13 ก.ค. 2021 เวลา 10:09 • กีฬา
บันทึกไว้ให้จำ
🇮🇹แด่ผู้ชนะ-ผู้ผิดหวัง(ตลอดกาล)🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿
…….ชัยชนะในยูโร2020 ของ "มะกะโรนี" อิตาลี คือภาพความยิ่งใหญ่ที่พวกเขากลับมาได้สำเร็จ หลังจากล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการตกรอบคัดเลือกบอลโลก 2018
มาในฐานะ"ม้าไม้" หาใช่ "ม้าเต็ง" ยังคงเป็น"ทีมใหญ่"เหมือนเดิม แต่ถูกหลายคนเลือกที่จะ"มองข้าม"
จากนั้น อิตาลี ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็มาระเบิดฟอร์มจนน่าตกใจในเกมแรก จนหลายคนหลงร่องแข้งเรื่อง "อิตาลี เล่นเกมบุก" แต่แท้จริงแล้ว อิตาลี เดินหน้าขึ้นมาอีกคนละ 4-5 หลา เดินหน้ามาเร็วขึ้น
กดทุกอย่าง"เป็นแผง" ด้วยการเล่นแบบ"เป็นแบบแผน" ขย่มทุกทีมจากการประยุกต์การเล่นแบบ "โซน เพรสซิ่ง" ตั้งแต่ยุคของ อาร์ริโก้ ซ้าคคี่ มาเป็นการเพรสแบบ"แผงใครแผงมัน"
พวกเขาเล่นได้ดีต่อเนื่อง และผ่านทุกอย่างมาจริง ๆ ทั้งเริ่มโดนเปิดแผลเสียประตู การต่อเวลาดวลจุดโทษ
ก่อนจะเป็นแชมป์ด้วยการคว่ำ อังกฤษ คาถิ่น "ลอนดินิอุม" ที่ชาวโรมัน เคยมาปักหลักถิ่นฐานที่นี่เมื่อ ค.ศ.43 ก่อนจะพัฒนากลายมาเป็นมหานครที่ไม่หลับใหลอย่าง "ลอนดอน" ในปัจจุบันและตลอดไป
พวกเขาคือทีมที่ดีมีองค์ประกอบครบถ้วนที่สุด และเล่นได้ดีจนต้องยอมรับว่า The best team in the tournament. Deserved winners.
ผมได้เขียนไปเมื่อวันอาทิตย์ว่า ด้วยเหตุผลทางฟุตบอลนั้น อิตาลี จะเป็นแชมป์
แต่ถ้าเหตุผลในเรื่องของบรรยากาศ หรือจะอะไรก็ไม่รู้ อังกฤษ ควรต้องเป็นแชมป์
หลายสิ่งอย่างต่างเตรียมให้ทุกอย่างมันเข้าทางของอังกฤษ ทั้งการเข้าชิงถ้วยนี้เป็นครั้งแรก, การได้เป็นเจ้าภาพร่วมที่เตะในถิ่นตัวเองมากที่สุดจนดูเหมือนเป็นเจ้าภาพเอง และคำว่าบรรยากาศเป็นใจนิสัยเสริมส่งนี่ถูกต้องทีเดียว
เรื่องไม่ดี แต่ผมมองว่ามันไม่แปลกก็คือ การทะลักเข้าไปในสนามของแฟนบอลที่ไม่มีตั๋ว เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศ จนกลายเป็นการพังรั้ว แหวกการ์ด เพื่อแออัดยัดทะนานเข้าสู่สนาม
แพ้หรือชนะไม่รู้ แต่อยากจะอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้
แล้วก็เหมือนเดิมกับคำว่า "อังกฤษมีไว้ผิดหวัง"
ความพ่ายแพ้ด้วยการดวลจุดโทษของ อังกฤษ ยังคงหลอกหลอนในใจของแฟนฟุตบอลต่อไป
อังกฤษ แพ้ถึง 7 จาก 9 ครั้งที่ดวลเป้าในรายการใหญ่ทั้งบอลโลก และยูโร
ไม่รู้ว่าเป็นโชควาสนาหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ผมได้ดูอังกฤษยิงจุดโทษมาทุกครั้ง….. นับตั้งแต่ปฐมบทฟุตบอลโลกเวอร์ชั่นอิตาลี
ปี 1990 บอลโลก รอบรองฯ แพ้ เยอรมันตะวันตก 4-5
ปี 1996 ยูโร รอบ 8 ทีม ชนะ สเปน 4-2
ปี 1996 ยูโร รอบรองฯ แพ้ เยอรมนี 6-7
ปี 1998 บอลโลก รอบ 2 แพ้ อาร์เจนติน่า 5-6
ปี 2004 ยูโร รอบ 8 แพ้ โปรตุเกส 7-8
ปี 2006 บอลโลก รอบ 8 แพ้ โปรตุเกส 1-3
ปี 2012 ยูโร แพ้ อิตาลี 2-4
ปี 2018 บอลโลก รอบ 2 ชนะ โคลอมเบีย 5-4
ล่าสุดคือแพ้ อิตาลี 3-4
หากยังนับรวม “เนชันส์ลีก” ให้แก้เซ็งก็อาจจะพอได้(มั๊ง) ที่พวกเขาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 6-5 แต่มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา
นี่ถ้าหวยออกมา”ตรงกันข้าม”แล้วล่ะก็ อังกฤษ จะปลดออกออกไปอีกทางเลยทีเดียว
ดังนั้นคนทำทีมก็ต้องรับไปแบบเต็มตีนเตี่ย
แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องเรียนรู้กับการตัดสินใจต่อไป เมื่อเขาพลาดมหันต์ ทั้งที่ทุกอย่างเข้ามาตามสูตรไปหมดแล้ว
เขาดันไปนึกว่า อิตาลี เล่นเป็นทีมอื่น
….ไปกองกันหน้ากรอบตัวเองเยอะ ๆ หลังจากนำเร็ว พร้อมแผนการเล่นแบบปิดเมือง 3-4-2-1 แต่ดันถอยรับลึกเกินไป
เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยปล่อยให้ทีมที่มีกองหลังอายุมากทั้ง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ได้เล่นบอลง่าย พร้อมกับดันขึ้นมาอยู่ในแดน40หลา กระทั่งโดนกดอยู่ตั้ง 5-6 นาทีจนเสียประตู
อีกอย่างคือจะเล่นเกมรับ ดันให้ยืนตามระบบ 3-4-2-1 และพอวิงแบ๊กถอนมายิ่งน่าตกใจ
ระบบมันโบ๋มาก เมื่อกลายเป็น 5-2-2-1 ซึ่งมันต้องยืน 5-4-1 ไปเลย ทำให้ไม่มีใครช่วยแบ๊ก
แล้วคู่แข่งแบ๊กแย่ ไม่ไปกระทุ้งเค้า ยิ่ง เอแมร์ซอน ขึ้นอย่างกับปีก แบบยืนสบายเลย
ประสบการณ์มันสอนจริงๆ วันนอกจากระวังแล้ว จะต้องกล้าด้วย ไม่ใช่กล้วๆแล้วไม่กล้า โดยเฉพาะเรื่อง”การเปลี่ยนตัว”ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่เกมแรกยันเกมสุดท้าย
ยิ่งการเลือก"มือสังหาร" จะต้องไม่มาจาก "สนามซ้อม" เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
มันต้องเลือกจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
จริงอยู่ที่การเตรียมการคือสิ่งสำคัญมาก ๆ ในการออกศึก แต่การพิสูจน์ความเป็นผู้นำ ต้องมา
มันต้องมา
การเลือก”เด็กมาก”ไปยิงจุดโทษมันคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นตำนานมามากมาย มันคือการโยนหัวโยนก้อย แต่การจัดเรียงลำดับการยิง ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดอีกด้วย
จริงอยู่ที่ อังกฤษ เล่นแบบนี้ดู”แยบยล”และ”แยบคาย”บนความ”หยาบคาย”ของแฟนบอลบางกลุ่มบางคน ยังคง”มีอนาคต” แต่สำหรับโอกาสของมนุษย์ที่ดี ๆ นั้น
บางครั้งมันไม่ได้มาบ่อย
บางคนได้รับโอกาสบ่อย บางคนได้รับโอกาสน้อย บางคนไม่เคยได้รับมัน หรือได้รับแล้วก็ปล่อยมันทิ้งไป…… อันนั้นถือว่าหนักสุด
ดังนั้นการเรียนรู้จากความผิดพลาดคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด และไม่ควรจะพลาดแบบซ้ำแล้วซ้ำอีก
อุตส่าห์เอาเรื่องที่ปักคาหัวอกตั้งแต่ 25 ปีก่อนออกไปได้เมื่อชนะ เยอรมนี สำเร็จ แต่สุดท้าย “เมกกะเวมบลีย์” และ “จุดโทษ” ยังคง”ตำขั้วหัวใจ” ของ เซาธ์เกต และยังคงเป็น”ฝันร้าย”ในบท”ชีวิตจริง” ของเขาอยู่ต่อไป............
เรียนรู้จากการเล่นของอิตาลี เรียนรู้จากการเล่นของอังกฤษ เรียนรู้จากการวางแผน เรียนรู้จากการแก้สถานการณ์
ดู”ยูโร”แล้ว อย่าลืมย้อนดูตัวเองนะครับ............
#บีแหลมสิงห์ 🗡
โฆษณา