Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ่นเป็นเรื่องเป็นราว
•
ติดตาม
15 ก.ค. 2021 เวลา 09:49 • นิยาย เรื่องสั้น
วันนี้ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวครับ ผมจะพาทุกท่านไปพบการผจญภัยอันยาวนานของใครคนหนึ่ง ใครที่มีนิกายของตัวเอง จนมีชื่อเสียง กลายเป็นศาสนาฮินดูนิกายที่คนนับถือกันทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ฝรั่งมังค่า นิกาย ฮเร คริชนะ
हरे कृष्ण
นั่นก็คือ
"พระกฤษณะ" โอปป้า แห่งแดนภารตะ นั่นเองครับ
ทุกท่านน่าจะรู้จักพระกฤษณะ จากละครซีรีย์เรื่อง มหาภารตะ หรือจากการ์ตูนเรื่อง พระกฤษณะอวตาร หรือใครที่ยังไม่รู้จักก็ดี วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่องนี้ให้ได้อ่านกันครับ
สำหรับอวตารปางที่แปดนี้ เนื้อเรื่องนับว่าโคตรยาว ยาวมากเสียจนผมไม่อยากจะจับยัดเข้าในep.รวมๆเลย จึงได้ออกมาเขียนตอนแยกแบบนี้ เพราะลำพังประวัติของพระกฤษณะเองก็โคตรยาวแล้ว ยังมีเหตุการณ์ในมหาภารตะ และภควัตคีตา คัมภีร์ที่สำคัญของฮินดูอีกด้วย
ขอเชิญทุกท่านพบกับ อวตารปางที่8 ขององค์ศรีหริ
"กฤษณาวตาร कृष्णावतार"
พระกฤษณะ มหาภารตะ ค่าย Star plus รับบทโดยคุณ ซอว์รับ ราจ เจห์น
ทุกคนคงจำ ชัยและวิชัย ได้ การเดินทางของทั้งคู่ได้มาถึงชาติสุดท้ายแล้ว นับเป็นเวลายาวนานนับล้านๆปี
เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นที่ เมือง มถุรา เมืองนี้มีกษัตริย์นามท้าวอุครเสน ท้าวอุครเสนมีพระชายาคือ นางปวนะเรขา ท้าวอุครเสนปกครองชาวยาทพที่เมืองมถุราอยู่มาสักพัก วันหนึ่ง หลังกลับจากประพาสป่า พระนางปวนะเรขาก็ทรงครรภ์ขึ้น ท้าวอุครเสนดีใจมาก เฝ้ารอวันที่โอรสประสูติ และแล้ว โอรสก็ประสูติ ท้าวอุครเสนรักลูกมาก ตั้งชื่อให้ว่า "กังสะ"
1
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเรื่องมันราบรื่นแบบนี้มันคงไม่ใช่ตำนานฮินดูสิ
ที่จริงแล้ว กังสะ ไม่ใช่ลูกของท้าวอุครเสนครับ เหตุเกิดตอนประพาสป่านั่นแหละ มีอสูรตนหนึ่งได้จำแลงร่างเป็นท้าวอุครเสน แล้วเข้าไปหลับนอนกับนางปวนะเรขา จนพระนางทรงครรภ์และเกิดเป็นกังสะขึ้นมานี่แหละ
1
มหาราชกังสะ จากการ์ตูนเรื่อง Little Krishna
และกังสะ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ครับ แกก็คือตาชัยนี่แหละ ซึ่งชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
และแน่นอนครับ ตามเสต็ป กังสะเจริญรอยตามอดีตชาติ ตั้งแต่หิรัณยักษะ และราวัณหรือทศกัณฐ์ เขาเติบโตมาเป็นเจ้าชายผู้โหดร้าย นิสัยแย่ วันหนึ่งเขาก็ได้แย่งชิงราชสมบัติและจับท้าวอุครเสนไปขังไว้ และได้ขึ้นเป็น มหาราชกังสะแห่งมถุราแทน ทรราชกังสะปกครองประชาชนด้วยความหวาดกลัว และยังสั่งห้ามบูชาพระวิษณุอีกด้วย
มันถึงคราวแล้ว ที่พระเอก จะต้องออกโรง
วันหนึ่งก็มีเสียงร้องเตือนที่หาที่มาไม่ได้ดังขึ้นว่า
"มหาราชกังสะจอมโหด บุตรของนางเทวกีน้องสาวเจ้าจะเป็นผู้สังหารเจ้า"
1
เมื่อได้ยินดังนั้น กังสะจึงหมายจะฆ่านางเทวกีแต่ วาสุเทพขอชีวิตไว้ กังสะจึงจับ วาสุเทพ น้องเขยตน และ เทวกี น้องสาวตนไปขังไว้ เมื่อใดก็ตามที่คลอดลูกออกมา กังสะจะมาฆ่าทิ้งทุกครั้ง
จนมาถึงบุตรคนที่7 เสียงลึกลับก็ดังมาอีกครั้ง
"มหาราชกังสะ เจ้าจะต้องถูกคนเลี้ยงวัวสังหาร"
1
กังสะจึงสั่งปูพรมฆ่าคนเลี้ยงวัว
บุตรคนที่7นี้ ได้ถูกอิทธิฤทธิ์ของพระวิษณุย้ายไปในครรภ์ของนางโรหิณีภรรยาของวาสุเทพอีกคน ที่อยู่อีกเมืองหนึ่ง บุตรของนางเทวกีที่ไปเกิดกับนางโรหิณีนั้น มีชื่อว่า "พลราม" หรือก็คือ พญาอนันตนาคราชอวตารลงมานั่นเอง
พลรามจึงรอดตายไปอย่างหวุดหวิด ต่อมา ก็ถึงคราวของพระเอก
กาลต่อมา เทวกีก็ตั้งครรภ์บุตรคนที่แปด วาสุเทพหาทางหนีออกจากคุกไปและนำบุตรของตนสลับกับบุตรีของนันทะและนางยโสธา เพื่อนของวาสุเทพ เมื่อกลับมา กังสะก็ทราบข่าวว่าเทวกีคลอดลูกแล้ว ก็วิ่งมาจับลูกนางฟาดหินแต่เด็กไม่ตายซ้ำยังกลายเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง
"เจ้าพลาดแล้ว กังสะ บุตรคนที่แปดของเทวกียังคงมีชีวิตอยู่ เขาจะมาสังหารเจ้าในสักวันหนึ่ง"
กังสะทำอะไรไม่ได้นอกจากโมโหลมออกหู
พระกฤษณะวัยเด็ก
และก็ใช่ครับ เด็กคนที่ถูกสับเปลี่ยนก็คือองค์นารายณ์อวตาร "พระกฤษณะ"นั่นเอง
พลรามและกฤษณะอาศัยอยู่กับนันทะ นางโรหิณีและนางยโสธา ที่วรินดาวัน ไม่นานหลังจากทั้งคู่เกิด กังสะก็ให้คนตามสืบหาข่าวจนรู้ว่า พระกฤษณะอยู่ที่ใด จึงส่งอสูรมาคอยตามเก็บอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่อายุขวบเดียวไปจนโตเป็นหนุ่ม
พระกฤษณะ และ พระพลราม การ์ตูนเรื่อง Krishna balram ทาง Netflix
แต่แค่ในวัยเด็กเล็ก พระกฤษณะก็ปราบพวกมันได้ เช่น
ตนแรกชื่อปุตนะ ได้วางยาพิษพระกฤษณะโดยเอายาพิษทาหัวนมแล้วให้พระกฤษณะในวัยทารกดูด พระกฤษณะแก้เผ็ดโดยการดูดนมอย่างรุนแรงจนปุตนะขาดใจตาย
ต่อมาก็มีอสูรลมพายุตรีนะวัสตะ พัดเอาตัวพระกฤษณะลอยไป พระกฤษณะคว้าตัวมันได้ก็จับทุ่มจนตาย
1
พระกฤษณะดูดนมปุตนะแรงเกินไปจนปุตนะขาดใจตาย
และอสูรอื่นๆอีกมากมาย เช่น ผกาสูร เธนุกา ประลัมพ์ ฯลฯ ต่างก็พากันเดินพาเหรดมาตายเพราะสู้พระกฤษณะไม่ได้นั่นเอง
วันเวลาผ่านไปพลรามและกฤษณะเติบโตขึ้น พระกฤษณะหล่อบาดใจเหล่าสาวเลี้ยงวัวจนพากันลืมผัวหมดสิ้น กรี๊ดกร๊าดพระกฤษณะราวกับ จองกุก หรือ ชาอึนอู ในยุคนี้ก็ไม่ปาน
วันหนึ่ง ขณะที่พวกนางกำลังอาบน้ำที่แม่น้ำยมุนา
พระกฤษณะได้มาขโมยเสื้อผ้าของพวกนางไป จากนั้นก็เรียกให้ขึ้นจากน้ำในสภาพแบบนั้น
เพื่อรับเสื้อผ้าคืน แต่ก็ขึ้นมากันโทงๆจริงๆ เพระกฤษณะสัญญาว่า จะร่วมเต้นรำในฤดูใบไม้ร่วงถัดไป
5
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง คืนหนึ่ง พระกฤษณะได้เป่าขลุ่ยเรียกเหล่าสาวเลี้ยงวัวหนีสามีที่กำลังหลับเข้ามาในป่าเพื่อเต้นรำกัน ทุกคนต่างก็มโนว่าตนกำลังเต้นรำกับโอปป้ากฤษณะในรูปแบบแฟนกัน
หนึ่งในนั้นมีหญิงคนหนึ่งที่ต่อมาได้คู่กับพระกฤษณะนางมีนามว่า “ราธา” ซึ่งเป็นอวตารของพระแม่ลักษมี(บ้างก็ว่าเป็นอวตารของพระแม่อทิศักติ ซึ่งเป็นร่างต้นที่อวตารเป็นพระแม่ลักษมีอีกที) ที่ทุกวันนี้ ก็มีซีรีย์เรื่อง ราธากฤษณะกำลังฉายอยู่ (ผมจำไม่ได้ว่าช่องทางไหน)
พระกฤษณะและพระนางราธา
ว่ากันว่าการเต้นรำนี้ยาวนานถึงหกเดือน จากนั้นทั้งหมดก็ได้ไปอาบน้ำที่แม่น้ำยมุนาร่วมกัน เมื่อพวกนางกลับบ้านไปต่างก็จำเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้เลย(ดีที่ไม่มีใครหัวใจวายตาย)
วันหนึ่งพระกฤษณะได้บอกให้เหล่าคนเลี้ยงวัวเลิกบูชาพระอินทร์ โดยให้หันไปบูชาภูเขาโควรรธนะแทน เพราะภูเขานี้ต่างหากที่ทำให้วัวมีหญ้ากิน
พระอินทร์ก็โกรธจัด บันดาลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงเป็นเวลาเจ็ดวันเพื่อลงโทษ
แต่พระกฤษณะใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวยกภูเขาโควรรธนะขึ้นกำบังทุกคนเอาไว้ และถือไว้ยังงั้นเจ็ดวัน
พระอินทร์จึงรู้แล้วว่า เด็กหนุ่มคนนี้มีพลังถึงเพียงนี้ ต้องเป็นองค์พระวิษณุอวตารแน่ๆ พระอินทร์จึงลงมาขอขมา
หลังจากนั้นไม่นาน กังสะก็เล่นแผนสกปรกโดยการจับเทวกีและวาสุเทพเพื่อเป็นข้อต่อรองให้พระกฤษณะ
แต่ขุนนางในเมืองนาม อกุระ ที่ถูกส่งมาเป็นทูตได้ปากโป้งบอกแผนนี้แก่พระกฤษณะ ทั้งหมดจึงวางแผนกันปราบกังสะ
เมื่อมาถึงมถุรา พระกฤษณะและพลรามบุกเข้าไปในเมืองเข้าต่อสู้กับนักมวยปล้ำฝีมือดีที่สุดแห่งมถุรา และจัดการนักมวยปล้ำทั้งสองลงได้ พระกฤษณะจึงเข้าต่อสู้กับกังสะ แล้วกังสะก็พลาดท่าถูกพระกฤษณะสังหารในที่สุด
1
พระกฤษณะทุบกังสะจนถึงแก่ความตาย
บัดนี้ จอมโหด มหาราชกังสะ แห่งมถุรา ก็ได้ถูกหลานชายตนเองปลิดชีวิตตามคำทำนาย
และแล้วชัย/หิรัณยักษะ/ราวัณ/กังสะ ก็ได้พ้นคำสาปกลับคืนสู่วิมานไวกูณฐ์ ทำหน้าที่ทวารบาลอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นพระกฤษณะจึงปลดปล่อยนางเทวกี วาสุเทพ ท้าวอุครเสนและให้มาเป็นกษัตริย์ดังเดิม
แต่ระหว่างนั้น ก็เกิดการศึกกับแคว้นมคธ ซึ่งนำโดยท้าวชราสันต์ แต่ชราสันต์ก็ไม่อาจเอาชนะพระกฤษณะได้เลย การรบพุ่งดำเนินไปเป็นสิบๆครั้ง
พลราม และ กฤษณะ
พระกฤษณะจึงหาทางออกโดยการสร้างเมืองใหม่โดยให้พระวิศวกรรมมาเนรมิตเมืองให้เสร็จภายในคืนเดียว จากนั้นอพยพชาวยาทพทั้งหมดไปยังเมืองใหม่ นามว่า "ทวารกา"
แต่เอ๊ะเล่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เหมือนเราจะลืมใครไปคนนึง
วิชัย/หิรัณยกศิปุ/กุมภกรรณ นั่นเอง เขาไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่ในชาตินี้เราไม่ค่อยได้เห็นเขาข้องเกี่ยวกับตัวกังสะเท่าไรนัก นอกจากมีพ่อตาคนเดียวกันและมีศักดิ์เป็นหลานของกังสะ เรื่องราวของวิชัย ผมจะเล่าต่อไปนี้ครับ
หลังจากที่มาอยู่ที่เมืองทวารกากันได้สักพักหนึ่ง พระกฤษณะก็ได้หาหญิงสักคนมาเป็นชายา
พระกฤษณะได้ไปปิ๊งกับ นางรุกมินี อวตารพระแม่ลักษมีอีกองค์หนึ่ง
แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นเหมือนคราวนางราธา เพราะว่าพระกฤษณะก็ต้องไปเจอกับศัตรูหัวใจนามว่า "ศิศุปาละ" กษัตริย์แห่งแคว้นเจที ซึ่งศิศุปาละเองก็เป็นญาติพระกฤษณะด้วย
ศิศุปาละคนนี้แหละครับคือชาติสุดท้ายของวิชัย
ปางนี้พิเศษก็ตรงที่ ทั้งพระนารายณ์ ชัย และ วิชัย ต่างก็เป็นญาติกันทั้งหมดเลย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หลายปี
ณ แคว้นเจที
ตอนเกิดศิศุปาละมีดวงตาที่สามอยู่ที่กลางหน้าผาก และมีสี่มือ และเมื่อเกิดมา สุเทศวารา มารดาของศิศุปาละซึ่งเป็นน้องของวาสุเทพ ได้ยินเสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปดังขึ้นว่า
"ผู้ใดที่ทำให้ดวงตาที่สามและมือสองมือของศิศุปาละหายไปได้ ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่สังหารศิศุปาละ"
วันหนึ่งวาสุเทพได้มาเยี่ยมหลานที่เพิ่งเกิดใหม่ โดยพาพลรามและกฤษณะมาด้วย กฤษณะได้อุ้มน้องขึ้นมา แล้วก็เกิดอัศจรรย์ สิ่งที่เกินออกมาคือ ดวงตาที่สามและมืออีกสองมือของน้องก็หายไป ทันที
นั่นสร้างความตกใจให้กับสุเทศวาราเป็นอย่างมาก นางจึงบอกพระกฤษณะว่ามีเสียงประหลาดเึยบอกว่าใครที่ทำให้ตาที่สามและมือที่เกินมานี้หายไปจะเป็นผู้ฆ่าศิศุปาละ นางขอให้พระกฤษณะไว้ชีวิตศิศุปาละ และขอให้ให้อภัยเมื่อเขาเมื่อกระทำผิดต่อพระกฤษณะ พระกฤษณะยอมทำตาม และบอกว่าตนจะยกโทษให้ศิศุปาละ ได้แค่100 ครั้ง เท่านั้น หากเกินกว่านั้น เท่งทึง
เมื่อศิศุปาละได้ขึ้นปกครองแคว้นเจที ต่อมาก็ได้แต่งงานกับธิดาท้าวชราสันต์แห่งมคธ ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับมถุรา เหตุที่ทำให้พระกฤษณะและศิศุปาละผิดใจกันคือ ศิศุปาละนั้นชอบนางรุกมินี และ ถูกชะตากับรุกมี พี่ชายของนาง รุกมีก็หมายจะยกน้องสาวให้ศิศุปาละโดยหมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว แต่นางรุกมิณี"นั้นมีใจให้กับพระกฤษณะ จึงได้มีการหนีตามกันไป เหมือนจะหักหน้าทั้งรุกมีและศิศุปาละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำให้ศิศุปาละจึงคอยหาทางกลั่นแกล้ง กวนบาทาพระกฤษณะอยู่ร่ำไป
พระกฤษณะและพระนางรุกมิณี
คาดว่าศิศุปาละ ไม่น่าจะรู้เรื่องสัญญาของพระกฤษณะกับนางสุเทศวรา ทำให้ศิศุปาละไม่เกรงกลัวและยังขยันด่าขยันกลั่นแกล้ง
กาลต่อมา ยุธิษฐิระ กษัตริย์แห่ง นครอิทรปรัสถ์ ได้กระทำพิธีราชสูยะ เหล่ากษัตริย์แคว้นน้อยใหญ่ต่างก็มาร่วมพิธีไม่เว้นแม้แต่วิภีษณะ(พิเภก)แห่งกรุงลงกา โดยศิศุปาละเองก็มาเข้าร่วมในพิธีนี้ด้วยเช่นกัน พระกฤษณะนั้นด้วยความที่เป็นองค์นารายณ์อวตารได้มีทีท่าเคารพยำเกรงต่อยุธิษฐิระ ทำให้พิเภก และกษัตริย์เมืองอื่นๆคล้อยตาม ยุธิษฐิระได้ประกาศให้พระกฤษณะ ขึ้นรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี จนกระทั่ง
1
"เฮ้ย ขอคัดค้าน!!!!!!!!"
ศิศุปาละตะโกนขึ้น พร้อมกับถามว่าเหตุใดพระกฤษณะถึงได้รับเกียรตินี้ทั้งๆที่มีผู้อาวุโสมากมายที่เหมาะสมกว่า และได้กล่าวถึงเรื่องราวฉาวโฉ่ของพระกฤษณะออกมาเป็นพะเรอเกวียน ภีษมะและพี่ยุธิษฐิระรีบห้ามปรามด้วยเกรงจะเกิดเหตุการณ์ทะเลาะโชว์กันขึ้น ภีษมะบอกว่า ปู่เองนี่แหละที่เสนอชื่อพระกฤษณะ ศิศุปาละจึงลามปามหันมาด่าภีษมะเสียๆหายๆ
พระกฤษณะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว คว้าอาวุธอันทรงอานุภาพของพระนารายณ์ขว้างไปตัดคอศิศุปาละขาดกระเด็น
พระกฤษณะสังหารศิศุปาละ
ปิดฉาก จอมปากเสีย มหาราชศิศุปาละ แห่งเจที ไปอีกคน
และแล้ววิชัย/หิรัณยกศิปุ/กุมภกรรณ/ศิศุปาละ ก็ได้พ้นคำสาปกลับคืนสู่วิมานไวกูณฐ์ ทำหน้าที่ทวารบาลรับใช้องค์ศรีหริเคียงบ่าเคียงไหล่กับชัยพี่ชายอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องราวของชัยและวิชัยก็จบลงแต่เพียงเท่านี้
แต่เรื่องราวของพระกฤษณะ ยังคงมีต่อไปอีก
ความโอปป้าของศรีกฤษณะยังมีอีก
ครั้งหนึ่งนาระกะ กษัตริย์แคว้นปราคชโยติช ได้รับพรจากมหาเทพทั้งสามให้เป็นผู้ที่เก่งกาจหามีผู้ใดเทียบได้ มันจึงออกอาละวาดไปทั่วสามโลก วีรกรรมวีรเวรของมันมีทั้งขโมยตุ้มหูของนางอทิติมารดาของเหล่าเทพ ตุ้มหูนี้ผุดมาจากเกษียรสมุทร เมื่อคราวกวนเกษียรสมุทรครั้งโน้น
ปล้นมงกุฏของพระอินทร์ และยึดนางอัปสร จำนวน 16,000 องค์
รวมถึงแปลงเป็นช้างไปข่มขืนธิดาของ
พระวิศวกรรม ด้วย
การกระทำอันเลวทรามยิ่งกว่ากังสะนี้ พระกฤษณะไม่อาจทนดูได้จึงได้บุกไปยังแคว้นปราคชโยติช เข้าต่อสู้กับนาระกะอย่างดุเดือด ท้ายที่สุดแล้ว นาระกะก็ถูกพระกฤษณะฆ่าตาย พระกฤษณะนำตุ้มหูไปถวายคืนแด่นางอทิติ ถวายมงกุฎคืนพระอินทร์
แต่
นางอัปสรทั้งหมื่นหกนั้น พระกฤษณะได้พากลับไปแต่งงานกันยังเมืองทวารกา ส่งผลให้พระกฤษณะมีชายาทั้งหมด 16,108 นาง รวมคนก่อนหน้านี้ด้วย
โอ้ พระศิวะช่วย!
พระกฤษณะมีบทบาทสำคัญอีกมากมาย โดยเป็นตัวละครหลักในมหาภารตะ เป็นคู่แท็กทีมคนสำคัญของอรชุน แห่งพี่น้องปาณฑพ และก็มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพราะท้าวสูรเสน พ่อแท้ๆของพระนางกุนตีมารดาของเหล่าปาณฑพมีเชื้อสายราชวงศ์ยาทพเช่นกัน
ในมหาภารตะพระกฤษณะโผล่มาในบทบาทผู้ช่วยพระเอกคนสำคัญ คอยช่วยเหลือฝ่ายปาณฑพหลายครั้ง เช่นคราวที่ทุหศาสันเปลื้องผ้าส่าหรีของนางเทราปตี พระกฤษณะก็เสกให้ผ้ามีขนาดยืดยาวดึงเท่าไรก็ไม่หมด เพราะครั้งหนึ่งพระนางเคยช่วยทำแผลให้พระกฤษณะ ช่วยชี้จุดอ่อนของท้าวชราสันต์ในการแข่งมวยปล้ำให้ภีมะดู จนภีมะเอาชนะท้าวชราสันต์ได้ ฯลฯ
1
จนกระทั่งมาถึงสงครามทุ่งกุรุเกษตร
ทุรโยธน์พี่ใหญ่ฝ่ายเการพและอรชุนไปเข้าเฝ้าพระกฤษณะด้วยความที่ทั้งคู่เป็นญาติกัน โดยที่ทุรโยธน์มาก่อน อรชุนมาทีหลังนิดหน่อย แต่พระกฤษณะยังไม่ตื่น ทุรโยธน์นั่งรอที่ข้างแท่นบรรทม อรชุนนั่งรอที่ปลายเท้า เมื่อพระกฤษณะตื่นขึ้นก็พบอรชุนก่อน จึงได้ถามว่ามาทำอะไร ทั้งสองจึงบอกว่าจะมาชวนให้เข้ากับฝ่ายของตน ในสงครามนี้ แต่ด้วยความที่พระกฤษณะพบอรชุนก่อนจึงให้อรชุนมีสิทธิ์เลือกว่า จะเลือกใครร่วมทัพ ระหว่าง พระกฤษณะคนเดียวที่ไม่จับอาวุธ กับกองทัพนารายณีเสนาอันเกียงไกรแห่งทวารกา แน่นอนอรชุนเลือกพระกฤษณะ และทุรโยธน์ก็ได้กองทัพนารายณีเสนาไปตามต้องการ
วันหนึ่งพระกฤษณะได้มาขอเจรจากับท้าวธฤตราษฎร์ให้ยุติสงครามก่อนที่มันจะเกิด แต่กลับถูกพวกเการพพูดจาไม่ดีใส่ พระกฤษณะจึงแสดงร่างวิศวรูป ที่มีเศียรนับพันๆแขนนับหมื่นๆเป็นเหล่าเทพเต็มไปหมด พร้อมกับกล่าวอีกว่า
" ในเมื่อพวกท่านสมัครใจจะรบ ไม่ให้เกียรติข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะรบกับท่าน จงเตรียมตัวไว้ให้ดีเถิด"
วันแรกของการศึก ทั้งฝ่ายปาณฑพและเการพต่างก็นำทหารเข้ามายังสมรภูมิ พระกฤษณะเป็นสารถีให้อรชุน ก็สังเกตุเห็นอรชุนไม่มีกะจิตกะใจจะรบ ด้วยฝ่ายเการพเป็นญาติ ยิ่งแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเการพคือปู่ของตนที่รักมาก ยิ่งไม่กล้าสู้เข้าไปใหญ่ พระกฤษณะจึงแสดงวิศวรูปอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวปลุกใจให้อรชุน โดยคำสอนเหล่านี้ได้ถูกบันทึกชื่อไว้ว่า "ภควัตคีตา" แปลว่า บทเพลงแห่งองค์ภควันต์(พระเป็นเจ้า)
"ถูกฆ่า เธอจักไปสู่สวรรค์
มีชัย เธอจะได้รับความพอใจในแผ่นดิน
ฉะนั้น อรชุน ลุกขึ้น ทำการยุทธ
จงถือสุขและทุกข์ว่าเท่ากัน
ได้แลเสีย ก็เท่ากัน
ชนะแลแพ้ ก็เท่ากัน"
พระกฤษณะแสดงวิศวะรูป และภควัตคีตา แก่อรชุน
เมื่ออรชุนฮึดขึ้นมา พระกฤษณะก็เป่าสังข์เริ่มสัญญาณรบ แล้วก็เปิดศึกญาติเข้าบู๊ล้างผลาญกันเป็นเวลา18วัน
ในวันที่9 ปู่ภีษมะไม่รู้ไปกินอะไรมา เกิดฟิตไล่ฆ่าทหารฝ่ายปาณฑพไปมากมายล้มตายเป็นใบไม้ร่วง พระกฤษณะตบะแตก ดึงล้อรถศึกออกมาเสกให้เป็นสุทรรศนจักรเตรียมขว้างใส่ภีษมะ ภีษมะยินดีรับความตายนี้ไว้ แต่อรชุนก็ห้ามไว้ได้ทัน จนพระกฤษณะสงบลงและกล่าวขอโทษภีษมะ ภีษมะก็ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี อยากตายก็ไม่ได้ตาย
พระกฤษณะคว้าล้อรถศึก เตรียมทุ่มใส่ภีษมะ
จนวันที่17 อรชุนเข้าปะทะกับกรรณะ และแล้วล้อรถศึกของกรรณะก็ตกหล่ม กรรณะและท้าวศัลยะลงมาช่วยกันยก แต่แทนที่พระกฤษณะจะวางเฉยตามกฎสงคราม กลับพูดขึ้นมาว่า
"ตอนนี้แหละอรชุน ได้โอกาสแล้ว"
อรชุนจึงแผลงศรอัญชลิกะตัดคอกรรณะตายไป
วันที่18 ภีมะกับทุรโยธน์ เข้าปะทะกัน แต่ร่างกายของทุรโยธน์แข็งแกร่งราวกับมีเกราะที่มองไม่เห็น ภีมะทำอะไรทุรโยธน์ไม่ได้เลย นั่นเพราะว่าในคืนวันที่17 ทุรโยธน์ได้ขอให้พระนางคานธารีมารดาตนเปิดผ้าปิดตาออกเพื่อเพิ่มพลังเกราะให้ตน มันก็เกือบจะดีแล้วละ ถ้าทุรโยธน์ไม่แก้ผ้าอาบน้ำแล้วเดินโทงๆไปหาแม่ พระกฤษณะที่เข้ามาในค่าย (เข้ามาได้เพราะตามกฎของสงครามตอนกลางคืน ไม่มีการรบ ไม่มีแบ่งฝักฝ่าย ใครจะมาก็ได้ ไปก็ได้) พระกฤษณะบอกว่า
1
"ท่านทุรโยธน์ ท่านจะเดินแก้ผ้าโทงๆแบบนี้ไปหาแม่กระนั้นรึ โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ หาอะไรมาปิดบังกันอุจาดบ้างเถิด"
"เออ จริงของท่าน"
ถ้าผมเป็นทุรโยธน์ ที่ผมจะทำคือ ไม่สนใจ หรือไม่ก็ อาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้านุ่งเสื้ออะไรไปก่อนก็ได้ พอไปหาแม่ค่อยแก้ผ้า แต่พอดีว่ามันไม่ใช่ไง
ทุรโยธน์จึงเอาใบตองมาทำเป็นผ้านุ่งเดินเข้าไปในกระโจม พระนางคานธารีเปิดตาออกมาก็ตกใจ
เพราะพลังเกราะนั้น มันเหลือที่ว่างคือช่วงเอวถึงต้นขาที่นุ่งใบตองไว้
นางคานธารีก็รู้สึกผิดหวังที่ลูกไม่ได้รับเกราะแบบเต็มร่างกาย
แต่ทุรโยธน์คิดว่าแค่นั้นก็เกินพอแล้ว ตามกฎของคฑายุทธ ห้ามตีต่ำกว่าเอว ภีมะมันคงทำไม่ได้หรอก
เมื่อเข้าปะทะกับภีมะ ก็เป็นอย่างว่าจริงๆ ทุรโยธน์ไม่สะทกสะท้านตอนถูกตีเลย การต่อสู้ครั้งนี้ พลรามที่ไม่เข้าร่วมสงครามแต่ต้น ก็ได้มาดูการต่อสู้ของศิษย์ทั้งสอง ในเวลานี้ ภีมะเหมือนก็กับไททันจู่โจม ไล่ตีไล่ทุบยังไง แผ่นหนังหนาของไททันเกราะอย่างทุนโยธน์ก็ไม่สะเทือน
แต่ไททันเกราะนั้นมีจุดอ่อนฉันใด ทุรโยธน์ก็มีจุดอ่อนฉันนั้น ในระหว่างที่สู้กันอยู่นั้น พระกฤษณะแกล้งตบต้นขา ภีมะที่ล่วงรู้จึงฉากหลบคฑาของทุรโยธน์แล้วฟาดคฑาเข้าที่ต้นขาของทุรโยธน์จนกระดูกแตกละเอียด ก่อนจะไล่ทุบจนสิ้นสภาพ
1
พลรามที่เห็นศิษย์เล่นสกปรกก็แค้น คว้าคันไถขึ้นมาเพื่อเตรียมทุ่มใส่ภีมะแต่พระกฤษณะมาห้ามไว้ ว่าหากท่านพี่อยากฆ่าใครก็ฆ่าข้าเลย การที่ภีมะทำผิดกฎนี้เพราะว่ามันเป็นคำสาบานของภีมะอยู่แล้ว ที่จะตีหน้าขาของทุรโยธน์
พลรามโมโหที่ภีมะทำผิดกฎคฑายุทธ
พลรามไม่พูดอะไร แต่ในใจก็คงจะเคืองๆอยู่
หลังจากที่จบศึก อัศวัตถามา อวตารของพระศิวะก็ลอบฆ่าทหารปาณฑพที่รอดมาทั้งหมด แต่พี่น้องปาณฑพ สาตยกี นางเทราปตี และพระกฤษณะรอดไปได้ และห้าคนที่ตาย เป็นลูกของพี่น้องปาณฑพกับพระนางเทราปตี นางแค้นมาก ทั้งหมดจึงตามล่าอัศวัตถามา เมื่อตามเจอ อัศวัตถามายิงศรพรหมเศียรใส่ทารกในครรภ์ของลูกสะใภ้อรชุน พระกฤษณะจึงเข้าต่อสู้กับอัศวัตถามาจนชนะและใช้สุทรรศนจักรตัดมณีกลางหน้าผากก่อนจะสาปให้อัศวัตถามา ต้องมีสภาพอัปลักษณ์ ตามตัวมีแต่แผลพุพอง น้ำเลือดน้ำหนองไหลย้อยตลอดเวลา และจะต้องเร่ร่อนไปจนกว่าจะจบกลียุคโดยที่ไม่มีใครจำได้เลย
