23 ก.ค. 2021 เวลา 01:58 • ปรัชญา
"ทางโลก VS ทางธรรม"
" ... เรื่องทางโลก ก็เป็นเรื่องของการสะสม
ส่วนทางธรรม กลับเป็นเรื่องของการสละออก
ต่างกันไหม ?
สะสม กับ การสละออก
อย่างเวลาเราใช้ชีวิตทางโลก
ตั้งแต่เด็ก ทำไมเราถึงต้องพากเพียรศึกษาเล่าเรียน ?
กว่าจะเรียนจบปริญญากี่ปี ?
ศึกษาเล่าเรียน สะสมองค์ความรู้ต่าง ๆ
เพื่ออะไร ?
1
รู้ไหมเราเรียนไปเพื่ออะไร ?
ทำงาน หาเงิน ทำไมต้องหาเงิน ?
ก็ใช้ในการดำรงชีวิต
ปัจจัย ๔ ซื้อบ้าน
ถามว่า รถมือสอง รถเก่า ๆ ราคาไม่กี่แสน
กับรถหรู รถยุโรป ราคาหลายล้าน
หรือบางคนก็รถสปอร์ต รถซุปเปอร์คาร์เป็นสิบล้าน
ถามว่ามันก็วิ่งไปถึงที่ได้เหมือนกันไหม ?
แต่ทำไม ทุกคนก็อยากจะได้สิ่งที่มันหรูหรากว่า ?
ถามว่า บ้าน ต่อให้เรารวยมาก มีคฤหาสน์หลังใหญ่
บางคนไม่ได้มีหลังเดียวนะ
อาจจะมีหลายหลังด้วย
เพื่ออะไร ? มีบ้าน
เนื้อแท้จริง ๆ ของการมีบ้านคืออะไร ?
ที่คุ้มฝน ที่หลบแดด ที่นอนพัก
ถามว่าบ้านหลังใหญ่ กับบ้านหลังเล็ก
มันก็คุ้มฝน หลบแดด นอนพักได้เหมือนกันไหม ?
ต่อให้เรามีสิบหลัง
เราก็ได้นอน ได้ทีละที่ไหม ?
แต่ทำไมเราถึงต้องดิ้นรน
ให้มันหรูหรามากมาย
ทางโลก เป็นเรื่องของการสะสมใช่ไหม ?
สะสมไปทำไม ?
ก็เราเข้าใจว่า
ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้ เราจะมีความสุข
ใช่หรือไม่ ?
ยุคนี้คนเลยให้คุณค่ากับเรื่องของทรัพย์สมบัติ
ก็เข้าใจกันว่า ถ้าเราทำงาน
มีฐานะการเงินที่มั่งคั่ง รวย
มีบ้าน มีรถ มีครอบครัว
มีทุกอย่างเพียบพร้อม
ชีวิตเราน่าจะดี มีความสุขใช่ไหม ?
บางคนมีเงินมาก เป็นพันล้าน หมื่นล้าน
ถามว่าความสุขอยู่ที่ไหน
บางคนเข้าใจว่า
ความสุขอยู่ที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
เข้าใจว่า
ถ้ามันมีมาก ก็จะมีความสุข
บางคนมากจนไม่รู้เลยว่ามีเท่าไร ?
มันมากเกิน
อย่างนั้นหรือเปล่า
ความสุขอยู่ที่ตัวเลขในบัญชีธนาคารหรือเปล่า ?
บางคนก็ทำงาน
วุ่นวายกับธุรกิจต่าง ๆ
สะสมเงินให้มาก ๆ
เพราะเข้าใจว่า ถ้ารวย มีเงินมาก
จะมีความสุข
บางคนทำงานทั้งชีวิตเลย
คิดว่าจะไปสบายตอนแก่
ถามว่า เราต้องรอแก่แล้ว
ถึงจะสบายหรือเปล่า ?
ถามว่า เราต้องมีเงินมาก รวย
เราถึงจะมีความสุขหรือเปล่า ?
เราต้องรอแบบนั้นหรือเปล่า ?
หรือว่าเราสามารถสบาย
มีความสุขได้ในปัจจุบัน
ต้องรอรวยไหม ถึงจะมีความสุข ?
เห็นความแตกต่างไหม ?
แต่ความไม่รู้ไง
เราเสียค่าของความไม่รู้ไปเท่าไหร่
ความไม่รู้
บางทีมันเหมือนเส้นผมบังภูเขา
แต่ก็มันไม่รู้ ...
ลองทบทวนตัวเองดู
เราเคยมีช่วงเวลาที่ความไม่รู้
มานานสักเท่าไหร่ ?
มีใครไม่จากโลกนี้ไปบ้าง ?
ไม่มี
สุดท้ายก็ต้องจากโลกนี้ไป
แล้วสะสมไปให้ใคร ?
แต่ทางธรรมกลับเป็นเรื่องของการสละออก
เราให้ทานเพื่ออะไร ?
เพื่อรวย เพื่อไปสวรรค์หรือเปล่า ?
ให้ทานเพื่ออะไร รู้ไหม ?
เพื่อสละ ละความตระหนี่
ละความถี่เหนียว
ละมลทินในจิตใจ
เรารักษาศีลไปเพื่ออะไร ?
ละความโกรธ
ละการเบียดเบียน
ละการจองเวร
เมื่อความตระหนี่ก็ดี ความโลภก็ดี
ความโกรธก็ดี การเบียดเบียนก็ดี
มันเบาบางลงไป
ใจเราสบายไหม ?
มันไม่รุ่มร้อน มันไม่วุ่นวาย
เราภาวนาไปเพื่ออะไร ?
ละความหลง
ละการยึดมั่นถือมั่น
เพราะฉะนั้น
ทางธรรมเป็นเรื่องของการสละออก ... "
.
ธรรมบรรยายโดย
พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา