14 ก.ค. 2021 เวลา 09:00 • กีฬา
โยอาคิม เมห์เล “วิงแบ็กฮีโร่แห่งเมืองออสเตอร์วรา"
ศึกจ้าวยุโรป ฟุตบอลยูโร 2020 ที่ผ่านมา ถ้าให้พูดถึงตำแหน่งแบ็กซ้ายหลาย ๆ คนคงนึกถึง เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า จาก”ทัพอัซซูรี่”ที่โชว์ฟอร์มประสานงานกับ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้อย่างโดดเด่นและติดทีมยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนต์หนนี้ หรือจะเป็น ลุค ชอว์ จากทัพ”สิงโตคำราม”ที่ระเบิดฟอร์มจนได้รับคำชมมากมาย
แต่มีแบ๊กซ้ายอีกคนหนึ่งที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และ 1 ผลงานที่แฟนบอลหลาย ๆ คนต่างจดจำคือลูกแอสซิสต์ที่ส่งให้เพื่อนกองหน้าทำประตูแบบสุดสวยในเกมที่เจอกับทีมชาติเช็ก ซึ่งอันที่จริงตำแหน่งเขากับต้นสังกัดคือวิงแบ๊กขวาด้วยซํ้า และที่สำคัญเขามาจากเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรประมาณ 1,300 คนเท่านั้น โดยวันนี้ SporthLightTH จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ โยอาคิม เมห์เล
โยอาคิม เมห์เล เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1997 ที่เมืองออสเตอร์วรา ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของประเทศเดนมาร์กที่มีประชากรประมาณ 1,300 คน และด้วยความเป็นเมืองเล็ก ๆ ครอบครัวส่วนใหญ่มีความต้องการที่จะให้ลูกหลานไปเอาดีทางด้านการศึกษามากกว่ากีฬา และคงไม่มีใครคิดว่า “เด็กจากเมืองนี้จะก้าวไปสู่นักกีฬาระดับโลก”
แต่โยอาคิม เมห์เล ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขาตั้งเป้ามั่นหมายว่าอยากจะเป็นนักบอลตั้งแต่เด็ก ๆ และก็เป็นความโชคดีของเจ้าตัวที่ครอบครัวให้ความสนับสนุนและพร้อมผลักดันให้เด็กคนนี้ไปตามเส้นทางที่เจ้าตัวใฝ่ฝัน ด้วยการส่งเจ้าตัวไปศึกษาศาสตร์ลูกหนังกับสโมสรท้องถิ่นอย่าง ออสเตอร์วรา ไอเอฟ ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ
จนกระทั่งอายุ 12 ขวบ เจ้าตัวได้โอกาสย้ายไปศึกษาศาสตร์ลูกหนังที่ อัลโบร์ก บีเค สโมสรจากเดนนิสซุปเปอร์ลีกา (ลีกสูงสุดของประเทศเดนมาร์ก) หลังจากบ่มเพาะอยู่ 7 ปีในที่สุดเจ้าตัวถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วยวัย 19 ปี และยึดตัวจริงในตำแหน่งแบ๊กขวาทันที ลงเล่น 27 เกม ยิง 1 แอสซิสต์ 5 เพียงแค่ฤดูกาลเดียวที่โลดแล่นในลีกสูงสุด เจ้าตัวก็ได้รับข้อเสนอจาก เกงค์ ทีมแกร่งจากลีกเบลเยี่ยม
ยอดทีมจากเบลเยี่ยมควักเงิน 1.3 ล้านยูโรในการคว้าดาวเตะรายนี้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะเจ้าตัวยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 2 ของเจ้าตัวด้วยซํ้า โดยเจ้าตัวลงเล่น 54 เกมทุกรายการ ซัลโวไป 4 ประตู มี 10 แอสซิสต์ ถึงแม้ฤดูกาลต่อมาผลงานของทีมจะดูดรอปลงไป แต่ เมย์เล่ ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จนไปเข้าตา อตาลันต้า ยอดทีมจาก กัลโช เซเรียอา
ด้วยความเป็นแบ็กสายลุยของเจ้าตัวประกอบกับ อตาลันต้า ภายใต้การคุมทีมของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ที่สร้างปรัชญาเกมบุกดุดันราวกับ”หมาป่า” ส่งผลให้ทัพ”เนรัซซูรี่” ไม่ได้ลังเลที่จะควักเงิน 12 ล้านยูโร กระฉากเมย์เล่ เข้ามาร่วมทีมเมื่อตลาดฤดูหนาวที่ผ่านมา
ซึ่งกัลโช เซเรียอา ในฤดูกาลที่ผ่านเจ้าตัวยังทำผลงานได้ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าได้รับโอกาสในการปรับตัวเข้ากับลีก และฟอร์มอันร้อนแรงในทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 ที่ผ่านมา น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าตัวได้อย่างดี
พูดถึงทีมชาติเดนมาร์ก ในทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 นี้ หลายคนคงนึกถึงเหตุการณ์ที่ คริสเตียน อีริคเซ่น ดาวเตะคีย์แมนสำคัญของทัพ”โคนม” หัวใจหยุดเต้นกะทันหันระหว่างแข่งขัน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งแม้เจ้าตัวจะอาการดีขึ้นหลังจากนั้นแต่ก็ไม่สามารถลงแข่งได้ ทำให้แฟนบอลหลาย ๆ คนคิดว่าทีมชาติเดนมาร์กอาจไม่รอดแล้วในทัวร์นาเมนต์หนนี้
แต่ในทางกลับกันพวกเขาได้โชว์หัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง เข้ารอบด้วยการชนะทีมชาติรัสเซีย 4-1 เข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุดและสร้างประวัตศาสตร์เป็นทีมที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้ง ๆ ที่ชนะแค่เกมเดียว
และไม่เพียงแค่นั้น ทีมชาติเดนมาร์กทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศก่อนจะไปแพ้ทีมชาติอังกฤษ 2-1 ซึ่งนักเตะที่่หลาย ๆ คนพูดถึงคงไม่พ้น นายทวารทายาทตำนานอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล ที่โชว์ฟอร์มเซฟอุตหลุด , ไซม่อน เคียร์ ปราการหลังกัปตีนทีมหัวใจสปิริต หรือ คู่กลางอย่าง ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก กับ โธมัส เดลานีย์ ที่ชนได้กับทุกทีม
แต่ทีมชาติเดนมาร์กชุดนี้สร้างความอันตรายให้กับทีมคู่แข่ง จากการประสานงานของผู้เล่นในกราบซ้ายอย่าง โยอาคิม เมห์เล่ กับ แดเนียล วาสส์ นี่แหละ ที่เป็นหัวใจสำคัญพาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจนมาถึงรอบรองชนะเลิศ
และลูกแอสซิสต์ที่อาจสวยที่สุดในทัวร์นาเมนต์หนนี้ เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ ทีมชาติเดนมาร์กเอาชนะ ทีมชาติเช็ก 2-1 โดยเกมนั้นเป็นจังหวะบุกของทีมชาติเดนมาร์ก โยอาคิม เมห์เล พาบอลขึ้นมาตรงริมเส้นฝั่งซ้าย และดีดให้เพื่อนอย่างไม่คาดคิดจากการดีดไซด์ก้อย ด้วยเท้าขวา บอลโค้งไปยังปากประตูและเป็น แคสเปอร์ ดอล์เบิร์ก ที่โหม่งจ่อ ๆ ไม่มีพลาด
ซึ่งลูกแอสซิสต์นี้หลาย ๆ คนยกไปเปรียบเปยกับเควิน เดอบรอยน์ จอมทัพแห่ง”ปีศาจแดงดำแห่งยุโรป”รวมไปถึง เอียน ไรท์ ดาวยิงตำนานทัพ”ปืนใหญ่” ที่ยกให้ลูกจ่ายนี้อาจเป็น “พาส ออฟ เดอะ ทัวร์นาเมนต์”เลยก็ได้
ผลงาน 6 เกม 2 ประตู 1 แอสซิสต์ คงการันตีความแข็งแกร่งและอนาคตของเจ้าตัวได้อย่างดี ซึ่งอย่าลืมว่านี่คือผู้เล่นที่เติบโตมาจากเมืองเล็ก ๆ ที่ประชากรให้ความสำคัญในด้านการศึกษาและมีประชากรประมาณ 1,300 คนเท่านั้น เส้นทางที่เจ้าตัวได้เผชิญฟันฝ่าและผลงานที่ทำให้ได้โลกลูกหนังได้ประจักษ์ ก็ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าตัวจะกลายเป็น”ฮีโรขวัญใจชาวเมืองออสเตอร์วรา”
โฆษณา