10 ก.ค. 2021 เวลา 14:00 • หนังสือ
"ปากดีเป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าพูดดีให้ปากเป็นศรีไม่ได้ ก็ควรหุบปากดีกว่า" 👄👄👄👄
.
#ชวนอ่าน #อ่านจบแล้วเอามาเรียงๆ
.
🌟 ปาก
👩‍🦳 ผู้เขียน ว.วินิจฉัยกุล
📚 สำนักพิมพ์ ทรีบีส์
.
🖍 “เมรัย พึ่งเพชร” หญิงสาวร่างเล็กบอบบาง หน้าตาออกไปทางจิ้มลิ้ม ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อดูแล “คุณย่าอุ่นเรือน” แทนที่จะหางานทำในกรุงเทพหลังจากที่เรียนจบ
.
🖍 เมรัยได้งานทนายความที่สำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง แต่เดิมเมรัยอยากที่จะหางานในกรุงเทพเพราะเธอชอบความทันสมัย แต่เมื่อต้องย้ายกลับมาดูแลบ้านเพื่อรอบิดาที่เป็นผู้บัญชาการเรือนจำที่กำลังจะเกษียณย้ายกลับมาอยู่ เธอก็พบว่าจังหวัดบ้านเกิดเจริญขึ้นไม่น้อย อาจเพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก ทำให้เมรัยรู้สึกว่าความเป็นอยู่ของชีวิตในตอนนี้ก็ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่
.
🖍 สิ่งเดียวที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ก็คือสังคมในที่ทำงาน ด้วยความที่เจ้าของสำนักงานเป็นนักกฎหมายรุ่นใหม่ เพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้สูงวัยจนคร่ำครึ หากแต่คำพูดคำจาหยาบคาย หรือหยอกล้อ สองแง่สองง่ามจนทำให้เมรัยรู้สึกกระอักกระอ่วนหลายครั้ง
.
🖍 วันหนึ่งเมรัยรู้สึกเหมือนจะไม่สบายเพราะอากาศที่ย่ำแย่จึงได้ตัดสินใจไปหาหมอที่คลินิกและได้พบกับ “หมออุรส” หมอหนุ่มหน้าตาดี ดูแล้วก็เห็นว่าหมอก็น่าจะสนใจเธออยู่ไม่น้อย เมื่อกลับถึงบ้านเมรัยจึงได้ไปเลียบๆ เคียงๆ ถามย่าจึงได้รู้ว่าหมอหนุ่มยังโสดไร้พันธะ
.
🖍 ด้านหมออุรส หมอหนุ่มโสดเจ้าเสน่ห์ บ้านเดิมของหมอก็มีฐานะดี ด้วยความที่หัวดีก็เรียนต่อจนจบมาเป็นหมอ ก็เลือกที่จะย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดเพราะไม่อยากเป็นลูกน้อยในสายตาพ่อแม่
.
🖍 แม้ว่าหมออุรสจะบ่นเรื่องที่ตัวเองโสดอยู่เสมอ แต่ “แสงศรี” พยาบาลสาวประจำคลินิกก็ไม่เห็นว่าหมอจะสานสัมพันธ์กับใคร ทั้งที่คุณนายในจังหวัดทั้งหลายต่างพากันส่งลูกสาวมาทอดสะพานให้ แต่หมออุรสก็หาข้อติติงจนได้ บางคนสวยแต่โง่ก็ไม่ชอบ เก่งแต่อายุเยอะเกินไปก็ไม่ชอบใจ จึงได้แต่บ่นว่าเบื่อว่าเหงาต่อไป บางครั้งเซ็งมากก็หาสาวบริการมาแก้เซ็งเป็นครั้งๆ ไป
.
🖍 “ชาตย์” หรือที่เพื่อนฝูง ลูกน้องมักจะเรียกเขาว่า “ตั้วเฮีย” หลังจากเรียนจบกฎหมายก็กลับมาช่วยงานสำนักงานกฎหมายของที่บ้าน ไม่นานก็แยกมาเปิดสำนักงานเป็นของตัวเอง ตั้วเฮียนับเป็นหนึ่งในเจ้านายที่ให้ความเป็นกันเองกับลูกน้อง ใครทำดีก็ไม่ละเลยที่จะให้รางวัล และด้วยความที่เป็นสำนักงานขนาดเล็กจึงมีบรรยากาศการทำงานแบบครอบครัว
.
🖍 “รอย พัชรินี” น้องสาวของตั้วเฮีย จู่ๆ ก็ตัดสินใจกลับมาประเทศไทยทั้งที่ไปเรียนต่อได้แค่หกเดือน สร้างความปวดหัวให้กับพี่ชายอย่างตั้วเฮีย และ “คุณนายพเยีย” ผู้เป็นมารดาอย่างมาก
.
🖍 หลังจากมาถึงบ้าน รอยก็แวะเข้ามาทักทายพนักงานที่สำนักงานของพี่ชาย แทบทุกคนก็รู้จักรอยดี อีกทั้งยังพูดจาสนิทแนบแน่น จะเว้นก็แต่เมรัยที่เพิ่งได้เจอกับรอยสาวสวย เปรี้ยวจี๊ด พูดเก่ง พูดตรง พูดแรงเป็นครั้งแรก และเมรัยก็รับรู้ว่ารอยค่อนข้างถือตัวไม่เบา
.
🖍 จากแต่เดิมที่เมรัยรู้สึกไม่ชินกับบรรยากาศการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่ ถึงทุกคนจะมีน้ำใจและทำงานกันอย่างจริงจัง แต่หญิงสาวก็รู้สึกน้อยใจในบางครั้งที่เหมือนเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการกินเหล้า แม้เธอจะชื่อเมรัยแต่หญิงสาวก็ไม่ชอบแตะต้องเครื่องดื่มแอลกฮอล์ และเมื่อรอยชวนทุกคนไปเที่ยวหลังเลิกงานจึงมีเพียงเมรัยเท่านั้นที่ไม่ได้เฮโลไปด้วย
.
🖍 เมรัยที่ยังคงไปหาหมออุรสเพื่อรักษาโรคแพ้อากาศจนอาการค่อยๆ ดีขึ้น หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอหมออีกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการไม่ได้เจอจะทำให้ตัดใจ เมรัยจึงสืบหาข้อมูลของหมออุรสจากคนรู้จัก โดยเฉพาะจาก “สร้อยแก้ว” เพื่อนนักเรียนเก่าที่ตอนนี้เป็นเภสัชกรอยู่ที่โรง’บาลเดียวกันกับหมออุรสจนได้รู้ว่า ก่อนหน้านี้หมออุรสได้คบหากับเภสัชกรสาวสวยคนหนึ่ง ถึงขั้นไปมาหาสู่ที่บ้านฝ่ายหญิง แต่ต่อมาได้รู้ว่าทั้งพ่อและแม่ของฝ่ายหญิงเป็นเบาหวาน จึงกลัวว่าเภสัชกรสาวจะได้รับการถ่ายทอดโรคผ่านทางกรรมพันธุ์ สุดท้ายจึงได้เลิกรากันไป >> เรื่องราวต่อจากนี้แนะนำให้อ่านต่อในเล่มค่ะ 🥰
.
🌼 นิยายเรื่อง “ปาก” ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2530 ในภาพรวมนั้น สามารถหยิบเอามาอ่านได้ไม่ตกยุคตกสมัย เนื้อหาไม่ได้เน้นความรัก ความใคร่เท่าไหร่ แต่เน้นเล่าเรื่องการใช้ปากของแต่ละคน ทุกคนมีปากเหมือนกัน แต่จะใช้ปากนำพาชีวิตยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและสังคมที่ตัวเองอยู่ คำโบราณที่ว่าไว้ “พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วพาตัวเสียหาย” ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ
.
🌼 บทของเมรัย เมรัยเป็นหญิงสาวอายุไม่มาก ได้พบหมออุรสก็รู้สึกชอบ แต่เมื่อรู้ว่าหมออุรสไม่ได้มีนิสัยเหมือนหน้าฉากที่แสดงให้คนอื่นเห็น เมรัยก็ค่อยๆ ถอนความรู้สึกชอบจนสุดท้ายแม้แต่หน้าของหมออุรสก็ไม่อยากเห็น เมรัยค่อยๆ เรียนรู้เนื้อแท้ของผู้ชายคนนี้ด้วยตัวเอง ไม่มีอคติใดๆ มีแต่ความเมตตาให้ เราชอบบทแบบนี้มาก นางเอกไม่โง่ ฉลาดด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีใครมาสอน เราว่าตรงนี้ดีมาก
.
