13 ก.ค. 2021 เวลา 01:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
จากแอนิเมชันเรื่อง Luca ของ Disney สัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลตามความเชื่อของชาวอิตาเลียน มีเรื่องอะไรบ้างนะ
แอนิเมชันเรื่องล่าสุดจากดิสนีย์ Luca สัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ลูก้าและอัลแบร์โต้ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เมื่อขึ้นมาบนบก เรื่องราวของการผจญภัยและมิตรภาพ โดยมีฉากหลังเป็นเมือง Portorosso ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 5 หมู่บ้านริมทะเล Cinque Terre ประเทศอิตาลี
แม้ผู้สร้างจะไม่ได้คอนเฟิร์มว่าได้รับแรงบันดาลใจเรื่องตำนานสัตว์ประหลาดในท้องทะเลมาจากที่ไหนเป็นพิเศศ แต่ในอิตาลีเองก็มีตำนานท้องถิ่นและเรื่องเล่าของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ที่เชื่อมโยงกับหลายประเทศที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอยู่ไม่น้อย
วันนี้เราจะมาเล่าตำนานบางส่วนที่น่าสนใจให้ทุกคนกัน
เรื่องแรกเป็นเรื่องที่ทางผู้สร้างแอนิเมชั่นเรื่องลูก้า มีการให้สัมภาษณ์กล่าวถึง เป็นเรื่องของตำนานปลาหมึกยักษ์แห่งหมู่บ้านเตลาโร (Tellaro) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ Cinque Terre
Tellaro Village (Credit: https://www.melbtravel.com/tellaro-italy-local-secret-village/)
ย้อนไปในช่วง ค.ศ. 1660 ในคืนหนึ่งที่พายุโหมกระหน่ำและหมอกลงหนา ขณะที่ผู้คนในเมืองกำลังหลับใหลอยู่ภายในบ้าน โจรสลัดที่มีชื่อว่า Gallo d’Arenzano ได้สบโอกาส แอบบุกเข้ามาเพื่อตีเมืองนี้
ทันทีที่โจรสลัดขึ้นเทียบท่า ระฆังที่อยู่บนหอคอยของโบสถ์ Saint George ก็ได้ดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งเสียงระฆังบนหอคอยของโบสถ์เป็นสัญญาณให้กับชาวเมือง ว่าภัยอันตรายกำลังเกิดขึ้นแล้ว
ชาวเมืองตื่นขึ้นในทันทีและต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่าโจรสลัดได้บุกเข้ามา พวกเขาจึงคว้าอาวุธ ต่อสู้กับโจรสลัด จนสามารถปกป้องเมืองของพวกเขาเอาไว้ได้
1
การ์ดที่คอยดูแลอยู่บนหอคอยบอกว่าขณะนั้นเขากำลังงีบหลับอยู่ และไม่ได้เป็นผู้ลั่นระฆัง
แล้วใครกันที่เป็นผู้ลั่นระฆังนี้
ชาวเมืองพบว่าปลาหมึกยักษ์ได้ปีนขึ้นมาที่หอคอยของโบสถ์เพื่อลั่นระฆังเตือนชาวเมืองว่ามีผู้บุกรุก ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมาปลาหมึกยักษ์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเตลาโร
Credit : Credit: https://medium.com/@JasonRMatheson/tellaro-italy-65c8925a1ac6
เมืองนี้มีเทศกาลด้วย ชื่อว่า Sagra del Polpo แปลว่า Festival of the Octupus จะจัดขึ้นอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคมในทุกปี ในเทศกาลนี้ทุกคนจะนำปลาหมึกที่จับได้มาย่างหรือต้มกินกัน
