แม่มดแห่งมาเลเซีย
จากนักร้องสู่หญิงคลั่งไสยศาตร์ เปิด
แฟ้มคดีฆ่าหันศพ 'แม่มดแห่งมาเลเซีย'
สุดสะพรึง - พุธนี้คดีสยอง
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ในประเทศมาเลเชีย
แต่เรื่องราวความหลอนแพร่สะพัดไปทั่วโลกนี้ เกิดขึ้น
ในเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1993
เช่นเดียวกับคดีฆาตกรรมอื่น ๆ ที่มักจะเริ่มต้นจากการ
พบศพหรือร่องรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในเคสนี้ตำรวจ
มาเลเชียได้รับรายงานว่า มัสลัน ไอดริซ สมาชิกผู้แทน
ราษฎรแห่งรัฐปะหัง นักการเมืองผู้ซึ่งทะเยอะทะยาน
และไฟแรง เกิดหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากที่เขา
ถอนเงินจากบัญชีธนาคารจำนวน 300,000 ริงกิต
(ประมาณ 2.3 ล้านบาท ) และขาดการประชุมสำคัญ
หลายนัด พวกเขาใช้เวลาอยู่หลายวันเพื่อค้นหานา
ยมัสลันแต่ก็ดูเหมือนจะเจอแต่ทางตันเพราะการ
สูญหายครั้งนี้ไร้ซึ่งร่องรอย ประจวบเหมาะกับการ
จับกุมยาเสพติดอีกหนึ่งคดีในเวลาใกล้เคียงที่ผู้
ต้องหาดันสารภาพว่าเขาคือหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดและ
ลงมือฆ่านายมัสลันที่ทางการกำลังตามหา
จูไรมี ฮัสซัน คือผู้ให้สารภาพภายใต้ฤทธิ์ของยา เขา
ทำงานเป็นมือขวาให้กับคู่สามีภรรยา นายโมฮัมมัด
นอร์ แอฟฟานดี อับดุล รามาน และ นางโมนา แฟนดีย์
ทั้งสองถูกเชื่อมโยงกับคดีและกลายเป็นผู้ต้องหาร่วม
ในทันที ซึ่งหลังจากการจับกุมตัวทั้งสามและผ่านการ
ไต่สวน รายละเอียดที่น่าสะอิดสะเอียนของคดี
ฆาตกรรมสยองนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมา...
ในวันเกิดเหตุ นางโมนา แฟนดีย์ และสามี นัดนายมัส
ลันมาพบที่บ้าน เธอคืออดีตนักร้องที่ไม่สมหวังในสาย
อาชีพเลยผันตัวมาเอาดีด้านศาสตร์มนตร์ดำและ
รับจ้างทำคุณไสยเพื่อเพิ่มพลังอำนาจให้กับลูกค้าราย
ใหญ่ ๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง
นายมัสลันคือหนึ่งในนั้น เขาต้องการให้โมนาช่วย
เสกของขลังและทำพิธีกรรมเพิ่มอำนาจเพื่อที่จะ
สามารถคว้าเก้าอี้รัฐมนตรีที่หมายปองมาเป็นของตน
ให้ได้ แลกกับเงิน 2.5 ล้านริงกิต (ประมาณ 15.5 ล้าน
บาท) โมนาขอให้เขานอนราบไปกับพื้นแล้วหลับตา
เพื่อเริ่มพิธี เธอเริ่มวางดอกไม้ตามส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายของนายมัสลันและบอกเขาว่าให้จินตนาการ
เหมือนกับว่ากำลังมี 'เงินที่โปรยหล่นมาจากท้องฟ้า'
สิ่งที่นายมัสลันได้รับกลับไปใช่เงิน แต่เป็นขวานที่นาย
จไรมีเหวี่ยงจามเข้าตรงลำคออย่างจัง เขาเสียชีวิต
แทบจะในทันทีแต่พิธีกรรมยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสาม
คนคือนาง โมนา นาย โมฮัมมัด และจุไรมี ช่วยกันลอก
ผิวหนังของศพออกและเริ่มหั่นร่างของนายมัสลันเป็น
ชิ้น ๆ รายได้ที่พวกเขาได้จากงานนี้ก็ถูกนำไปใช้จ่าย
อย่างสุรุ่ยสุร่าย นายโมฮัมมัดนำไปซื้อรถหรู ส่วนนาง
โมนาก็นำเงินนี้ไปศัลยกรรมและช็อปปิ้งอย่างอิสระ
หลักฐานมัดตัวชิ้นเอกก็คือชิ้นส่วนอวัยวะของนายมัส
ลันทั้งหมด 18 ท่อนรวมถึงศีรษะ ที่ถูกขุดหลุมและฝัง
อยู่ในห้องเก็บของของนางโมนา บางส่วนหายไป
อย่างไร้ร่องรอย ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าทั้งสามได้กิน
ชิ้นเนื้อของศพหลังจากที่ลงมือฆ่าด้วย
หลังจากการจับกุมตัวและในช่วงระหว่างการพิจารณา
คดี นางโมนากลับไม่ได้แสดงท่าทีเสียใจหรือรับผิด
แต่อย่างใด ในทางกลับกัน ทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวที่
ศาล นางโมนาจะเลือกใส่ชุดที่สวยที่สุด ยิ้มและโพส
ท่าให้กับกล้องของสื่อมวลชน เธอถึงกับออกปาก
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันมีแฟนคลับด้วยสินะ"
ชื่อเสียงและความดังเป็นของเธอในที่สุด ถึงจะไม่ใช่
ในฐานะนักร้องตามที่เธอเคยฝันถึง แต่ในฐานะ
ฆาตกรในคราบแม่มดที่น่าสะพรึง
เวลา 65 วัน กับการสอบพยาน 76 ราย ศาลฎีกา
ตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้งสามโดยการแขวนคอ
ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2001 คำพูดสุดท้ายของนาง
โมนา "ฉันจะไม่มีวันตาย วิญญาณของฉันจะเป็นอมตะ
ตลอดไป" ซึ่งปณิธานของเธอก็เป็นจริงในส่วนหนึ่ง
เพราะถึงแม้ว่าคดีจะถูกปิดไปนานมากกว่า 1 ทศวรรษ
แล้ว เรื่องราวของ 'แม่มดมาเลเชีย' นางนี้ยังถูกนำมา
พูดถึงอยู่บ่อย ๆ มีภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างขึ้นโดย
อิงจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ รวมไปถึงคฤหาสน์ของนาง
โมนา ที่กลายเป็นสถานที่สุดฮิตของกลุ่มล่าท้าผีอีก
ด้วย
Cr LINE TO DAY
อ้างอิง
เว็บไซต์ Rojak Daily
เว็บไซต์ Vice