ปล. เข้าใจว่ามีหนังสือแปลที่ละบททีละตัวละคร ชื่อ "เดินทางไกลไปกับไซอิ๋ว"คนที่แต่งเรื่องไซอิ๋วคือท่านชิวฉางชุนหนึ่งใน7อริยะผู้เคี่ยวกรำสำเร็จเป็นเซียนพุทธะมีคุณูประการที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเราผู้บำเพ็ญปฏิบัติในยุคนี้พวกเราควรสำนึกในพระคุณของท่านดูไซอิ๋วตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยคิดเลยว่าซ่อนอะไรไว้ วันนี้ได้อ่านปริศนาธรรมที่เป็นนัยยะพุทธธรรมจาดไซอิ๋วพระถังซัมจั๋ง เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์หงอคงคืดโทสะ, ตือโป้ยก่ายคือโลภะ, ซัวเจ๋งคือโมหะหงอคงเหาะไปไหนก็ได้ตามใจคิดก็คือ "ใจ" ของคนเรา เปรียบกับ "จิต" เป็นลิงไม่ต้องวิ่งตามให้เหนื่อยต่อให้หงอคงมีฤทธิแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะ "ขันธ์ 5" ฝ่ามือพุทธองค์" ได้รวมถึง "เมตตา" เจ้าแม่กวนอิมพระถังซัมจั๋ง คือ ศรัทธา 3 พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ศรัทธา คือความเรียบร้อย แจ่มใส มุ่งมั่น แต่อ่อนแอ จึงต้องมี ปัญญา เพราะปัญญาคือ ฤทธิ์เดช เมื่อมีปัญญาก็ต้องอาศัยศรัทธาเพื่อไปสู่ มรรคผล (ไปอัญเชิญพระไตรปิฎก)เห้งเจียคือลิงเปรียบเสมือนใจคนเรา คิดไปได้ไกลไม่สิ้นสุด หลงผิดก็อาละวาดคิดไปไกลขนาดไหนก็ตีลังกาไปไกลขนาดนั้นแต่ก็ไปไม่พ้นขันธ์ 5คิดจะทำอะไรก็ต้องมีสติ "สติ" ก็คือมงคลที่รัดหัวไว้คอยเตือนใจ มีกระบองก็เปรียบเหมือนปัญญา เมื่อไม่มีธรรมะก็ใช้ในทางที่ผิด เมื่อพบพระถังก็คือได้พบธรรมะและได้สติก็คือมงคลและมีเป้าหมายไปอัญเชิญพระไตรปิฎก (นิพพาน) โดยใช้กระบอง (ปัญญา) ต่อสู้กับปิศาจ (กิเลส)หงอคงแปลว่า ลิง ซึ่งก็คือปัญญา เพราะไม่หยุดนิ่งเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนแก่กล้าเป็นปัญญา 72 สามารถแปลงกายได้ 72 แต่ก็ไม่บรรลุธรรม จึงถูกพระยูไลเสกภูเขาห้ายอดทับไว้เพราะความไม่รู้ในขันธ์ 5 เพื่อรอพระถังกัมจั๋ง (ศรัทธา + ขันติ) มาบวชให้พร้อมห่วงรัดสามห่วงก็คือ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)เห้งเจียตีลังกา 7 ทีก็ไปถึงชมพูทวีปได้แต่พระถังบอกว่าไม่ได้ต้องไปเองก็คือศรัทธาแล้วใช้ปัญาให้ไปถึงนิพพาน โดยใช้กระบองสมปรารถนาเวลาจะใช้ก็ยืดออกเวลาไม่ใช้ก็หดเข้า โดยใช้ปัญญาอย่างมีสติเดินทางไม่นานก็ได้ ม้าขาว คือ วิริยะ ซึ่งต้องมีสติเป็นตัวควบคุมแล้วไปเจอ ตือโป้ยก่ายคือศิลแปดดพราะหมูมีปากยาวสำหรับกินและนินทาผู้อื่น หูยาวเป็นหูหาเรื่องคอยจะทุศิล หมายถึงตะกละ ละโมบ โสโครก หากหุบปากหุบหู ศีลก็จะมา มีคราดเก้าซี่เป็นอาวุธก็คือ "สังฆคุณ 9"ต่อมาพบ "ซัวเจ๋ง" ปีศาจในม่านน้ำ เปรียบเหมือน สมาธิ เมื่อสมาธิไม่แจ่มใสก็เหมือนกับม่านน้ำคือความพร่ามัว ไม่สงบแจ่มใส มีพลั่วววเดือนเป็นอาวุธ ก็คือ แสงสว่างเป็นนิมิตกวนอิม คือ เมตตา เห้งเจีย (ปัญญา) ไปขอความช่วยเหลือจากกวนอิม (เมตตา) จึงเอาชนะปีศาจต่างๆ (กิเลส ตัญหา) เมตตาประกอบด้วยปัญญาจึงเป็มธรรมะชั้นสูง เพราะมีปัญญาแต่ขาดเมตตาก็เกิดมิจฉาทิฐิ เป็นโมหะเป็นความโลภโกรธหลง ตัวกู ของกู ถือตัวว่าเก่ง จึงต้องมีปัญญาบวกเมตตาจึงจะเกิดสัมมาฐิติพระยูไล ก็คือ พระอริยะได้พบกับวิปัสสนาปัญญาและมรรคปัญญามาก่อนชี้ให้ปัญญารู้ว่าที่มีอยู่ยังไม่ใช่สุดยอดการเดินทางช่วงแรก เป็น โลกียะ เห้งเจีย (ปัญญา) ลุกลี้ลุกลน เถื่อน ตือโป้ยก่ายก็เต็มไปด้วยความอยาก โลภช่วงที่สองเป็น โลกุตระ เห้งเจียก็เรียบร้อยขึ้น โป๊ยก่ายก็ระงับความอยากและมีปัญญามากขึ้น ซัวเจ๋งก็มีสมาธิซึมทรัพย์ปัญญา จึงรวมเป็น ศีลอันใดสมาธิอันนั้น สมาธิอันใดปัญญาอันนั้นย้อนกลับมาเริ่มต้นเดินทาง พระถังซัมจั๋ง (ศรัทธา+ ขันติ) เดินหลงไปยังทางสองแพร่งพบปีศาจ 3 ตน เสือ หมีและควายดำซึ่งก็คือ โลภะ โทสะ และโมหะ ทำให้เกิดความลังเล (ทางสองแพร่ง) จึงต้องใช้ขันติให้หลุดพันจาก โลภ โกรธ หลง ด้วย ศรัทธา และ ขันติ จึงเดินทางต่อไปได้จนไปพบเห้งเจียที่ถูกเขา5นิ้ว (ขันธ์ 5)ทับไว้ จึงได้ช่วยออกมากด้วยความเมตตาเดินทางมาไม่นานก็พบโจรทั้งหก เห้งเจียจึงฆ่าโจรทั้งหกตายเพราะรู้ด้วยปัญญาว่าโจรทั้งหก คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมย์ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเดินทางต้องตีให้ตายเพื่อเข้าสู่พุทธภาวะเพื่อกำหนดรู้อายตนะทั้งหก คือละซึ่งกิเลสยิ่งเดินทางก็ยิ่งเจอปีศาจที่มีฤทธิ์เดชมากขึ้นซึ่งก็คือ กิเลส และตัณหา ซึ่งไม่สามารถแยกหรือละได้เพราะกิเลสตัณหาคือปิศาจตัวปลอมที่มีฤทธิ์เท่าเทียมกัน ก็คือซัวเจ๋ง โป๊ยก่าย เห้งเจีย และพระยูไล ตัวปลอมไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะศีล สมาธิและปัญญา ไม่สามารถเอาชนะกิเลสตัณหาได้จะต้องมีเมตตา เลยต้องพึ่งเจ้าแม่กวนอิม จนสามารถเอาชนะตัวปลอมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากมิจฉาปัญญา เป็น สัมมาปัญญา มิจฉาศีลเป็นสัมมาศีล มิจฉาสมาธิเป็นสัมมาสมาธิและรวมเป็นหนึ่งไม่ขัดแย้งกันก็คือสามัคคีส่วนพระยูไลปลอมก็ทำให้พระถังซัมจั๋งคิดว่าตนบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระยูไลปลอมก็คือกิเลส เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส ซึ่งเป็นอุปกิเลสที่เกิดระหว่างวิปัสสนาเพราะคิดว่าบรรลุอรหัตตผลแล้วจึงต้องมีปัญญาเพื่อเอาชนะกิเลสในใจตนเข้าสู่เขตโลกุตระ (โสดาปัตติผล) สองข้างทางร่มรื่นแต่มีมังกร 9 เศียร (มานะ 9) เป็นกิเลสชั้นพรหมอวดตนสอนผู้อื่นเพื่อที่จะได้เป็นอาจารย์มานะทั้ง 9 ก็คือตัวดีกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูดีกว่ามึงตัวดีกว่าเข แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึงตัวดีกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึงตัวเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูดีกส่ามึงตัวเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึงกูเสมอเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึง ตัวด้อยกว่าเขา แล้วกมายสพคัญว่า กูดีกว่ามึงตัวด้อยกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูเสมอมึง
ตัวด้อยกว่าเขา แล้วหมายสำคัญว่า กูแย่กว่ามึง
มานะทั้ง 9 คือกิเลสชั้นพรหม การละกิเลสนี้ต้องตัดจากการเปรียบเทียบและต้องอาศัย ปัญญา ศีล สมาธิ ทำให้ราคา โทสะ โมหะ เบาลงไ ม่ยึดเขายึดเรา หากทำได้ก็เข้าเขต สกคาทามี
เมื่อบรรลุถึงลำน้ำที่กระแสเชี่ยวกราก มีคนแจวเรืออยู่ริมน้ำ ร้องให้พระถังซัมจั๋งขึ้นเรือแต่ปรากฎว่าเรือท้องโหว่ จะข้ามไปได้อย่างไร ความจริงก็คือกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดคือกระแสเชี่ยวกรากของกิเลสและตัญหาหากเราสงบนิ่งว่างเปล่าจากการยึดมั่นถือมั่น (สุญญตา) เราก็ข้ามน้ำได้เพราะไร้ซึ่งกิเลสและตัณหา
เมื่อข้ามถึงฝั่งก็พบพระไตรปิฎกเมื่อเปิดดูไม่พบอักษรใดๆ พระถังซัมจั๋งถอดถอนใจ แต่มีเสียงพระยูไลบอก พระไตรปิฎกไม่มีอักษรนั่นแหละเป็นพระไตรปิฎกที่แท้จริงและวิเศษสุด เพราะทุดสิ่งเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง มีความไม่เที่ยงต้องแปรเปลี่ยน ทุกสิ่งเป็นทุกขัง ไม่สามารถคงทนสภาพเดิมได้
ทุกสิ่งย่อมเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน
นิพพาน