1
เอ๊ะ แปลกนิดหน่อย เจ้าปลาหมึกยักษ์คงไม่โกรธใช่ไหม แต่นั่นก็เป็นเทศกาลที่โด่งดังของประจำเมืองเตลาโรไปแล้ว
1
Credit: https://medium.com/@JasonRMatheson/tellaro-italy-65c8925a1ac6
เรื่องที่สองนี้มาจากปกรณัมกรีก ที่ค่อนข้างแพร่หลายในหลายประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงอิตาลีด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องของอสูรกายร้ายแห่งท้องทะเลที่มีชื่อว่า สคิลลา (Scylla) และ คาริบดิส (Charybdis)
ปีศาจร้ายทั้งสองตัวนี้ปรากฎอยู่ในมหากาพย์โอดิสซี (Odyssey) ของโฮเมอร์ (Homer)
1
สคิลลา (Scylla) เป็นอสูรกายเพศหญิง ที่มีท่อนบนเป็นหญิงสาวสวย แต่ท่อนล่างเป็นสุนัขดุร้ายที่มี 6 หัว อาศัยอยู่บริเวณโขดหินแถบช่องแคบเมสสินา (Messina) ซึ่งยาวประมาณ 3 กม. โดยช่องแคบนี้แบ่งเกาะซิซิลี (Sicily) กับส่วนอื่นๆของประเทศอิตาลี
แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นอสูรร้ายมีหัวเป็นงู 6 หัว และส่วนล่างเป็นหางยาว
1
ก่อนหน้าที่สคิลลาจะกลายเป็นอสูรกายร้าย เธอเป็นนิมฟ์ (nymph) หรือ พรายน้ำมาก่อน เป็นธิดาของเพอร์ซิส เทพแห่งน้ำ เธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามซึ่งไปถูกตาต้องใจ กลอคัส เทพแห่งท้องทะเล (ตามปกรณัมกรีกมีเทพท้องทะเลหลายคน) และเขาอยากได้นางมาครอบครองมาก
ต้องบอกก่อนว่า กลอคัส เทพแห่งท้องทะเลผู้นี้ ไม่หล่อถูกใจสคิลลาเท่าไหร่นัก กลอคัสจึงต้องหาวิธีทำให้นางสคิลลาหลงรัก โดยเขาได้ไปปรึกษาแม่มดเซอร์ซี เพื่อขอให้นางช่วย
ทว่านางเซอร์ซีกลับหลงรักกลอคัสเสียเอง และอิจฉาริษยานางสคิลลา เมื่อเธอเห็นว่าสคิลลากำลังเล่นน้ำอยู่ เธอจึงเทยาพิษลงไป ทำให้ส่วนล่างของสคิลลาที่อยู่ในน้ำ แปรเปลี่ยนเป็นสุนัขดุร้าย 6 หัว
เธอไม่สามารถออกจากพื้นที่ตรงนั้นได้เพราะโดนตรึงไว้ด้วยมนตร์ และเธอต้องกลายเป็นอสูรกายที่คอยเล่นงานเรือทุกลำ กินลูกเรือทุกคนที่แล่นผ่าน
Scylla and Glaucus by Peter Paul Rubens (circa 1636) Credit: https://italiangems.wordpress.com/2016/11/27/between-myth-and-beauty-in-the-waters-of-scilla/
บางตำนานก็เล่าว่า สคิลลาเป็นชู้ลับของโพไซดอน มหาเทพแห่งทะเล ซึ่งแอมฟิไทรต์ ชายาหลวงได้รู้เข้า เกิดความหึงหวง และเอายาพิษมาเทลงทะเลบริเวณที่สคิลลาเล่นน้ำอยู่เสียเอง จนกลายเป็นอสูรร้าย ที่ภายหลังโดนเฮราคลีสสาปเป็นหินไป
ส่วนคาริบดิส (Charybdis) เป็นอสูรร้ายลักษณะเป็นกระเพาะสัตว์ขนาดใหญ่รูปร่างเป็นวงแหวนอยู่ในน้ำ มีฟันที่น่าเกลียดน่ากลัว ชอบทำให้เกิดน้ำวน แล้วดูดเอาคนหรือเรือเข้าไป
ทั้งสคิลลาและคาริบดิสที่ปรากฏอยู่ในมหากาพย์โอดิสซี เป็นอสูรร้ายที่อันตรายมากสำหรับนักเดินเรือที่ต้องผ่านช่องแคบนี้ โดยอสูรร้ายทั้งสองตัวนี้จะอยู่ตรงข้ามกันระหว่างช่องแคบ ถ้าเรือที่ผ่านเดินเรือเอียงไปทางฝั่งไหนมากเกินไปก็จะถูกอสูรร้ายที่อยู่ฝั่งนั้นจับกิน
เมื่อเรือของโอดิซุสต้องแล่นผ่านช่องแคบเมสสินา หลังจากที่ทำสงครามกรุงทรอยเสร็จ เขาต้องเลือกว่าจะเสี่ยงเอาเรือไปใกล้สคิลลาหรือคาริบดิส
โอดิซุสตัดสินใจเอาเรือไปใกล้นางสคิลลา เพราะเกรงว่าคาริบดิสจะทำน้ำวนและดูดเรือลงไปทั้งลำ และทำให้ไม่มีใครเหลือรอดเลย พอเดินเรือมาใกล้นางสคิลลา หัวงูทั้ง 6 หัว ก็ได้ฉกเอาลูกเรือของโอดิซุสไปกินทีละคน จนครบ 6 หัว เรือจึงรอดผ่านไปได้
ซ้ายมือที่เป็นน้ำวนคือคาริบดิส ขวามือคือสคิลลา (Credit: http://www.ronjaroundtheworld.com/2495-2/)
เรื่องที่สาม เป็นตำนานเงือกสาวท้องถิ่น ประจำชายฝั่งทะเลลูเอกา (Leuca / Santa Maria di Leuca) อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี
เรื่องนี้เล่ากันมานมนานแล้ว และได้รับอิทธิพลความเชื่อมาจากกรีก เมืองนี้ขึ้นชื่อว่ามีถ้ำมากถึง 66 ถ้ำ ซึ่งพบตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว เมืองนี้ตั้งชื่อตามนางเงือกสาวผิวขาวสวย นามว่า เลอูคาเซีย (Leucasia) ในภาษากรีกแปลว่า ขาวสว่าง
บางแหล่งบอกว่าเลอูคาเซียเป็นนางเงือก (mermaid) บางแหล่งบอกว่านางเป็นไซเรน (siren) ซึ่งความเหมือนก็คือเป็นครึ่งคนครึ่งปลาเหมือนกัน แต่ไซเรนมักจะดูเป็นตัวร้ายมากกว่า มักใช้เสียงอันไพเราะและเสน่ห์ล่อลวงกะลาสีเรือหรือมนุษย์
เลอูคาเซีย (Leucasia) (Credit: https://www.girovagainside.it/2019/06/06/la-leggenda-della-sirena-leucasia/)
เรื่องราวมีอยู่ว่านางเลอูคาเซียได้ตกหลุมรักคนเลี้ยงแกะ นามว่า เมลิสโซ (Melisso) และพยายามทำทุกทางเพื่อล่อลวง แต่เขาได้ปฏิเสธไม่รับรักเธอ เพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว ที่ชื่อว่า อาริสทูลา (Aristula)
1
เพราะโดนปฏิเสธอย่างแรงนางเลอูคาเซียโกรธมาก และอยากจะแก้แค้น
วันหนึ่งเธอเห็นคู่รักสองคนนี้กำลังเดินหวานแหววกันอยู่ริมชายฝั่ง เธอแก้แค้นโดยเอาหางวนให้เกิดพายุ และจับตัวทั้งสองคนโยนไปยังหินที่อยู่บนหน้าผาที่อยู่อีกฝั่ง จนทั้งคู่ไม่รอด
เธอยังไม่พอใจ และนำร่างทั้งสองไปวางไว้ที่สุดหาด
เรื่องนี้เทพธิดามิเนอร์วา (Minerva) ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รู้สึกสะเทือนใจมาก เธอจึงอยากทำให้คู่รักนี้อยู่เป็นอมตะ โดยเปลี่ยนร่างทั้งสองเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล ร่างของเมลิสโซกลายเป็น Punta Melissa ทางฝั่งตะวันออก และ Punta Ristola ทางฝั่งตะวันตก
เลอูคาเซียเสียใจมาก จนฆ่าตัวตาย และร่างได้กลายเป็นหินหน้าผาสีขาวแห่งเมืองเลอูกาเป็นต้นมา
