Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
15 ก.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“เส้นทางธารน้ำตา (Trail of Tears)” การถูกกดขี่ของชนพื้นเมืองอเมริกัน
ในช่วงต้นยุคค.ศ.1830 (พ.ศ.2373-2382) ชนพื้นเมืองอเมริกันกว่า 125,000 คน ได้อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินของรัฐจอร์เจีย เทนเนสซี อลาบามา นอร์ทแคโรไลนา และฟลอริดา
ชนพื้นเมืองเหล่านี้อาศัยอยู่บนผืนดินนี้มาหลายรุ่น ตั้งแต่บรรพบุรุษ
1
แต่เมื่อสิ้นสุดยุคค.ศ.1830 (พ.ศ.2373-2382) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาก็เหลือชนพื้นเมืองอยู่ไม่มาก เนื่องจากรัฐบาลกลาง ซึ่งเข้าใจในความต้องการของคนผิวขาวว่าต้องการพื้นที่สำหรับปลูกฝ้าย ซึ่งรวมถึงดินแดนของเหล่าอินเดียนแดงพื้นเมือง ได้ทำการขับไล่ชนเผ่าพื้นเมืองออกไปจากดินแดนที่พวกเขาเคยอยู่
ชนพื้นเมืองอินเดียนแดงต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลเพื่อไปยังพื้นที่ๆ จัดไว้ให้สำหรับอินเดียนแดง ตรงข้ามกับแม่น้ำมิสซิสซิปปี
เส้นทางที่เหล่าชนเผ่าพื้นเมืองใช้เดินทาง ซึ่งทั้งยากลำบากและอันตราย เป็นที่รู้จักในชื่อของ “เส้นทางธารน้ำตา (Trail of Tears)”
ตั้งแต่ทีแรก ชาวอเมริกันผิวขาวซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนทางตะวันตก ก็มักจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อชนอเมริกันพื้นเมือง
คนผิวขาวมองว่าชนพื้นเมืองนั้นน่ากลัว ด้อยพัฒนา อีกทั้งยังครอบครองดินแดนที่เหล่าชนผิวขาวต้องการ และพวกเขาก็เชื่อว่าดินแดนของชนพื้นเมืองควรเป็นของพวกตน
ในช่วงแรกที่ตั้งประเทศ คนในรัฐบาลหลายๆ คน รวมทั้ง “จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)” ประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าวิธีการที่จะแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกับชนพื้นเมือง ก็คือการ “มอบความเจริญให้ชนพื้นเมือง”
1
จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)
เป้าหมายคือการทำให้ชนพื้นเมืองมีวิถีชีวิตใกล้เคียงกับคนผิวขาวมากที่สุด เริ่มจากการชักนำให้ชนพื้นเมืองนับถือศาสนาคริสต์ สอนภาษาอังกฤษ ทั้งการพูดและการอ่าน และสอนหลักเศรษฐกิจแบบยุโรปแก่ชนพื้นเมือง เช่น การครอบครองทรัพย์สินและที่ดิน
1
ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ชนเผ่าจำนวนห้าเผ่า คือ เชอโรคี, ชิคาซอว์, ชอคทอว์, มัสคีกี และ เซมินโอเล ได้ยอมรับในวัฒนธรรมของชนผิวขาวอเมริกัน และเป็นที่รู้จักในชื่อของ “ห้าเผ่าอารยะ (Five Civilized Tribes)”
ห้าเผ่าอารยะ (Five Civilized Tribes)
แต่ดินแดนของชนเผ่าเหล่านี้ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณของรัฐจอร์เจีย เทนเนสซี อลาบามา นอร์ทแคโรไลนา และฟลอริดา ก็มีมูลค่ามหาศาล ดึงดูดคนผิวขาวจำนวนมากเข้ามาในดินแดนแถบนี้
คนผิวขาวจำนวนมากเลี้ยงชีพด้วยการปลูกฝ้าย และพวกเขาก็ไม่สนใจว่าชาวเผ่าเหล่านี้รับวัฒนธรรมอเมริกันและไม่ได้ป่าเถื่อนหรือด้อยพัฒนาแล้ว
คนผิวขาวทำทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งขโมยสัตว์เลี้ยงของชนเผ่า เผาบ้านและทรัพย์สินของชนเผ่า อีกทั้งยังฆ่าชนเผ่าตายไปเป็นจำนวนมาก
รัฐบาลเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย และหลายๆ รัฐก็ออกกฎหมายที่เอาเปรียบชนเผ่า จำกัดสิทธิต่างๆ ของชนเผ่า และยังรุกล้ำที่ดินของชนเผ่า
ในเวลานั้น ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคือ “แอนดริว แจ็คสัน (Andrew Jackson)”
แจ็คสันเป็นผู้ที่สนับสนุนแนวคิดในการขับไล่พวกอินเดียนแดงพื้นเมือง เนื่องจากตัวเขาเอง ก็เคยเป็นแม่ทัพในกองทัพ และทำสงครามต่อสู้กับชนเผ่าต่างๆ ยึดครองที่ดินของอินเดียนแดงมาเป็นของชาวไร่ผิวขาว
1
แอนดริว แจ็คสัน (Andrew Jackson)
เมื่อขึ้นเป็นประธานาธิบดี แจ็คสันจึงจัดการเหล่าชนเผ่าพื้นเมือง
ในปีค.ศ.1830 (พ.ศ.2373) แจ็คสันได้ลงนามในรัฐบัญญัติการโยกย้ายอินเดียน (Indian Removal Act) ซึ่งให้อำนาจแก่รัฐบาลกลางในการแลกเปลี่ยนที่ดินของชนเผ่าทางตะวันออก แลกกับที่ดินทางตะวันตก ซึ่งเป็นบริเวณที่รัฐบาลจัดไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับอินเดียนแดง
ตามกฎหมาย ระบุให้รัฐบาลเจรจากับชนเผ่าเรื่องการแลกเปลี่ยนที่ดินและโยกย้ายอย่างสันติ ไม่อนุญาตให้บังคับเหล่าชนเผ่าให้โยกย้าย หากแต่ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลก็ไม่สนใจ และบังคับให้ชนเผ่าย้ายออกไปจากดินแดนที่พวกเขาอยู่มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
ฤดูหนาวค.ศ.1831 (พ.ศ.2374) ชอคทอว์คือชนเผ่าแรกที่ถูกรัฐบาลอเมริกันขับไล่ออกจากดินแดนของตน และต้องเดินทางไปยังบริเวณที่รัฐบาลจัดสรรไว้สำหรับอินเดียนแดง โดยพวกเขาต้องเดินเท้าไปเป็นระยะทางยาวไกล และยังไม่มีเสบียงอาหาร
1
1
ด้วยความที่ไม่มีความพร้อมและไม่ได้ตั้งตัว ทำให้เส้นทางนี้ ชนเผ่าหลายคนได้เสียชีวิตระหว่างทาง โดยต่างเหน็ดเหนื่อยและอดอยากจนเสียชีวิต
กระบวนการขับไล่ชนเผ่านี้ดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และในปีค.ศ.1836 (พ.ศ.2379) รัฐบาลกลางก็ได้ขับไล่ชนเผ่ามัสคีกี โดยชนเผ่ามัสคีกีที่ถูกขับไล่ออกจากโอคลาโฮมาจำนวน 15,000 คน เสียชีวิตระหว่างการเดินทางถึง 3,500 คน
ทางด้านชนเผ่าเชอโรคี ก็ได้เสียงแตกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งก็ต้องการจะอยู่ในดินแดนของตนและต่อสู้กับคนผิวขาว อีกส่วนก็มองตามความเป็นจริงว่าชนเผ่าไม่มีทางสู้คนผิวขาวได้ และควรจะยอมย้ายออกเพื่อแลกกับเงินและผลประโยชน์อื่นๆ
ในปีค.ศ.1835 (พ.ศ.2378) ตัวแทนเผ่าเชอโรคีได้เจรจา ทำสัญญากับรัฐบาลอเมริกัน
ในสัญญานั้น ระบุว่าชนเผ่าเชอโรคียอมที่จะยกดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปีให้แก่รัฐบาลอเมริกัน แลกกับเงินจำนวนห้าล้านดอลลาร์ (ประมาณ 150 ล้านบาท) และการช่วยเหลือในการตั้งถิ่นฐานใหม่จากรัฐบาล รวมทั้งการชดเชยจากรัฐบาลในทรัพย์สินที่สูญหาย
การทำสัญญานี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ หากแต่ชาวเชอโรคีหลายคนไม่พอใจและรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ภายในปีค.ศ.1838 (พ.ศ.2381) ชาวเชอโรคีย้ายออกจากถิ่นฐานเพียงแค่ประมาณ 2,000 คน รัฐบาลจึงส่งทหารมาเร่ง บังคับให้ชาวเชอโรคีรีบๆ ย้ายออก
ทหารอเมริกันได้ต้อนชาวเชอโรคีเข้ามาในค่ายทหาร ก่อนที่จะทำการกวาดสิ่งของมีค่าต่างๆ ในบ้านของชาวเชอโรคี จากนั้น ก็บังคับให้ชาวเผ่าเชอโรคีเดินทางเป็นระยะทางกว่า 1,900 กิโลเมตรไปถึงดินแดนที่จัดไว้สำหรับอินเดียนแดง
ตลอดทางนั้น มีชาวเชอโรคีกว่า 5,000 คนเสียชีวิตจากโรคระบาดและความอดอยาก
ภายในปีค.ศ.1840 (พ.ศ.2383) ชนเผ่าอเมริกันพื้นเมืองนับหมื่นได้ถูกขับไล่จากบ้านเกิด ต้องย้ายไปยังบริเวณที่ๆ จัดไว้สำหรับชนเผ่า
รัฐบาลได้สัญญาว่าในดินแดนใหม่นี้ จะไม่มีใครไปรบกวนชนเผ่าอีกต่อไป หากแต่ในเวลาต่อมา คนขาวก็ต้องการพื้นที่เพิ่มเรื่อยๆ จนในปีค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) โอคลาโฮมาก็ได้กลายเป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา และดินแดนของชนเผ่าอินเดียนแดง ก็ได้สูญสลาย
1
เรื่องราวของเส้นทางธารน้ำตา เป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ที่น่าปวดร้าว และเจ็บปวดสำหรับผู้ที่มีเชื้อสายอินเดียนแดงจนถึงทุกวันนี้
References:
https://www.history.com/topics/native-american-history/trail-of-tears?li_source=LI&li_medium=m2m-rcw-history
https://www.nationalgeographic.org/thisday/may28/indian-removal-act/
https://www.ushistory.org/us/24F.ASP
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Trail_of_Tears
29 บันทึก
35
3
20
29
35
3
20
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย