9 ก.ค. 2021 เวลา 02:55 • หนังสือ
#31 เล่ม 3 บทที่ 5 หน้า 143 ~ 148
...
G : ฉันจะบอกกับเธอว่า : วันหนึ่งเธอกับฉันจะพูดกันด้วยความเข้าใจเดียวกัน
และวันนั้น ✨จะมาถึงทุกคน✨
...
...
...
N : ถ้าวันนั้นมาถึงผมจริงๆ ผมก็อยากแน่ใจที่สุดว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องตรงตามที่พระองค์บอกจริงๆ ผมขอย้อนกลับไปที่ประเด็นหนึ่ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆครับ ถึงพระองค์จะเคยพูดถึงประเด็นนี้แล้วหลายครั้ง แต่ผมก็อยากจะให้แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจมันแล้วจริงๆ
ผมเข้าใจถูกมั้ยครับว่า หลังจากที่เราบรรลุถึงสภาวะแห่งความเป็นหนึ่งเดียวที่หลายคนเรียกมันว่า "นิพพาน" แล้ว (หลังจากที่เรากลับคืนสู่ "ต้นกำเนิด" แล้ว) เราจะไม่อยู่ในสภาวะนั้นไปตลอด❓
ที่ผมถามอีกรอบเพราะดูเหมือนมันจะขัดแย้งกับสิ่งที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อและคำสอนตามรหัสนัยของโลกตะวันออก★
★พวกเราชาวตะวันออกที่นับถือศาสนาส่วนใหญ่ถูกสอนว่า ถ้าบรรลุถึงนิพพานแล้ว เราจะไม่มีวันหวนกลับมาอีก เรียกว่าหลุดพ้นไปจากกงล้อแห่งเอกภพหรือการเวียนว่ายตายเกิด แต่พระองค์กลับบอกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ยังไงเธอก็ต้องกลับมาเพราะกระบวนการมันเป็นอย่างนั้น แถมการกลับมานี้ยังเป็นการตัดสินใจเลือกของตัวเราเองอีกต่างหาก และจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ ไม่มีใครหรือสิ่งใดบังคับให้เรากลับมา ~ แอดมิน
G : การคงอยู่ในสภาวะแห่งความไม่เป็นอะไรเลยอันลึกล้ำ หรือสภาวะแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้น โดยตัวมันเองแล้วทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะ "คงอยู่" ในสภาวะนั้น อย่างที่ฉันเคยอธิบายไปแล้วว่า "สิ่งไม่เป็น" ย่อมมิอาจดำรงอยู่ได้ ถ้าไม่มี "สิ่งที่เป็น"★
แม้แต่ภาวะบรมสุขของความเป็นหนึ่งเดียว ก็มิอาจทำให้รู้สึก "บรมสุข" ได้ถ้าไม่มีภาวะที่ต่ำกว่าบรมสุขดำรงอยู่ ฉะนั้น 🔸สิ่งที่ต่ำกว่าภาวะบรมสุขของความเป็นหนึ่งเดียวจึงต้องถูกสร้างขึ้นมา (และจะต้องถูกสร้างขึ้นมาอยู่ตลอด)🔸
★อ่านทบทวนเรื่องนี้กันอีกสักรอบได้ตามลิงค์ครับ ~ แอดมิน
N : แต่เมื่อเราอยู่ในภาวะบรมสุข เมื่อเราผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นอีกรอบ ทำให้เรา 🔸เป็นทั้งทุกสิ่ง และ ไม่เป็นอะไรเลยพร้อมกัน🔸
แล้วเราจะ "รู้" ได้ยังไงครับว่า`มีเรา`อยู่❓ เพราะว่ามันไม่มีอย่างอื่นเหลือให้เรามีประสบการณ์อีก
...ไม่รู้สิครับ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิม
G : เธอกำลังพูดถึงสภาวะที่ฉันเรียกว่า "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพระเจ้า" เป็นสภาวการณ์ที่พระเจ้าประสบมาโดยตลอด ซึ่งพระเจ้าก็แก้สถานการณ์ด้วยการ "สร้าง" สิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าขึ้น (จริงๆก็แค่ "คิด" ว่าไม่ใช่)
📌 พระเจ้าได้มอบ (และก็มอบซ้ำในทุกขณะ) ประสบการณ์ที่เล็กลงซึ่งคือ 🔹การไม่รู้จักตัวเอง🔹 ให้กับส่วนหนึ่งของตนเพื่อให้ส่วนที่เหลือสามารถรู้จักตัวเองได้ว่าแท้จริงแล้วตนคือใครและเป็นสิ่งใด
ดังนั้น "พระเจ้าจึงได้ประทานบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์เพื่อช่วยโลกให้รอดผ่านทางพระบุตร"★ ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าตำนานความเชื่อในเรื่องนี้มีต้นตอมาจากไหน
★ยอห์น 13 : 16 ~ แอดมิน
N : ผมคิดว่าพวกเราทุกคนคือพระเจ้า โดยที่ทุกคนอยู่ระหว่างการเดินทางจาก "การรู้" สู่ "การไม่รู้" และสู่ "การรู้" อีก
...จาก "การเป็น" สู่ "การไม่เป็น" และสู่ "การเป็น" อีก ...จาก "บูรณภาพ" สู่ "การแบ่งแยก" และสู่ "บูรณภาพ" อีก วนเวียนอยู่แบบนี้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด นี่คือ 🔸วัฏจักรของชีวิตที่พระองค์เรียกมันว่ากงล้อแห่งเอกภพ🔸
G : ใช่แล้ว ถูกต้องที่สุด พูดได้ดี
N : แต่ทุกคนต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์กันใหม่ไหมครับ❓ จำเป็นต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เสมอเลยหรือเปล่า❓ กลับไปตั้งต้นกันใหม่ตั้งแต่แรกเลย ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดทุกครั้งไหม❓
G : 📌 เธอไม่จำเป็นต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ทั้งในชีวิตนี้หรือชีวิตไหนๆ ในการสร้างประสบการณ์ของพระเจ้าขึ้นมาใหม่นี้ เธอมีสิทธิ 🔸เลือก🔸 (มีสิทธิเลือกอย่างอิสระเสมอ) ที่จะไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เธอจะไปอยู่ตรงไหนหรือที่ไหนก็ได้ในกงล้อแห่งเอกภพ
📌 เธอสามารถ "กลับมา" ในฐานะใดก็ได้ตามใจปรารถนา หรือจะไปอยู่ในมิติไหน ในโลกความเป็นจริงหรือภพภูมิใดๆ ในระบบสุริยะจักรวาลไหน หรืออารยธรรมไหนก็ได้ที่เธอเลือก
📌 แม้กระทั่งบางคนที่บรรลุถึงสภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว (บรรลุนิพพานแล้ว) ยังเลือก "กลับมาอีก" ในฐานะบรมครูผู้รู้แจ้ง และก็ใช่...ที่บางคนจากโลกนี้ไปในฐานะบรมครูผู้รู้แจ้ง แล้วก็เลือก "กลับมาใหม่" เป็น "ตัวเอง" อีก
เธอต้องเคยรับรู้ถึงบันทึกหรือรายงานที่เกี่ยวกับเหล่ากูรูและบรมครูทั้งหลายที่กลับมาสู่โลกใบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมทั้งปรากฏกายในรูปลักษณ์เดิมตลอดหลายช่วงทศวรรษหรือศตวรรษที่ผ่านมา
ศาสนาหนึ่งของพวกเธอก็เกิดขึ้นจากบันทึกแบบที่ว่านี้ และมีชื่อว่า "ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย" (the Church of Jesus Christ of Latter Day Saints) ซึ่งมีที่มาจากบันทึกของบาทหลวง โจเซฟ สมิธ ที่ระบุว่าบุคคลผู้หนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า`เยซู`ได้กลับมายังโลกนี้อีกในหลายศตวรรษให้หลัง หลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้จากไปแล้ว "ในท้ายที่สุด" โดยครั้งนี้เขาปรากฏตัวในสหรัฐอเมริกา
📌 ฉะนั้น เธอจะกลับมาตรงจุดไหนก็ได้ใน "กงล้อแห่งเอกภพ" ตามที่เธอพอใจ
N : แต่มันก็ฟังดูน่าหดหู่อยู่ดี ตกลงว่าเราจะไม่ได้ "พัก" กันเลยใช่มั้ยครับ❓ ไม่มีทางจะได้อยู่ในนิพพานและก็อยู่อย่างนั้นตลอดไป❓ นี่เราต้องถูกลิขิตให้ "มาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มา" และ "เดี๋ยวตอนนี้ก็รู้ แต่อีกเดี๋ยวก็ไม่รู้" วนเวียนอยู่อย่างนี้ไปตลอดไม่มีวันจบสิ้นงั้นหรือครับ❓ นี่เราต้องอยู่ในการเดินทางชั่วนิรันดร์โดยที่ไม่ได้ไปไหนเลย❓
G : ใช่ และนี่คือ :
✨สัจธรรมอันลึกล้ำที่สุด✨
✴️ไม่มีที่ไหนให้ต้องไป
✴️ไม่มีอะไรให้ต้องทำ
✴️ไม่มีใครให้ต้องเป็นนอกจากคนที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้
ความจริงก็คือ : ✨ไม่มีการเดินทาง✨
✴️อะไรที่เธออยากเป็นเธอก็เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว
✴️ที่ไหนที่เธออยากไปเธอก็อยู่ตรงนั้นแล้ว
📌 คุรุที่แท้จะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่มีการดิ้นรน ทั้งยังพยายามช่วยให้เธอหยุดดิ้นรน วันหนึ่งเมื่อเธอถึงขั้น เธอก็จะช่วยให้คนอื่นหยุดดิ้นรนไม่ต่างกัน
ทว่ากระบวนการนี้...กงล้อแห่งเอกภพนี้ มิได้เป็นภารกิจที่น่าหดหู่ หากเป็นการยืนยันถึงความเรืองรองของพระผู้เป็นเจ้าและของสรรพชีวิตไปตลอดกาล ไม่มีอะไรที่น่าหดหู่เลยสักนิดในเรื่องนี้
N : แต่ฟังแล้วก็ยังชวนให้จิตตกอยู่ดี
G : มาดูซิว่ามีวิธีไหนที่จะเปลี่ยนความคิดเธอได้บ้าง เธอชอบเซ็กซ์ไหม❓
N : รักเลยครับ
G : คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น เว้นแต่พวกที่มีความคิดแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์เท่านั้นแหละ แล้วถ้าฉันบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอสามารถมีเซ็กซ์ได้กับทุกคนที่เธอรู้สึกถูกใจและรัก เธอจะมีความสุขไหม❓
N : ต้องไปขืนใจหรือขัดต่อความประสงค์ของพวกเขาหรือเปล่าครับ❓
G : ไม่ ฉันจะจัดการให้ทุกคนที่เธอปรารถนาจะเริงรักกับพวกเขา (ปรารถนาที่จะได้รับประสบการณ์แห่งความรักของมนุษย์ในลักษณะนี้) จะปรารถนาที่จะทำแบบนั้นกับเธอเหมือนกัน พวกเขาจะรู้สึกถูกใจและรักเธอแบบสุดๆ
N : ว้าววว❗ ถ้าอย่างงั้นก็มาเลยครับ ไม่มีถอยอยู่แล้วงานนี้❗
G : มีแค่เงื่อนไขข้อเดียวก็คือ : ก่อนจะไปมีอะไรต่อกับคนใหม่ เธอต้องหยุดพักก่อน ห้ามมีเซ็กซ์กับคนอื่นต่อโดยไม่เว้นช่วง
N : พระองค์กำลังจะบอกว่า...
G : เพื่อให้ได้รับความสุขล้ำจากการประสานกายในลักษณะนี้ เธอต้องหยุดมีประสบการณ์ถึงการรวมเป็นหนึ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับใครบางคนก่อนอย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง
N : ผมคิดว่าผมเข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์กำลังจะสื่อ
G : เธอเข้าใจใช่ไหมว่า : ✴️แม้แต่ความสุขสุดยอดก็ไม่สุขสุดยอด ถ้าไม่มีเวลาไหนเลยที่ไม่สุขสุดยอด✴️
📌 ความสุขสุดยอดทางจิตวิญญาณก็ไม่ต่างกับความสุขสุดยอดทางกายที่ว่านี้
📌 ไม่มีอะไรที่น่าหดหู่เกี่ยวกับวัฏจักรของชีวิต มีเพียงความเบิกบาน ที่เบิกบาน และเบิกบานยิ่งขึ้นเรื่อยๆเพียงเท่านั้น
📌 คุรุที่แท้มีแต่ความเบิกบาน เวลานี้เธออาจรู้สึกว่าถ้าเธอเชี่ยวชาญ (เข้าใจ) ในเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่เข้าท่า เพราะเมื่อถึงเวลาที่ไม่ว่าจะสุขสุดยอดหรือไม่สุขสุดยอด เธอก็จะยังคงเบิกบานอยู่เสมอ ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องรู้สึกสุขสุดยอดก่อนถึงจะเบิกบานได้
✨ เพียงรู้ว่าสุขสุดยอดนั้นมีอยู่ก็ทำให้เธอเบิกบานแล้ว.✨
(จบ)(บทที่ 5)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา