มณีรัตนะ
ไม่นานมานี้มีเหตุให้ต้องเอารถเข้าอู่ และต้องรออยู่ที่นั่นจนถึงเย็นกว่ารถจะเสร็จ บังเอิญให้มีร้านหนังสืออยู่ใกล้ๆ เลยได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านฆ่าเวลา
ท่ามกลางชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยนิยายของสาววาย นวนิยายเรื่องนี้ของรอมแพงเป็นหนึ่งในไม่กี่เล่มที่คนเขียนรู้จักนามปากกา และที่ตัดสินใจเลือกเล่มนี้มา เพราะนอกจากจะคุ้นเคยกับนามปากกานี้จาก’บุพเพสันนิวาส’ และ ‘พรหมลิขิต’ แล้ว ยังเป็นเพราะขนาดกลางๆที่ไม่หนามากจนเกินไป และราคาก็ยังเบาๆเหมาะกับการอ่านเล่นเพลินๆ
ผลงานชิ้นนี้ของรอมแพง ยังคงเป็นเรื่องราวของความรักข้ามภพข้ามกาลเวลา ซึ่งได้กลายเป็นซิกเนเจอร์หรือลายเซ็นในงานเขียนของเธอไปแล้ว
‘มณีรัตนะ’ เป็นเรื่องราวของพีรกานต์หญิงสาวในยุคปัจจุบัน ที่เมื่อประสบอุบัติเหตุจมน้ำ จิตวิญญานของเธอได้ย้อนไปผูกผันกับร่างของเด็กหญิงนวล ลูกสาวพระยาพานทองในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้เด็กหญิงนวลที่ภายหลังเติบโตเป็นสาวชาววัง กลายเป็นคนฉลาด เก่งกล้า มีความคิดล้ำหน้าแปลกไม่เหมือนใครมาตั้งแต่เด็ก นั่นเพราะเป็นความรู้สึกนึกคิดของพีรกานต์จากภพปัจจุบัน ที่เป็นวิศวกรสาวจบปริญญาโทจากเยอรมนีมาหมาดๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงข้ามภพข้ามชาตินี้เกิดขึ้นจากมณีรัตนะ หรือลูกแก้วกลมๆอันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนเช่นคัมภีร์กฤษณะกาลีใน’บุพเพสันนิวาส’ นั่นเอง
นวนิยายเรื่องนี้เป็นเสมือนเมดเลย์ของนวนิยายหลายๆเรื่องรวมกัน เนื้อหาบางบทบางตอนทำให้นึกถึงการเล่าถึงบรรยากาศในพระบรมมหาราชวังของนวนิยายเรื่อง ‘สี่แผ่นดิน’ ของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช บางบทบางตอนเกี่ยวกับความเป็นอยู่และชีวิตของสาวชาววัง ทำให้นึกถึงหนังสือ ‘ชีวิตชาววัง’ ของม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ ที่ตัวละครในหนังสือทั้งสองเล่มนี้ต่างเป็นข้าหลวงในพระตำหนักของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ฯเหมือนกัน และตัวละคร’พีรกานต์’ และ ‘คุณนวล’ ก็ชวนให้นึกถึง ‘เกศสุดา’ และ ‘การะเกด’ ใน ‘บุพเพสันนิวาส และความเก่งกล้าของเด็กหญิงนวลที่มีความคิดความอ่าน และความกล้าเกินเด็กหญิงในยุคมัดผมจุก ชวนให้นึกถึง’น้องเมย์’ หลานรักของคุณหมอปฐวี ที่มีสาวสวยที่ชื่อ ‘ตันหยง’ แฝงอยู่ในร่างใน ‘พรพรหมอลเวง’ ของกิ่งฉัตรยิ่งนัก
เทียบกับ ‘บุพเพสันนิวาส’ แล้ว อรรถรสในการอ่านเรื่องนี้ของรอมแพงอาจจะไม่สนุกเข้มข้น ชวนให้ติดตามเท่า แต่ก็ถือว่ายังคงอ่านเพลินสำหรับนักอ่านที่ชอบนวนิยายแนวพีเรียด หรือแฟนๆของรอมแพง สังเกตจากจำนวนครั้งที่พิมพ์ ที่ล่าสุดพิมพ์เป็นครั้งที่ 7 แล้ว จากที่พิมพ์เป็นครั้งแรกในปีพ.ศ.2558
ที่ชอบมากที่สุด คงเป็นเรื่องของราคา 200 บาทสมกับชื่อสำนักพิมพ์ แฮปปี้ บานาน่า ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ลังเลที่จะจ่ายหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ต่างจากหนังสือของสำนักพิมพ์อื่นๆในยุคนี้ ที่พอหยิบขึ้นมาก็ต้องวางลงเพราะไม่สู้ราคา ค่าที่มีความรู้สึกว่าแพงเกิน สวนทางกับที่โอดโอยกันเหลือเกินว่ายุคนี้คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือกันแล้ว
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
