9 ก.ค. 2021 เวลา 13:43
ทำไมไซอิ๋วคือนิยายที่ทรงอิทธิพลของจีน ไซอิ๋วคือการกางพระไตรปิฎกออกมาแล้วเขียนใหม่ในมุมนิทาน
รู้แค่ว่าพระถังคือศรัทธา จะไปชมพูทวีป ต้องมีศรัทธาก่อน พกจิตไปด้วยซึ่งจิตคนเรา ประกอบด้วย โทสะ - หงอคง โกรธ , โลภะ - ตือโป๊ยก่าย โลภ , โมหะ - ซัวเจ๋ง ความไม่รู้
เจอที่เค้าอธิบายแต่ละบทแบบละเอียด ทึ่งเลยในความสามารถของคนแต่ง
หงอคงแปลงกายได้ เหาะเหิน เดินอากาศได้ ทำอะไรก็ได้ เพราะหงอคง คือจิตคนเรา ที่เป็นลิง ไม่อยู่นิ่ง คิดไปเรื่อย แค่คุมให้ตามลมหายใจยังยากเลย ดังนั้น ถ้าเราคุมหงอคงได้ .... การไปชมพูทวีปจะง่ายขึ้น ... เป็นต้น
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโกรธ - โทสะ เราจะเหมือนหงอคง แผลงฤทธิ์ พังพินาศ ราบเป็นหน้ากลอง
แต่หงอคงแพ้อะไร ? โดนขังไว้ที่อะไร ? ใช่แล้ว แพ้ฝ่ามือยูไล โดนขังไว้ที่เขา 5 นิ้ว
ฝ่ามือยูไล และเขา 5 นิ้ว แทน ขันธ์ 5
ต่อให้จิตแน่แค่ไหนสุดท้ายก็ไม่พ้นขันธ์ 5
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
นอกจากนี้หงอคงยังมีกระบองวิเศษจัดการปีศาจได้ตลอด กระบองนั้นแทนปัญญา แต่ทว่า มีจิต กับปัญญา แค่นั้นมักเกิดปัญหา พระยูไลจึงประทานมงคล มารัดหัวไว้ ให้พระถังคอยดูแล มงคลนั้นก็แทน "สติ" ซึ่งมงคลเป็นรัดเกล้า 3 ห่วงคล้องกัน แทนไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
ปีศาจแต่ละตัว แทนกิเลสที่เราต้องค่อยกำจัดออกไป
ตอนเจอกันครั้งแรกเห้งเจียบอกพระถังว่า
จะไปชมพูทวีปผมพา อาจารย์ตีลังกาไปได้ 7 ทีถึง
มามัวเสียเวลาเดินทำไมกัน ไม่เข้าใจ พระถังบอกว่าไม่ได้ต้องเดินไป
ปริศนาธรรมข้อนี้บอกว่า จิต+ปัญหา ฟังเค้าเล่า ฟังเค้าบอก คิดเอาเองก็บอกง่าย แปบเดียวก็ไปถึงนิพพานละ
เช่น เนี่ยคนเล่าให้ฟังอริยสัจ 4 ทางดับทุกข์ ฟังเข้าใจละ แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจ ธรรมมะต้องลงมือปฎิบัติ เหมือนหงอคงบอกตีลังกาไป 7 ที มันไปไม่ถึง ต้องค่อยๆ เดินไป ศึกษาไป ปฎิบัติไป ถึงจะถึง
โป๊ยก่าย คือศีล 8 , ซัวเจ๊ง คือสมาธิ
ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ จึงจะพ้นทุกข์
แต่บางครั้งปีศาจบางตัวก็เก่งเหลือเกิน
ต้องไปตามเจ้าแม่กวนอิมมาช่วย
เจ้าแม่กวนอิม คือ เมตตา
ปัญญา + เมตตา จะกลายเป็นสัมมาทิฏฐิ ธรรมชั้นสูงซึ่งปราบกิเลสได้เสมอ แต่เจ้าแม่กวนอิม มักให้เห้งเจียลองสู้จนหมดแรงก่อน ถึงมาช่วย เหมือนหากมีกิเลสควรให้ปัญญาลองขจัดดูก่อน เกินกำลังแล้วจึงให้เมตตาปล่อยวาง
ถ้าเกินกำลังเมตตา เจ้าแม่กวนอิมช่วยไม่ไหว
คนสุดท้ายที่มักมาช่วย คือ พระยูไล
พระยูไล แทน พระอริยสงฆ์ ท้ายที่สุดถ้าปฎิบัติไม่ไหวก็ถามผู้รู้เอา .... จบแน่นอน
ลำดับปีศาจแต่ละตัวในเรื่องก็เจ๋งมาก
เช่นเมื่อเริ่มเดินทาง ก็พบโจรทั้งหก ขัดขวางไม่ให้ไป