🌼 ส่วนบทของหมออุรส ปูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เลยเข้าใจว่าเป็นตัวเอกแน่ๆ พอเนื้อเรื่องดำเนินไป รู้สึกว่าหมอคนนี้น่าเกลียดมากๆ อ่านจนเกือบจะจบ กลัวมากว่าหมออุรสจะลงเอยกับเมรัย ซึ่งสรุปไม่ได้ลงเอยกัน ดีใจและสะใจมากๆ หมออุรสใช้ปากลดคุณค่าของคนอื่นโดยเฉพาะผู้หญิงที่ทอดสะพานให้ อีกทั้งยังช่างเลือก ปฏิเสธกระทั่งผู้หญิงที่มีพ่อแม่เป็นโรคเบาหวาน เพราะกลัวว่าจะได้กรรมพันธุ์ไม่ดีตกทอดมาถึงลูก สุดท้ายแต่งงานกับรอย ผู้หญิงที่มีพ่อและตาป่วยเป็นโรคจิตเวช บทสรุปนี้สมควรกับคนอย่างหมออุรสแล้ว อ่านแล้วถึงใจค่ะ
.
🌼 สำหรับเรา เรื่องนี้ #แนะนำอ่าน ค่ะ สนุกค่ะ เรามีโอกาสได้ดูปาก ที่ผลิตโดยช่อง GMM บ้าง ดูแบบข้ามๆ บทดัดแปลงค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะฝีปากของรอยที่เพิ่มความจัดจ้าน การด่าที่เข้ากับเข้ายุคสมัย แต่เราชอบฉบับนิยายมากกว่า ในละคร เรารู้สึกว่าบรรยากาศเสียงเงียบ (Dead air) เยอะไปหน่อย บทของรอยที่ปรับให้จัดจ้านเวลาตัดเป็นคลิปมาโฆษณาก็ชวนให้ติดตาม แต่พอดูทั้งเรื่องมันเกินจริง (overact) ไปหน่อย และที่ไม่ชอบที่สุดคือตอนที่แทรกพวกคำสอน ดูล้าสมัยมาก เพราะฉะนั้น ถ้าใครสนใจเราแนะนำให้อ่านนิยายดีกว่าค่ะ
.
🌼 หลังจากอ่านนิยายของอาจารย์วินิตามาหลายเรื่อง ส่วนใหญ่จะมีบางอย่างไม่ถูกใจเรา เช่น ฉากความรัก ฉากจบอะไรพวกนี้ แต่สำหรับปาก เราถูกใจไปทุกอย่างค่ะ เราชอบทั้งบทของเมรัย ผู้หญิงที่มีสติและรู้จักรักตัวเอง บทของหมออุรสที่ผิวเผินดูจะเป็นชายในฝัน แต่เนื้อในกลับเป็นคนที่ชอบเหยียดคนอื่น ฉากจบของตัวละครแต่ละตัวก็เป็นอะไรที่เหมาะสม ไม่ฝืนใจนักอ่านเลย
.
🌼 นิยายเรื่องนี้ #เชียร์ ค่ะ นิยายเรื่องปาก ก็ว่าด้วยปากของคน ทุกคนก็มีหนึ่งปากเท่ากัน เพียงแต่ใครจะใช้ปากพูดอะไรออกมา บางคนอย่างคุณนายพเยียใช้ปากฉอเลาะจนสร้างเนื้อสร้างตัวได้ บางคนอย่างศจีก็ใช้ปากพูดทุกอย่างที่คิดที่รู้สึกโดยไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง บางคนอย่างตรูตาก็ใช้ปากยกยอเพื่อหาประโยชน์ให้มากที่สุดไม่เว้นแม้แต่เพื่อน บางคนอย่างหมออุรสที่มองตัวเองว่าสูงส่งแต่ใช้ปากกดคนอื่นให้ดูด้อยค่า บางคนอย่างรอยที่ใช้ปากสนองความสะใจของตัวเอง ไม่พอใจใครก็ใช้ปากพูดให้เขาเจ็บช้ำ และสุดท้ายเมรัยแม้ประสบการณ์ชีวิตยังน้อยแต่ก็เรียนรู้ว่าบางครั้งการหุบปากไม่พูดก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน 😊😊
.
#ปาก #ววินิจฉัยกุล #ทรีบีส์ #พิมพ์ครั้งที่สี่
โฆษณา