดเชื้อเยอะที่สุดในโลกไปแล้ว อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?
7
แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นฮีโร่อัจฉริยะอะไร อย่าลืมว่าเขาเป็นแค่ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้โอกาสเป็นนายกฯ ด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญเดิมทิ้งก็แค่นั้น
31
โฆษณา