2
อัศวัตถามาหายไปนับตั้งแต่วันนั้น
คาดว่าน่าจะเป็นรูป อัศวัตถามาถูกทีมไล่ล่าจับได้
หลังจบศึกพระกฤษณะพร้อมด้วยเหล่าปาณฑพเดินทางเข้านครหัสตินาปุระ พระนางคานธารี ให้อภัยทุกคนยกเว้นพระกฤษณะ เพราะนางมองว่า พระกฤษณะเป็นต้นเหตุแห่งความวิบัติ จึงได้สาปพระกฤษณะว่า สักวันราชวงศ์ยาทพจะถึงคราวล่มสลาย กรุงทวารกาจะฉิบหายวายวอด และพระกฤษณะจะต้องพบจุดจบที่น่าอนาถ พระกฤษณะยินดีรับคำสาปนั้น
หลังจากนั้นหลายสิบปี คำสาปของพระนางคานธารี ก็เริ่มทำงาน
2
ราชวงศ์ยาทพเกิดวิวาทกันเอง มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆกัน หนึ่งในนั้น สาตยกีที่เคยเข้าร่วมสงครามในฝ่ายปาณฑพที่เป็นฝ่ายธรรมะ กลับเป็นคนเริ่มทะเลาะกับ กฤตวรมัน เสียเอง
พระกฤษณะไม่อาจคุมสถานการณ์ในทวารกาได้เพราะมันเลยเถิดไปไกลแล้ว นครทวารกา กำลังเละเทะ พระกฤษณะและพลรามหมดหนทางจึงได้หนีเข้าป่าไป เพื่อหาทางสงบจิต วันหนึ่งพลรามก็นั่งสมาธิริมน้ำแล้วก็ละสังขารไป กลับคืนไปเป็นพญาอนันตนาคราชดังเดิม พระกฤษณะไร้หนทาง ไร้เรี่ยวแรง จึงล้มตัวลงนอนที่ริมน้ำ แต่ทันใดนั้นเอง มีนายพรานคนหนึ่งชื่อ จรา ไปเห็นเท้าของพระกฤษณะ แล้วไม่รู้ไปมองอีท่าไหนคิดว่าเป็นกวางจึงยิงธนูใส่ แต่พอพบว่าเป็นพระกฤษณะก็ใจหายวาบรีบเข้าไปพยายามช่วย แต่พระกฤษณะรู้ดีว่าถึงคราวของตนแล้ว จึงได้บอกว่า จราไม่ผิดดอก ชาติที่แล้ว จราคือพาลี ส่วนตน คือ พระราม ตนเคยสังหารพาลี ชาตินี้ พาลีก็มาสังหารตน ตามกฎแห่งกรรม แม้แต่เราซึ่งเป็นนารายณ์อวตาร ก็หนีไม่พ้น แล้วพระกฤษณะก็สิ้นใจตรงนั้นทันที
พระพลราม ละสังขาร คืนสู่ พญาอนันตนาคราช
การเสียชีวิตของพระกฤษณะ ชาวฮินดูเชื่อว่า เป็นการสิ้นสุดของ ทวาปรยุค และโลกก็ได้เข้าสู่กลียุค ยุคสุดท้ายแห่งโลกแล้ว (แต่ก็ยังมีความเชื่ออื่นอีกเช่น ทวาปรยุคยังไม่สิ้นสุด หรือ ทวาปรยุคสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่13ของสงครามทุ่งกุรุเกษตร ซึ่งเป็นวันที่อภิมันยุถูกรุมสังหารอย่างโหดเหี้ยมแล้ว)
1
จรายิงพระกฤษณะเพราะเข้าใจผิด
ไม่นานหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระกฤษณะ และพลราม วาสุเทพ นางโรหิณี และ นางเทวกีก็ตรอมใจตายตามไป ไม่นานนัก กรุงทวารกาก็ถูกน้ำทะเลไหลเข้าท่วมจนจมหายลับไป แต่ยังโชคดี ที่อรชุนและพรรคพวก มาช่วยเหล่าเด็กและผู้หญิงชาวยาทพไว้ได้ทันการณ์
พระกฤษณะ ก็ได้กลับคืนสู่วิมานไวกูณฐ์ เป็นพระวิษณุดังเดิม โดยมีพระแม่ลักษมีกลับขึ้นมาด้วยกัน
แต่ก็ได้ทิ้งตำนานบทใหญ่ พร้อมทั้งคำสอนอันใหญ่ยิ่งเอาไว้ จนทั่วโลกยังคงกล่าวขานพระนาม ฮเร คริชนะ มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้พนะกฤษณะก็ยังมีบทบาทในอุณรุฑด้วยครับ
กล่าวคือ อนิรุทธิ์ หลานของพระกฤษณะ ไปรักลูกสาวของอสูรพันมือนาม พณาสูร แต่พณาสูรไม่ยอมรับ อนิรุทธิ์จึงชักชวนนางหนีมาด้วยกัน เกิดเป็นปัญหาจนต้องรบกัน พระกฤษณะ พร้อมด้วย พลราม ปรัทยุมน์(กามเทพ)บุตรชายพระกฤษณะซึ่งก็คือพ่อของอนิรุทธิ์ ได้เข้าต่อสู้กับพณาสูร ที่ได้พรว่าสามารถอัญเชิญพระศิวะมาช่วยรบได้ จึงเกิดศึกมหาเทพขึ้น พระศิวะจับอาวุธเข้าปะทะกับพระกฤษณะอย่างเอาเป็นเอาตาย พลรามก็ฟาดฟันกับพระพิฆเนศ ผลคือไม่ปรากฏผู้แพ้ชนะ พระศิวะเข้าใจดีว่า ตนคือหระ พระกฤษณะคือหริ สู้กันไปก็ไม่รู้ผลหรอก จึงบอกพณาสูรว่าให้ยอมๆไปเหอะ พณาสูรก็ไม่รู้จะเถียงยังไงจึงยอมยกลูกสาวให้อนิรุทธิ์ไป
จากทั้งหมดนี้สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็น คือ พระกฤษณะแม้จะเป็นอวตารของพระวิษณุ แต่ก็ยังไม่พ้นความเป็นมนุษย์ที่มี รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตลอดชีวิตของเขา แม้จะมีการช่วยเหลือผู้คนมากมายแต่ก็ต้องแลกด้วยการใช้วิธีแอบๆโกง แต่พระกฤษณะก็สามารถหาเหตุผลมารองรับการกระทำของตนได้เสมอๆ แม้บางอย่างอาจจะดูฟังไม่ขึ้นในยุคสมัยเราก็เถอะ
อย่างไรก็ดี ในด้านดี พระกฤษณะได้รับความนับถือทั่วไปจากศาสนิกชนฮินดูทั่วโลก มีนิกายของตนเองคือ นิกายฮเร คริชนะ เผยแพร่ไปทั่วโลก คัมภีร์ภควัตคีตาเป็นคัมภีร์ที่ได้รับความนิยมเรียกได้ว่ามากกว่าพระเวทเสียอีก
สิ่งที่เราได้จากเรื่องนี้คือ ได้เห็นความฉลาดหลักแหลมของพระกฤษณะ ในการเอาชนะเหล่าศัตรู ความโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของเหล่าปาณฑพได้ในยามยาก แต่ในขณะเดียวกันความฉลาดของพระกฤษณะก็ไม่ได้เรียกว่าดีเสียทีเดียว เพราะมันออกแนวฉลาดแกมโกง มีหลายครั้ง ที่พระกฤษณะที่เป็นฝ่าย"ธรรมะ"ใช้แผนการอุบายโกงต่างๆ แหกกฎสงคราม หรืออื่นๆ เพื่อเอาชนะฝ่ายอธรรม
เวลานี้ เรากำลังศึกษาประวัติของพระกฤษณะอยู่ หากเรามองมุมกลับ เราจะพบความดำมืดที่ตามติดตัวพระกฤษณะอยู่ หากเราในยุคสมัยนี้รู้จักแยกแยะ อะไรไม่ดีก็ทิ้งไป อะไรดีก็นำมาปรับใช้และพัฒนาใหม่ให้เหมาะสมกับตน แค่นั้น มันก็เพียงพอแล้วครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ1ตอนเต็มๆ สำหรับนารายณ์อวตารปางที่8 กฤษณาวตาร เป็นอวตารปางสุดท้ายในทวาปรยุค ปางที่9ต่อไปนี้ จะเป็นปางแรกในกลียุค ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ยาวมากๆ จนผมบีบรวมกับปางอื่นไม่ได้
ก่อนจะจบไปผมขอฝาก มหามนต์ บูชา พระกฤษณะให้นะครับ สำหรับท่านใดสนใจ ในคัมภีร์ภควัตคีตา การบูชาพระกฤษณะ หรือนิกาย ฮเร คริชนะ เข้าไปตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ
हरे कृष्ण हरे कृष्ण
कृष्ण कृष्ण हरे हरे
हरे राम हरे राम
राम राम हरे हरे
ฮะเร กฤษณะ ฮะเร กฤษณะ
กฤษณะ กฤษณะ ฮะเร ฮะเร
ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ
รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร
สำหรับวันนี้ต้องขอกล่าวคำว่า
ขอบคุณ และ สวัสดี ครับ
https://www.silpa-mag.com/culture/article_7294
https://storylog.co/story/5d0c3f21cf51803e166ff381
https://storylog.co/story/5900ba2e20b928f21f4634b3
http://www.siamganesh.com/krishna.html
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3
10 บันทึก
9
4
11
10
9
4
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย