10 ก.ค. 2021 เวลา 17:37
โดยปกติเครื่องซักผ้าฝาหน้า เราไม่สามารถจะเปิดฝามันออกได้ในขณะที่เครื่องกำลังทำงานอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ แต่ปัญหาที่มาเล่าให้ฟังในวันนี้ คือ ซักผ้าเสร็จเรียบร้อย เตรียมไม้แขวนเสื้อเรียบร้อย คันไม้คันมืออยากจะตากผ้าเต็มแก่ แดดก็เปรี้ยงรอผ้าอยู่ แต่อนิจจา ฝาเครื่องซักผ้าเปิดไม่ออกครับ ผ้าถูกขังอยู่ในเครื่อง ดูเหมือนลูกหมาตกน้ำ น่าสงสาร ทำอย่างไรครับทีนี้ ตามช่างซิครับรออะไร
ช่างมาถึง ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบไขควงขันน๊อตหลังเครื่องซักผ้าออก เอามือล้วงเขาไปในเครื่องซักผ้า เหมือนหมอกำลังตรวจภายใน ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังกึก ฝาหน้าที่ติดแน่นกระเด้งเปิดออกมาดั่งใช้เวทมนตร์ ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก!!!
ช่างบอกสวิตช์ประตูเสีย สอบถามราคาจากช่างได้ความว่า สวิตช์ราคา 2,400 บาท ต้องมีค่ารถออกไปซื้อ เพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 2,600 บาท ต่อรองราคาช่างดู ช่างยิ้ม ๆ บอกไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไม่ซ่อม มีค่าเปิดประตู 400 บาท แม่เจ้า!! ค่าเปิดประตู 400 บาท เครื่องซักผ้าน่าจะมีหน้าต่างสักบาน ค่าเปิดหน้าต่างคงไม่ถึง 400 หัวเราะ 555 ควักเงิน 400 จ่ายไปตามระเบียบครับ
EasyTech ทำไงต่อดี
มาดูรูปร่าง หน้าตาและรุ่นของเครื่องซักผ้าเจ้าปัญหากันก่อนครับ ยี่ห้อ Electrolux รุ่น EWF 12832 ผลิตในประเทศไทยครับ
ก่อนจะที่หุนหันลงมือทำอะไรลงไป หาคู่มือก่อนครับ ไม่เคยเปลี่ยนเลยครับไอ้สวิตช์ประตูเครื่องซักผ้าเนี้ย ยังไงเราเรียนรู้จากคู่มือก่อนน่าจะดี หาคู่มือจนเจอ เปิดคู่มือดู ถึงกับหงายท้องลงไปนอนกองกับพื้น เพราะมันมีฝาขนาดเล็กอยู่ด้านล่างขวาหน้าตู้ สามารถเปิดออกมาได้ เปิดตามลูกศรสีแดงเลยครับ
เปิดฝาออกมาตามคู่มือ เขาบอกว่าจะมีที่ปล่อยน้ำออกแบบฉุกเฉิน หมายถึงถ้าระบบปล่อยน้ำออกแบบปรกติไม่ได้ ให้ดึงตามลูกศรสีแดง น้ำที่อยู่ในถังซักผ้าสามารถไหลออกทางนี้ได้ครับ และที่ทำให้หงายท้องตึงคือ ไอ้พลาสติกสีแดง (ในวงกลมสีเขียว) อะครับ มันคือ มันคือ...ใจเต็น ตุ๊บ ๆๆ ไม่อยากจะบอกครับ ถ้าเราดึงพลาสติกสีแดงลงข้างล่างนั่นตามลูกศรสีน้ำเงิน มันจะสามารถเปิดประตูถังซักผ้า แบบฉุกเฉินได้ครับ
ผ่างงงงงง ๆๆ คิดถึงเงิน 400 บาท ที่ลอยละลิ่วออกจากกระเป๋าเรา ไปเข้ากระเป๋าช่าง ค่าเปิดประตูขึ้นมาทันทีเลยครับ น้ำตาจิไหล...
ผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำตาไปหลายผืน มาตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าอาจไม่พอ ต้องเป็นผ้าเช็ดตัวแล้วละครับ เอามาเตรียมไว้ใกล้ ๆ เลย ได้ใช้แน่ ๆ มามา...มาสมน้ำหน้ากันต่อเลยครับ
สวิตช์ประตูเสีย คงต้องซื้อสวิตช์มาเปลี่ยนใหม่ ราคา 2,400 บาท โธ่เอ๊ยคนอย่าง EasyTech มีเหรอจะยอมเสียตังค์ ง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก (แต่เสียค่าเปิดประตูไปแล้ว 400 บาท) ไม่อยากต้องเสียตังค์อันมีค่า ก็ต้องลงมือมั่ว ๆ ทำเอาเองครับ
เริ่มต้นถอดน็อตที่แอบหลบอยู่หลังเครื่องออกก่อนเลยครับ
ถอดน็อตออกได้แล้ว สไลด์ฝาด้านบนเลื่อนมันออกไปทางด้านหลังเครื่อง ตามลูกศรสีแดง จะเห็นถังเครื่องซักผ้า สายไฟ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ กรอบสีน้ำเงิน
เอ้า! ลืมไปได้ ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้าออกก่อนนะครับไม่อย่างนั้น อาจต้องเพิ่มที่กระตุ้นหัวใจ เข้าไปในเครื่องมือช่างด้วย
เปิดประตูหน้าถังซักผ้าออก เราจะเห็นสวิตช์ ไอ้ตัวร้ายของเรา มีน็อตขันยึดอยู่ ถอดน็อตที่ขันล็อคสวิตช์ ลูกศรสีแดงออก น็อตแบบนี้จะต้องใช้ไขควงพิเศษหน่อยครับ เขาเรียกว่า หัวท๊อกซ์ (Torx) มันจะเป็นรูปดาว 6 แฉก กรอบสีเขียว มีหลายเบอร์ครับ ที่ใช้ขันกับตัวนี้เป็นเบอร์ T15 ครับ กรอบสีน้ำเงิน เก็บน็อตตัวนี้ไว้ให้ดีๆ นะครับ เพราะต้องใช้ตอนใส่กลับคืนไป หายไปลำบาก งานเข้าเพิ่มอีกแน่ ๆ
หาไขควง ถอดสวิตช์ออกรอท่าไว้แล้ว กลับมาสนใจข้างบนเครื่องต่อครับ เราต้องหาอะไรมายันถังซักไว้สักหน่อย (มันหนัก) ผมใช้ขวดน้ำกับถังน้ำครับ ดันให้ถังซักเอียงไปตามทางลูกศรสีแดง เราจะได้ใช้มือน้อยๆ ใสใส ของเรา ล้วงเข้าตามลูกศรสีน้ำเงินไปหยิบตัวสวิตช์ที่ถอดรอท่าไว้แล้วออกมาได้สะดวก ๆ ครับ
สวิตช์ที่เป็นตัวการของเรา มองจากด้านใน ลูกศรสีแดง ไล่สายไฟจากสวิตช์ออกมา สีแดง เหลือง เหลือง จนมาถึงที่ตัววงจรรวม ดึก Jack ที่ต่อกับ วงจรออก วงกลมสีน้ำเงิน แล้วล้วงดึงตัวสวิตช์ออกมา
ล้วงเอาสวิตช์ตัวการออกมาได้แล้วครับ ลูกศรสีแดง ตอนล้วงสวิตช์มันจะติด ๆ หน่อยครับ คือติดพลาสติกสีแดงที่ต่อไปตรงช่องฉุกเฉินครับ แต่พอมองดี ๆ พระเจ้าช่วย กล้วยทอด มา 3 กระทะ จะเห็นสิ่งผิดปรกติครับ นั่นก็คือ นั่นก็คือ สวิตช์ที่เป็นตัวการของเรา มันหักครับ เป็นไปได้ยังไงครับเนี้ย!!! วงกลมสีเขียว
ครับเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะหัก นอกจากมีใครมางัดมันจนหัก นึกย้อนกลับไป ตอนที่ช่างเอามือล่วงเข้าไป แล้วมีเสียงดัง “กึก” ประตูเปิดเด้งออกมาจนทำให้เราตกตะลึงได้ไหมครับ นั่นแหละครับ เสียง “กึก” นั่นเสียงหักสวิตช์!!! สุดยอดมากครับ ทำให้เราถึงกับตะลึงรอบ 2 ได้ ช่างได้ค่าหักสวิตช์ตัวนี้ไป 400 บาทครับผม
R.I.P ด้วยความอาลัยรักเจ้าสวิตช์น้อยตัวนี้ ขอให้สวิตช์และเงิน 400 บาท จากไปอย่างสงบ ลาก่อนนะ หยิบผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้ เข้าไปอาบน้ำ สระผม แล้วทำจิตใจให้สงบ
มาลุยต่อ การซักผ้ายังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ตอนนี้เราต้องถอดเอาสวิตช์ที่หักออกมาเป็นตัวอย่าง เพื่อไปซื้อสวิตช์ตัวใหม่มาเปลี่ยนเข้าไปแทนที่ และเพื่อให้เป็นการตอกย้ำความเจ็บปวด เราจะเห็นภาพสวิตช์ที่หักไปอีกสักพักนะครับ
ถ่ายรูปไว้หน่อยก็ดีครับ ตอนเอามาใส่กลับคืนจะได้พอมีแนวทาง ไม่ใช่ต้องดำน้ำ มั่ว ๆ ใส่เอา ซึ่งในทางมั่วนี้ EasyTech ถนัดมากครับ ขอบอก (มั่วตลอด รอดบ้าง ไม่รอดบ้าง) 5555
ถอดฝาครอบสวิตช์ออก (กรอบสีน้ำเงิน) ลองขยับ ๆ ดูแล้วดึงออกมาง่าย ๆ เลยครับ ทนดูสวิตช์ที่หักไปหน่อยนะครับ
ดึงสาย Jack วงกลมสีน้ำเงิน ที่ต่อกับตัวสวิทช์ออก ตามลูกศรสีแดง ตามด้วยดึกเส้นพลาสติกสีแดงในวงกลมสีเขียว ให้หลุดออกมา ตอนนี้จะเหลือแต่สวิตช์เปล่าๆ แล้วครับ
ถอดออกมาแล้วเก็บไว้ให้ดี ๆ นะครับ รวมทั้งน็อตฝาเครื่อง น็อตของสวิตช์ 2 ตัว ที่ถอดไว้ก่อนหน้านี้ัด้วยครับ
มาดูเฉพาะตัวสวิตช์ ที่จะนำไปเป็นตัวอย่าง และแผลที่ทำให้ถึงตายกันครับ ใครทนดูไม่ได้ ก็ข้ามไปเลยครับ ไม่รู้ติดจะเรทหรือเปล่าหนอ
เอาตัวอย่างสวิตช์ไปหาซื้อแถวบ้านหม้อ คงไม่พ้นร้านอมรเจ้าเก่าเจ้าประจำ
ไชโย โห่ฮิ้วได้มาแล้วครับ ในราคาสมตัว 490 บาท ต่างกันลิบลับกับราคาที่ช่างพลังเวทบอกมา 2,400 บาท ซื้อได้ 4 ถึง 5 ตัวได้เลยนะครับนะ ดูที่ป้าย นำเข้ามาจาก อิตาลีเลยนะเนี่ย
เอาสวิตช์ตัวใหม่ใส่กลับเข้าไป แล้วประกอบทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย ตรวจเช็กความถูกต้องอีกครั้ง ไม่ให้มีพวกฝรั่งทำเกิน ญี่ปุ่นทำขาด โทษต่างชาติอย่างเดียว 555
ลองหาผ้ามาซัก ตั้งโปรแกรมแบบซักด่วนจะได้รู้ผลทันใจ ซักเสร็จลองเปิดประตูดู ชะแว๊บ ชะแว๊บ ผ่านฉลุยครับ
เป็นอันเรียบร้อยครับ สรุป ค่าใช้จ่ายที่ช่างบอกมา 2,400 บาท มีค่ารถไปซื้ออีก 200 บาท เป็น 2,600 บาท
EasyTech ทำไป 490 บาทค่าสวิตช์ บวกค่าเปิดประตูที่ช้ำชอกอย่าบอกใคร 400 บาท เป็น 890 บาท เอา 2,600 ลบ 890 เท่ากับ 1,710 บาทครับ 1,710 บาทเทียบกับ ค่าเสียเวลา ค่าแรงงาน ค่าเดินทาง มันคุ้มกันไหมครับลองคิดดู ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ก็จ้างช่างเขาไปตั้งแต่แรกเลยครับ 555 จบครับ
โฆษณา