13 ก.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“ยุคเหล็ก (Iron Age)”
หลายท่านน่าจะรู้จัก หรือเคยเรียนเรื่องราวของ “ยุคเหล็ก (Iron Age)” มาบ้าง
ยุคเหล็ก คือยุคสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์ เริ่มเมื่อราวๆ 1,200-600 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งช่วงเวลานั้น ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
ในยุคเหล็ก ผู้คนในยุโรป เอเชีย และบางส่วนของแอฟริกา ได้ริเริ่มผลิตเครื่องมือและอาวุธจากเหล็ก และในดินแดนบางแห่ง เช่น อาณาจักรกรีซโบราณ การเริ่มต้นของยุคเหล็ก ก็เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการถดถอยทางวัฒนธรรม
1
ในยุคสัมฤทธิ์ มนุษย์ก็ได้เริ่มทำการหลอมเหล็กมาบ้างแล้ว หากแต่เหล็กก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก อาวุธที่ทำจากเหล็กก็ยังทนทานสู้อาวุธที่ทำจากสัมฤทธิ์ไม่ได้
ต่อมา เหล็กเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นหลังจากที่มนุษย์เริ่มรู้จักวิธีการทำเหล็กกล้า ซึ่งมีความแข็งกว่าเหล็กธรรมดา
1
คาดว่าชาวฮิตไทต์ (Hittites) ซึ่งเป็นชนโบราณที่มีชีวิตอยู่ในยุคสัมฤทธิ์ และอาศัยอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันคือตุรกี น่าจะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ผลิตเหล็กกล้า
1
ฮิตไทต์ (Hittites)
ยุคเหล็กเริ่มต้นเป็นครั้งแรกเมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาลในแถบเมดิเตอเรเนียนและบางส่วนของตะวันออก ซึ่งในเวลานั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่อารยธรรมของยุคสัมฤทธิ์หลายๆ แห่งล่มสลาย
สำหรับสาเหตุที่อารยธรรมของยุคสัมฤทธิ์ในดินแดนต่างๆ ล่มสลายนั้น ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยจากหลักฐานทางโบราณคดี บ่งชี้ว่าอาจจะเป็นเพราะภัยแล้งซึ่งเกิดในแถบตะวันออกของเมดิเตอเรเนียนเมื่อ 1,250-1,100 ปีก่อนคริสตกาล
สาเหตุอื่นๆ ที่คาดเดา ก็อาจจะเป็นเพราะแผ่นดินไหว ความอดอยาก รวมทั้งการรุกรานจากเผ่าต่างๆ
นักประวัติศาสตร์หลายคนกำหนดให้การสิ้นสุดของยุคเหล็ก คือราวๆ 550 ปีก่อนคริสตกาล หากแต่ช่วงเวลาก็แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
ในแถบสแกนดิเนเวีย ยุคเหล็กสิ้นสุดเมื่อราวๆ ศตวรรษที่ 9 พร้อมกับการเฟื่องฟูของชาวไวกิ้ง โดยยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง กำหนดให้จุดสิ้นสุดของยุคเหล็กเกิดขึ้นในช่วง 100 ปีก่อนคริสตกาล
ทางด้านอาณาจักรสำคัญอย่าง “กรีซ (Greece)” ในสมัยโบราณ ก็เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและความรุ่งเรืองในด้านต่างๆ ของแถบเมดิเตอเรเนียนในช่วงปลายยุคสัมฤทธิ์
“อารยธรรมไมซีนี (Mycenaean Greece)” ซึ่งเป็นอารยธรรมของกรีซ ก็รุ่งเรืองทางด้านการค้า มีความมั่งคั่งรุ่งเรือง อีกทั้งระบบทางสังคมนั้น ก็มีการแบ่งชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน
แต่เมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล อารยธรรมไมซีนีได้ล่มสลาย อาณาจักรกรีซก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวาย บางครั้งเรียกว่า “ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages)”
นักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะมีช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ความอดอยากแพร่ระบาดไปทั่ว ทำให้จำนวนประชากรกรีซลดลงอย่างรวดเร็ว เมืองต่างๆ ก็ถูกทิ้งร้าง
1
เมืองใหญ่ๆ ต่างกลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนเริ่มย้ายไปยังชนบท หมู่บ้านเล็กๆ และเลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์
2
ยุคเหล็กของกรีกนั้นแทบจะไม่มีบันทึกหลักฐานอะไรให้สืบค้น ทำให้นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าชาวกรีกในยุคนั้นอาจจะอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
2
ในช่วงปลายยุคเหล็ก เศรษฐกิจของกรีกก็เริ่มฟื้นตัว และทำให้กรีกเข้าสู่ยุคคลาสสิค
ยุคคลาสสิคของกรีก เป็นยุคสมัยที่วัฒนธรรมเฟื่องฟู มีการละครและนักปรัชญาเกิดขึ้นมากมาย
ในยุคคลาสสิคนี้เอง เป็นช่วงเวลาที่มีการปฏิรูปทางการเมือง และมีการกำเนิดรัฐบาลระบบใหม่ นั่นคือ “Demokratia” ซึ่งมีความหมายว่า “ประชาชนเป็นผู้ปกครอง” หรือ “ประชาธิปไตย”
2
ทางด้านตะวันออกใกล้ ในยุคเหล็ก เหล่าคนเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนตามที่ราบสูงของอิหร่าน ก็ได้รวมกลุ่ม เกิดเป็นดินแดนซึ่งต่อมาคือ “จักรวรรดิเปอร์เซีย (Persian Empire)”
2
ชาวเปอร์เซียได้สร้างอาณาจักรในช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักวิธีการผลิตเหล็กแล้ว ทำให้อาวุธนั้นมีความแข็งแรงกว่าอาวุธที่ทำจากสัมฤทธิ์หรือหินอย่างที่ผ่านๆ มา
นอกจากนั้น ชาวเปอร์เซียยังถนัดการรบบนหลังม้า และอาจจะเป็นอารยธรรมแรกที่ให้ทหารม้าใส่ชุดเกราะที่ทำจากเหล็ก
ทางด้านยุโรป ในยุคเหล็กของยุโรปนั้น อิทธิพลหลักๆ ก็คือเรื่องของการเกษตร เนื่องจากเครื่องมือที่ทำจากเหล็กนั้นทำให้การทำไร่นั้นง่ายขึ้น
2
ชาวเคลต์ (Celts) คือกลุ่มชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในยุโรปในช่วงเวลาของยุคเหล็ก โดยชนกลุ่มนี้ คือกลุ่มชาวเผ่าต่างๆ ซึ่งมีรากฐาน ที่มาจากยุโรปกลาง
เชื่อกันว่าวัฒนธรรมของชาวเคลต์เริ่มมีวิวัฒนาการตั้งแต่ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล
ชาวเคลต์ได้อพยพไปยังดินแดนต่างๆ ทั่วยุโรปตะวันตก ทั้งอังกฤษ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และส่งอิทธิพลต่อภาษาและวัฒนธรรมในดินแดนที่พวกเขาอพยพเข้าไป
1
ในช่วงยุคเหล็ก ชาวเคลต์จำนวนมากต่างอาศัยอยู่ตามป้อมเนินหรือค่ายที่ตั้งอยู่บนเนิน โดยมีกำแพงและคลองล้อมรอบ ปกป้องการรุกรานจากศัตรู
ภายในป้อมเนินหรือค่าย ก็จะมีบ้านที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ จากดินและไม้ และผู้คนก็หาเลี้ยงชีพด้วยการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
2
เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ มีการพบศพจำนวนมากในยุโรป ศพจำนวนมากถูกแช่อยู่ในบึงพรุ บ่อโคลน ซึ่งเมื่อตรวจสอบอายุ ก็พบว่าอยู่ในสมัยยุคเหล็ก ซึ่งศพเหล่านี้เรียกว่า “Bog Bodies”
ศพต่างๆ ที่พบมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นคือแต่ละศพนั้นไม่ได้ตายตามธรรมชาติ บางศพถูกตีหัว บางศพถูกเชือดคอ
2
ในเวลานั้น ชาวเคลต์ยังไม่มีภาษาเขียน จึงไม่มีบันทึกว่าทำไมคนเหล่านี้จึงถูกฆ่าและโยนลงในบึง ซึ่งนักประวัติศาสตร์ก็คาดเดาว่าอาจจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาของชาวเคลต์
เรื่องราวของยุคเหล็ก นับเป็นยุคสมัยหนึ่งที่มีความน่าสนใจและชวนให้ค้นหาจริงๆ ครับ
โฆษณา