12 ก.ค. 2021 เวลา 14:25 • กีฬา
ถึงแม้ศึกยูโร 2020 จะปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เราขอรวบรวม 15 สถิติที่น่าทึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในรายการนี้ภายในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้เมื่อเวลาผ่านไปจนกว่าจะถึงยูโรครั้งหน้า จะได้บันทึกความทรงจำเอาไว้ ว่านี่คือศึกยูโรที่น่าทึ่งมากที่สุดครั้งหนึ่ง และมีการทำลายสถิติใหม่มากมาย ชนิดที่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปทุกครั้งก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีสถิติแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน....
3
1. เกมรอบแบ่งกลุ่มที่ อิตาลี ถล่ม ตุรกี 3-0 ที่กรุงโรม ถือเป็นสกอร์นัดเปิดสนามที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยูโร
โดยนัดเปิดสนามศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปทั้ง 15 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีผลแพ้-ชนะด้วยผลต่างเกิน 1 ลูกมาก่อนเลย
2. นี่คือศึกยูโรที่มีการทำประตูรวมกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (142 ประตูจาก 51 นัด) ทำลายสถิติเดิม 108 ประตูของศึกยูโร 2016 ซึ่งแข่งในรูปแบบ 24 ทีมเช่นกัน
จากการที่ศึกยูโร 2020 มีประตูเกิดขึ้นถึง 142 ลูกจาก 51 เกม ทำให้นี่คือยูโรที่มีค่าเฉลี่ยประตูต่อเกมมากที่สุดตลอดกาล (นับเฉพาะทัวร์นาเมนต์แบบที่มีรอบแบ่งกลุ่ม) ด้วยค่าเฉลี่ย 2.78 ประตูต่อนัด ทำลายสถิติเดิมของยูโร 2000 ที่ค่าเฉลี่ยประตู 2.74 ลูกต่อ 1 เกม
3. ยูโร 2020 มีการทำเข้าประตูตัวเองมากเป็นประวัติการณ์ถึง 11 ลูก ทั้งที่ศึกยูโรรอบสุดท้าย 15 ครั้งก่อนหน้านี้ มีการทำเข้าประตูตัวเองรวมกันแค่ 9 ประตูเท่านั้น
4. ในส่วนของจุดโทษ ยูโรปีนี้ก็มีการทำลายสถิติใหม่เช่นกัน ทั้งเรื่องของการแจกจุดโทษมากที่สุดถึง 16 ครั้ง ทำลายสถิติในปี 2000 ที่มีการแจกจุดโทษ 13 หน และมีการยิงจุดโทษพลาดมากที่สุด (8 ครั้ง) ทำลายสถิติเดิมในปี 2016 ที่มีการพลาด 4 ครั้ง
5. อังกฤษ คือชาติแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถเก็บคลีนชีตในยูโรรอบสุดท้ายได้นานถึง 5 นัดติดต่อกัน จนกระทั่งมาเสียสถิติจากลูกฟรีคิกสุดสวยของ มิคเคล ดัมสการ์ด ตัวรุกทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งกลายเป็นการทำประตูจากลูกฟรีคิกโดยตรงเพียงลูกเดียวในทัวร์นาเมนต์นี้
6. ลูกยิงไกลสุดสวยจากระยะเกือบครึ่งสนามของ ปาทริค ชิค ในนัดที่ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ สกอตแลนด์ 2-0 คือประตูจากระยะไกลที่สุดเท่าที่ฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายเคยมีการบันทึกสถิติมา นั่นคือ 49.7 หลา
7. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกและคนเดียว ที่ได้ลงสนามยูโรรอบสุดท้ายถึง 5 สมัย และยิงประตูได้ทั้ง 5 ทัวร์นาเมนต์ในปี 2004, 2008, 2012, 2016 และ 2020
ผลงาน 5 ประตู บวกกับอีก 1 แอสซิสต์ของ “ซีอาร์เซเว่น” ทำให้สตาร์ดังจากยูเวนตุสคว้ารางวัลดาวซัลโวของยูโร 2020 ไปครอง และทำให้กัปตันทีมชาติโปรตุเกสคือนักเตะที่ยิงประตูในฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายมากที่สุดตลอดกาลถึง 14 ลูก
8. ทีมชาติเดนมาร์กคือทีมแรกในประวัติศาสตร์ยูโร ที่เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการแพ้ 2 นัดแรก แต่สามารถเข้าถึงรอบน็อคเอาต์ได้ แถมยังไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ชนิดที่ทำผลงานได้ดีจนมีลุ้นเข้าชิงได้ด้วยซ้ำ
9. คาสเปอร์ คอซลอฟสกี้ กองกลางดาวรุ่งของทีมชาติโปแลนด์ ทำลายสถิติกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดตลอดกาล ที่ได้โอกาสลงสนามในศึกยูโรรอบสุดท้าย หลังจากได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่ โปแลนด์ เสมอกับ สเปน 1-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน 2021 ด้วยวัยเพียง 17 ปี 246 วันเท่านั้น
10. ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ โครเอเชีย พ่ายแพ้ต่อ สเปน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-5 (หลังจากเสมอกันใน 90 นาที 3-3) ซูเปอร์ซับของทีมตาหมากรุกอย่าง มิสลาฟ ออร์ซิช ตัวทีเด็ดจาก ดินาโม ซาเกร็บ กลายเป็นนักเตะคนแรก ที่ลงสนามมาทำผลงานทั้งยิงและแอสซิสต์ในฐานะตัวสำรอง จนทำให้เกมต้องต่อเวลาเพิ่มอีก 30 นาที
11. ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทำสถิติเซฟมากที่สุดในการแข่งขันนัดเดียวของรายการนี้ เมื่อเซฟช่วยทีมนาฬิกาไปถึง 10 ครั้งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เสมอกับ สเปน 1-1 ใน 120 นาที แต่น่าเสียดายที่สวิสต้องตกรอบเพราะแพ้ไปในช่วงดวลจุดโทษ
1
12. ลุค ชอว์ กลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ใช้เวลาน้อยที่สุด ในการทำประตูแรกของเกมนัดชิงชนะเลิศ เมื่อยิงให้อังกฤษขึ้นนำอิตาลี 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 1.57
2
13. เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ปราการหลังทีมชาติอิตาลี กลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดตลอดกาล ที่สามารถทำประตูได้ในศึกยูโรนัดชิงชนะเลิศ เมื่อเป็นฮีโร่ยิงตีเสมออังกฤษ 1-1 ในช่วงเวลาปกติ ด้วยวัย 34 ปี 71 วัน
1
โดยสถิติเดิมก่อนหน้านี้ เป็นของ แบร์นด์ โฮลเซนไบน์ อดีตปีกทีมชาติเยอรมนีตะวันตก ที่ยิงในนัดชิงชนะเลิศปี 1976 ด้วยวัย 30 ปี 103 วัน
14. จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังจอมเก๋าทีมชาติอิตาลี กลายเป็นกัปตันทีมที่อายุมากที่สุดที่ได้ชูถ้วยแชมป์รายการนี้ ด้วยวัย 36 ปี 331 วัน
1
15. ทีมแชมป์อย่าง อิตาลี คือชาติที่สามารถทำสถิติชนะนับตั้งแต่เริ่มต้นรอบคัดเลือกจนถึงเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายได้นานที่สุด ถึง 15 นัดติดต่อกัน
1
ถึงแม้ว่าจะมาเสียสถิติชนะรวด ตั้งแต่เข้ารอบรองชนะเลิศจนถึงนัดชิง ที่เสมอกับ สเปน และ อังกฤษ 1-1 แต่การดวลจุดโทษเอาชนะได้ทั้งทีมกระทิงดุ และทัพสิงโตคำราม ทำให้ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ คือชาติแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถเอาชนะการดวลจุดโทษได้ถึง 2 ครั้งในฟุตบอลยูโร 1 ทัวร์นาเมนต์
และนั่นทำให้ อิตาลี หยุดช่วงเวลารอคอยแชมป์รายการนี้นานถึง 53 ปีลงได้สำเร็จ พร้อมกับซิวแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ได้อย่างยิ่งใหญ่
#เสียบสามเหลี่ยม #อิตาลี #ยูโร2020 #Italy #EURO2020
โฆษณา