เมืองเลอูกา (Credit: https://lecce.italiani.it/leucasia-sirena-bianca-di-santa-maria-di-leuca/)
สก็อตแลนด์มีเนสซีฉันใด อิตาลีก็มีลาร์รี่ฉันนั้นแล
เรื่องสุดท้าย ไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาดในทะเล แต่อยู่ในเลคโคโม หรือ Lake Como ทะเลสาบชื่อดังของอิตาลีที่เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ลึกที่สุดของยุโรป
1
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้มาจากตำนานกรีกเรื่องไหน แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ครั้งหนึ่งในอดีตนานมาแล้วมีตัวตนจริงๆ
Credit: https://www.happyholidayhomes.net/blog/130-halloween-month-special:-legends-of-lake-como
ในปีค.ศ. 1949 มีชาวประมงพบเห็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานจำพวกจระเข้ขนาดใหญ่ว่ายอยู่ในทะเลสาบ โดยตั้งชื่อว่า ลารีโอซอโร (Lariosauro) หรือ ชื่อเล่นลาร์รี่ที่คนส่วนใหญ่เรียกกัน เป็นชื่อเดียวกันกับฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานที่เจอในเลคโคโม
ในปีค.ศ. 1957 นักดำน้ำได้รายงานว่าเจอสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อยู่ในน้ำที่ความลึก 328 ฟุต เขาอธิบายด้วยว่ารูปร่างลักษณะคือ มีหัวเหมือนจระเข้ และมีหางยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน
เลคโคโมเป็นทะเลสาบที่มีอายุอย่างน้อย 225ล้านปี ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ มีความเป็นไปได้ที่จะมีสัตว์ในยุคไดโนเสาร์อยู่มาก่อน และก็มีการพบซากฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ชื่อว่า ลารีโอซอรัส ซึ่งพบเมื่อปี ค.ศ. 1830 มีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลาน คอสั้น มีครีบ ซึ่งมีคนตั้งทฤษฎีไปต่างๆนานา ว่าหรือเจ้านี่จะมีความเกี่ยวข้องกับเนสซี สัตว์ประหลาดของสก็อตแลนด์
ฟอสซิล “Lariosaurus” (Credit: https://www.exploreitaly.com/stories/legends-from-lake-como/)
อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่จะเจอในยุคปัจจุบันมีน้อยมาก ตำนานการพบเจอก็เหมือนกับเรื่องเนสซี ที่เราจะทิ้งปริศนาไว้ให้ผู้อ่าน ว่าจะเลือกเชื่อหรือไม่
สำหรับการออกแบบ sea monster ในแอนิเมชั่นเรื่อง Luca ไม่อาจทราบได้ว่าดิสนีย์ออกแบบลูก้าจาก reference ไหน
เราได้เจอผลงาน Sea monster ของศิลปินชาวอิตาเลียน ซึ่งน่าจะมีแบบจากเรื่องราวจากปกรณัม กรีก ผู้ใดสนใจดูคอลเลกชั่นนี้พร้อมคำอธิบาย สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของ The MET Museum ด้านล่าง
Sea Monster (Credit: https://www.metmuseum.org/art/collection/search/207000)
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไข และคัดลอก โดยไม่ได้รับอนุญาต
References:
โฆษณา