สุดท้ายเห้งเจียเลยเอากระบองตีจนตาย
โจรทั้งหกคือ อายตนะ 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ ต้องเอา ปัญญา (ตะบอง) ฟาดให้ตายก่อนถึงเริ่มออกเดินทางได้
แล้วก็เจอปีศาจไปเรื่อยๆ อ่านยังไม่จบ ท่าทางอีกหลายวัน
อ้อ แต่แอบโกงมาละ เปิดดูตอนจบ
สรุป ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ เดินทาง
กำจัดกิเลสไปจนถึงชมพูทวีป แล้วได้อะไร
ตอนจบพระถังและคณะ มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง
สายน้ำเชี่ยวกรากมาก ไม่รู้จะข้ามไปยังไง
จนเจอเรือไร้ท้องเรือจอดอยู่ พระถังกังวลมาก
เรือไม่มีท้องเรือจะพาข้ามฟากยังไง
แต่สุดท้ายก็ยอมใช้เรือข้ามไป
แม่น้ำเชี่ยวกรากแทนกองกิเลส
เรือนั้นแทน สุญญตา ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
เมื่อข้ามมาแล้วก็ถึงชมพูทวีป
และได้คัมภีร์มา เป็นหนังสือเปล่าหนึ่งเล่ม
แทนธรรมมะ ซึ่งคือความว่างเปล่า ...นิพพาน
แต่สุดท้ายเห้งเจียขอให้มีอะไรกลับไปจีนหน่อย
เพราะคนธรรมดาคงไม่เข้าใจ
เลยได้คัมภีร์มาอีกเล่มนึง เต็มไปด้วยอักษร
บันทึกการเดินทาง เรียกว่า พระไตรปิฎก ... จบ
อ่านแล้วคารวะคนแต่งเลย .... โห เก่งจัง
ปล. เข้าใจว่ามีหนังสือแปลที่ละบททีละตัวละคร ชื่อ "เดินทางไกลไปกับไซอิ๋ว"คนที่แต่งเรื่องไซอิ๋วคือท่านชิวฉางชุนหนึ่งใน7อริยะผู้เคี่ยวกรำสำเร็จเป็นเซียนพุทธะมีคุณูประการที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเราผู้บำเพ็ญปฏิบัติในยุคนี้พวกเราควรสำนึกในพระคุณของท่านดูไซอิ๋วตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยคิดเลยว่าซ่อนอะไรไว้ วันนี้ได้อ่านปริศนาธรรมที่เป็นนัยยะพุทธธรรมจาดไซอิ๋วพระถังซัมจั๋ง เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หงอคงคืดโทสะ, ตือโป้ยก่ายคือโลภะ, ซัวเจ๋งคือโมหะหงอคงเหาะไปไหนก็ได้ตามใจคิดก็คือ "ใจ" ของคนเรา เปรียบกับ "จิต" เป็นลิงไม่ต้องวิ่งตามให้เหนื่อยต่อให้หงอคงมีฤทธิแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะ "ขันธ์ 5" ฝ่ามือพุทธองค์" ได้รวมถึง "เมตตา" เจ้าแม่กวนอิมพระถังซัมจั๋ง คือ ศรัทธา 3 พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ศรัทธา คือความเรียบร้อย แจ่มใส มุ่งมั่น แต่อ่อนแอ จึงต้องมี ปัญญา เพราะปัญญาคือ ฤทธิ์เดช เมื่อมีปัญญาก็ต้องอาศัยศรัทธาเพื่อไปสู่ มรรคผล (ไปอัญเชิญพระไตรปิฎก)เห้งเจียคือลิงเปรียบเสมือนใจคนเรา คิดไปได้ไกลไม่สิ้นสุด หลงผิดก็อาละวาดคิดไปไกลขนาดไหนก็ตีลังกาไปไกลขนาดนั้นแต่ก็ไปไม่พ้นขันธ์ 5คิดจะทำอะไรก็ต้องมีสติ "สติ" ก็คือมงคลที่รัดหัวไว้คอยเตือนใจ มีกระบองก็เปรียบเหมือนปัญญา เมื่อไม่มีธรรมะก็ใช้ในทางที่ผิด เมื่อพบพระถังก็คือได้พบธรรมะและได้สติก็คือมงคลและมีเป้าหมายไปอัญเชิญพระไตรปิฎก (นิพพาน) โดยใช้กระบอง (ปัญญา) ต่อสู้กับปิศาจ (กิเลส)หงอคงแปลว่า ลิง ซึ่งก็คือปัญญา เพราะไม่หยุดนิ่งเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนแก่กล้าเป็นปัญญา 72 สามารถแปลงกายได้ 72 แต่ก็ไม่บรรลุธรรม จึงถูกพระยูไลเสกภูเขาห้ายอดทับไว้เพราะความไม่รู้ในขันธ์ 5 เพื่อรอพระถังกัมจั๋ง (ศรัทธา + ขันติ) มาบวชให้พร้อมห่วงรัดสามห่วงก็คือ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)เห้งเจียตีลังกา 7 ทีก็ไปถึงชมพูทวีปได้แต่พระถังบอกว่าไม่ได้ต้องไปเองก็คือศรัทธาแล้วใช้ปัญาให้ไปถึงนิพพาน โดยใช้กระบองสมปรารถนาเวลาจะใช้ก็ยืดออกเวลาไม่ใช้ก็หดเข้า โดยใช้ปัญญาอย่างมีสติเดินทางไม่นานก็ได้ ม้าขาว คือ วิริยะ ซึ่งต้องมีสติเป็นตัวควบคุมแล้วไปเจอ ตือโป้ยก่ายคือศิลแปดดพราะหมูมีปากยาวสำหรับกินและนินทาผู้อื่น หูยาวเป็นหูหาเรื่องคอยจะทุศิล หมายถึงตะกละ ละโมบ โสโครก หากหุบปากหุบหู ศีลก็จะมา มีคราดเก้าซี่เป็นอาวุธก็คือ "สังฆคุณ 9"ต่อมาพบ "ซัวเจ๋ง" ปีศาจในม่านน้ำ เปรียบเหมือน สมาธิ เมื่อสมาธิไม่แจ่มใสก็เหมือนกับม่านน้ำคือความพร่ามัว ไม่สงบแจ่มใส มีพลั่วววเดือนเป็นอาวุธ ก็คือ แสงสว่างเป็นนิมิตกวนอิม คือ เมตตา เห้งเจีย (ปัญญา) ไปขอความช่วยเหลือจากกวนอิม (เมตตา) จึงเอาชนะปีศาจต่างๆ (กิเลส ตัญหา) เมตตาประกอบด้วยปัญญาจึงเป็มธรรมะชั้นสูง เพราะมีปัญญาแต่ขาดเมตตาก็เกิดมิจฉาทิฐิ เป็นโมหะเป็นความโลภโกรธหลง ตัวกู ของกู ถือตัวว่าเก่ง จึงต้องมีปัญญาบวกเมตตาจึงจะเกิดสัมมาฐิติพระยูไล ก็คือ พระอริยะได้พบกับวิปัสสนาปัญญาและมรรคปัญญามาก่อนชี้ให้ปัญญารู้ว่าที่มีอยู่ยังไม่ใช่สุดยอดการเดินทางช่วงแรก เป็น โลกียะ เห้งเจีย (ปัญญา) ลุกลี้ลุกลน เถื่อน ตือโป้ยก่ายก็เต็มไปด้วยความอยาก โลภช่วงที่สองเป็น โลกุตระ เห้งเจียก็เรียบร้อยขึ้น โป๊ยก่ายก็ระงับความอยากและมีปัญญามากขึ้น ซัวเจ๋งก็มีสมาธิซึมทรัพย์ปัญญา จึงรวมเป็น ศีลอันใดสมาธิอันนั้น สมาธิอันใดปัญญาอันนั้นย้อนกลับมาเริ่มต้นเดินทาง พระถังซัมจั๋ง (ศรัทธา+ ขันติ) เดินหลงไปยังทางสองแพร่งพบปีศาจ 3 ตน เสือ หมีและควายดำซึ่งก็คือ โลภะ โทสะ และโมหะ ทำให้เกิดความลังเล (ทางสองแพร่ง) จึงต้องใช้ขันติให้หลุดพันจาก โลภ โกรธ หลง ด้วย ศรัทธา และ ขันติ จึงเดินทางต่อไปได้จนไปพบเห้งเจียที่ถูกเขา5นิ้ว (ขันธ์ 5)ทับไว้ จึงได้ช่วยออกมากด้วยความเมตตาเดินทางมาไม่นานก็พบโจรทั้งหก เห้งเจียจึงฆ่าโจรทั้งหกตายเพราะรู้ด้วยปัญญาว่าโจรทั้งหก คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมย์ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเดินทางต้องตีให้ตายเพื่อเข้าสู่พุทธภาวะเพื่อกำหนดรู้อายตนะทั้งหก คือละซึ่งกิเลสยิ่งเดินทางก็ยิ่งเจอปีศาจที่มีฤทธิ์เดชมากขึ้นซึ่งก็คือ กิเลส และตัณหา ซึ่งไม่สามารถแยกหรือละได้เพราะกิเลสตัณหาคือปิศาจตัวปลอมที่มีฤทธิ์เท่าเทียมกัน ก็คือซัวเจ๋ง โป๊ยก่าย เห้งเจีย และพระยูไล ตัวปลอมไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะศีล สมาธิและปัญญา ไม่สามารถเอาชนะกิเลสตัณหาได้จะต้องมีเมตตา เลยต้องพึ่งเจ้าแม่กวนอิม จนสามารถเอาชนะตัวปลอมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากมิจฉาปัญญา เป็น สัมมาปัญญา มิจฉาศีลเป็นสัมมาศีล มิจฉาสมาธิเป็นสัมมาสมาธิและรวมเป็นหนึ่งไม่ขัดแย้งกันก็คือสามัคคีส่วนพระยูไลปลอมก็ทำให้พระถังซัมจั๋งคิดว่าตนบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระยูไลปลอมก็คือกิเลส เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส ซึ่งเป็นอุปกิเลสที่เกิดระหว่างวิปัสสนาเพราะคิดว่าบรรลุอรหัตตผลแล้วจึงต้องมีปัญญาเพื่อเอาชนะกิเลสในใจตนเข้าสู่เขตโลกุตระ (โสดาปัตติผล) สองข้างทางร่มรื่นแต่มีมังกร 9 เศียร (มานะ 9) เป็นกิเลสชั้นพรหมอวดตนสอนผู้อื่นเพื่อที่จะได้เป็นอาจารย์มานะทั้ง 9 ก็คือตัวดีกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูดีกว่ามึงตัวดีกว่าเข แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึงตัวดีกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึงตัวเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูดีกส่ามึงตัวเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึงกูเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึง ตัวด้อยกว่าเขา แล้วกมายสพคัญว่า กูดีกว่ามึงตัวด้อยกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึง
ตัวด้อยกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึง
มานะทั้ง 9 คือกิเลสชั้นพรหม การละกิเลสนี้ต้องตัดจากการเปรียบเทียบและต้องอาศัย ปัญญา ศีล สมาธิ ทำให้ราคา โทสะ โมหะ เบาลงไ ม่ยึดเขายึดเรา หากทำได้ก็เข้าเขต สกคาทามี
เมื่อบรรลุถึงลำน้ำที่กระแสเชี่ยวกราก มีคนแจวเรืออยู่ริมน้ำ ร้องให้พระถังซัมจั๋งขึ้นเรือแต่ปรากฎว่าเรือท้องโหว่ จะข้ามไปได้อย่างไร ความจริงก็คือกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดคือกระแสเชี่ยวกรากของกิเลสและตัญหาหากเราสงบนิ่งว่างเปล่าจากการยึดมั่นถือมั่น (สุญญตา) เราก็ข้ามน้ำได้เพราะไร้ซึ่งกิเลสและตัณหา
เมื่อข้ามถึงฝั่งก็พบพระไตรปิฎกเมื่อเปิดดูไม่พบอักษรใดๆ พระถังซัมจั๋งถอดถอนใจ แต่มีเสียงพระยูไลบอก พระไตรปิฎกไม่มีอักษรนั่นแหละเป็นพระไตรปิฎกที่แท้จริงและวิเศษสุด เพราะทุดสิ่งเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง มีความไม่เที่ยงต้องแปรเปลี่ยน ทุกสิ่งเป็นทุกขัง ไม่สามารถคงทนสภาพเดิมได้
ทุกสิ่งย่อมเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน
นิพพาน
โฆษณา