11 ก.ค. 2021 เวลา 04:53 • หนังสือ
เป็น Introvert ก็สื่อสารอย่างมีพลังได้
7
Introvert มักจะหมดพลังไปกับการพบปะผู้คนและได้ชาร์จพลังเมื่อมีเวลาได้อยู่กับตัวเอง ตรงกันข้ามกับ Extrovert ที่แทบจะเฉาตายหากต้องเก็บตัวอยู่เพียงลำพังในขณะที่พลังงานจะพุ่งกระฉูดเมื่อได้พบปะผู้คน
11
จึงไม่แปลกที่สังคมจะมองว่า Introvert เป็นพวกที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่ชอบเข้าสังคม หรือแม้แต่คนที่เป็น Introvert เองก็อาจรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
1
อย่างไรก็ตาม แม้ Introvert จะชอบอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีเพื่อนไม่ได้ หรือสื่อสารไม่ได้ คุณ Mentalist DaiGo ผู้เขียนหนังสือ ‘สร้างคอนเน็กชั่นแกร่งด้วยจุดแข็งของมนุษย์อินโทรเวอร์ต’ ได้อธิบายไว้อย่างดีว่า Introvert จะสามารถดึงจุดแข็งที่ซ่อนอยู่ออกมาเพื่อสร้างคอนเน็กชั่นและสื่อสารอย่างมีพลังได้อย่างไร
1
และนี่ก็คือ 5 วิธีเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจคนในฉบับของคนพูดไม่เก่งที่ผู้เขียนแนะนำไว้ตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ครับ
1. Active Listening
คือ การฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งมันไม่เหมือนกับการฟังเฉยๆ หรือการแค่ได้ยินผ่านหูนะครับ ถ้าถามว่าต่างกันยังไง พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราฟังอย่างตั้งใจอีกฝ่ายจะรู้สึกสบายใจที่ได้พูด หรืออีกฝ่ายจะสัมผัสได้ว่าเรื่องที่กำลังพูดมีคนกำลังฟังอยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดไปงั้น ๆ
6
มีงานวิจัยบอกว่าเวลาที่เราได้เล่าเรื่องของตัวเอง สมองจะตอบสนองแบบเดียวกับตอนที่เราได้รับรางวัลที่เป็นตัวเงิน หรือได้กินของอร่อย ๆ ดังนั้นเรามาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนได้กินของอร่อย ๆ ด้วยการฟังอย่างตั้งใจกันเถอะครับ
11
2. Drama Training
เทคนิคนี้คือการอ่านใจของฝ่ายตรงข้ามหรือก้คือการพยายามเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายให้ได้มากขึ้น ซึ่งจะเอามาเสริมเทคนิค Active Listening ในข้อแรกครับ เพราะถ้าเราเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้จริง ๆ ก็จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราเข้าใจเค้าอย่างแท้จริง
วิธีการฝึกที่หนังสือเล่มนี้แนะนำคือ ให้เราดูละครแบบปิดเสียง แล้วจับความรู้สึกของตัวละครให้ได้ว่ากำลังโกรธ กำลังเศร้า กำลังมีความสุข หรือกำลังม่ความรู้สึกใด ๆ ผ่านสีหน้าและท่าทางเท่านั้น
3
3. Story Share
ถ้าเราพูดว่ากาแฟแก้วนี้ทำมาจากเมล็ดกาแฟที่ซื้อมาจากร้านกาแฟแห่งหนึ่ง คนฟังก็คงจะรู้สึกฟังดูงั้น ๆ ในทางกลับกัน หากเราพูดว่ากาแฟแก้วนี้สกัดจากเมล็ดกาแฟที่คัดสรรมาอย่างดี ผ่านการปลูกที่ความสูง 4000 ฟุตในประเทศแถบแอฟริกา คนฟังก็สามรถรู้สึกได้ว่าทำไมกาแฟแก้วนี้อร่อยจัง ทั้ง ๆ ที่บางทีทั้งสองแก้วมันก็เป็นเมล็ดแบบเดียวกัน เป็นเพราะพลังของ story telling ครับ
8
4. Rhetorical Question
คือคำถามที่ไม่ได้เจตนาให้มีใครมาตอบ เช่น ถ้าคุณทำงานไม่ดีแล้วเจ้านายดุว่า นายทำอะไรของนายน่ะ? ทำแบบนี้ได้ยังไง? จริง ๆ เจ้านายอาจจะไม่ได้อยากฟังที่มาที่ไปจริงๆ แต่แค่ต้องการสื่อสารออกมาว่า ถ้าทำดีๆ แต่แรกผลลัพธ์ก็ออกมาดีแล้ว!
เราสามารถเอา Rhetorical Question มาเสริมให้สารของเรามีพลังยิ่งขึ้นได้ เช่น นายจะกินไม่หยุดแล้วพอใจกับรูปร่างของนายในตอนนี้และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป หรือจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายวันละนิดเพื่อรูปร่างที่ดีกว่าในวันข้างหน้า? นายคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนเลือก!
4
สำคัญคือประโยคสุดท้ายครับ ต้องทิ้งท้ายว่า คำถามที่เราเพิ่งโยนไป อีกฝ่ายต้องเป็นคนตอบเองเท่านั้น
5. SMART
หากเราสื่อสารด้วยการพูดลอยๆ เช่น ‘จะเพิ่มยอดขายภายในปีหน้า’ ก็จะไม่เห็นภาพและมีพลังเท่ากับพูดว่า ‘จะเพิ่มยอดขายให้ได้ 10% จากเดิมภายในปีหน้า’
หลักการสื่อสารแบบนี้คือแบบเดียวกันกับหลักการตั้งเป้าหมายในองค์กรที่เรียกว่า SMART ซึ่งประกอบไปด้วย Specific เจาะจง, Measurable วัดผลได้, Achievable บรรลุได้, Revelerant มีความเกี่ยวข้อง สอดคล้องกับผลลัพธ์ และ Time limited มีกรอบเวลาที่ชัดเจน
2
เมื่อสารของเราประกอบไปด้วย SMART สารของเราก็จะมีพลังมากขึ้นแล้วครับ
1
#สร้างคอนเน็กชั่นแกร่งด้วยจุดแข็งของมนุษย์อินโทรเวอร์ต #Introvert #bookborrow
2
โฆษณา