17 ก.ค. 2021 เวลา 14:36 • ท่องเที่ยว
มัณฑะเลย์ (09) .. อาทิตย์อัสดง สวยเหมือนห้วงฝัน ที่ สะพานอูเบ็ง (U Bein’s Bridge)
เราเดินทางด้วยรถเหมามาถึงบริเวณสะพานอูเบ็งในช่วงเวลาบ่าย แสงแดดยังแรง ความร้อนยังคงยื้อเราไว้ไม่ให้ออกไปเดินบนสะพานในเวลานี้ …
ทางเดินไม้เข้าสู่สะพาน .. มีวัดและต้นงิ้วที่มีดอกเต็มต้นเป็นฉากหลังที่สวยงา
ฉันกับเพื่อนจึงเลือกที่จะไปนั่งเก้าอี้หวายทานอาหารเบาๆกันที่ร้านริมทะเลสาบที่มองดูแล้วเหมือนกับร้านแถวริมทะเลในเมืองไทย
เรือสีสันสดใส คล้ายเรือกอนโดล่าขนาดเล็กเรียงรายอยู่ริมฝั่ง รอนักท่องเที่ยวที่จะออกไปชมวิวทิวทัศน์ในทะเลสาบ
เราทานอาหารประเภท กุ้งและปลาสดๆจากทะเลสาบ ทอดกรอบๆจิ้มน้ำจิ้มรสจัดจ้านอรอยๆ รวมถึงคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ
ขณะที่บางครั้งฉันส่งสายตาออกไปมองภาพฝูงเป็ดที่ชาวบ้านแถบนี้เลี้ยงเอาไว้ว่ายน้ำตามกันไปมาเป็นแถวเป็นแนว … ภาพเด็กๆเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน … ภาพเณรน้อยวิ่งริมขอบทะเลสาบ … เหล่านี้เป็นภาพชีวิตที่น่าประทับใจมากมายในวันสบายๆ
นักท่องเที่ยวชาวพม่าดูเหมือนจะชอบนั่งเรือลำน้อย ล่องลอยช้าๆออกไปสู่ความเวิ้งว้างของผืนน้ำ ขณะที่บางครั้งก็ยื่นมือออกไปหยอกล้อกับฝูงเป็ดของชาวบ้านที่เดินหรือว่ายน้ำช้าๆ ตาจ้องมองปลาเล็กๆ แล้วจับเข้าปากเป็นอาหารมื้ออร่อย ..
ชีวิตที่นี่เหมือนนาฬิกาจะจงใจเดินช้าๆ ให้เราได้ส่งสายตาไปอิ่มเอมกับบรรยากาศสบายๆรอบตัวได้ไม่เบื่อ
แสงแดดเริ่มอ่อนลง … ได้เวลาออกเดินสำรวจ และถ่ายภาพวิถีชีวิตผู้คนที่รื่นไหลเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้วค่ะ
สะพานอูเบ็ง อยู่ในเขตของเมืองอมรปุระ … ได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร ตัวสะพานสร้างด้วยไม้สักซุงท่อนใหญ่ที่รื้อมาจากวังของพระเจ้ามินดุง ช่วงที่มีการย้ายเมืองหลวงจาก อมรปุระ สู่ มัณฑะเลย์ …
ตามข้อมูลชี้ว่าใช้ท่อนซุงขนาดใหญ่นี้ถึง 1,208 ต้น ปูพื้นสะพานด้วยไม้ นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอังวะหลงเหลือในปัจจุบันน้อยมาก ทั้งๆที่เคยเป็นราชธานีที่ยิ่งใหญ่มาก่อน
สะพานแห่งนี้ได้ทอดตัวให้ผู้คนเดินผ่านไปมา จากปลายทะเลสาบตองตะมาน (Taungthaman Lake) มุ่งตรงสู่เจดีย์เจ๊าต่อจี ณ อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ มาแล้วเป็นเวลานานกว่า 200 ปีแล้ว โดยพระเจ้าปดุงโปรดฯให้ขุนนางนาม “อูเบ็ง” เป็นแม่กองงานสร้างสะพานแห่งนี้
… เมื่อแรกเห็น ทำให้ฉันคิดถึงสะพานแห่งศรัทธาที่สังขละบุรีเลยค่ะ แต่ขนาดและความยาวของสองสะพานนี้แตกต่างกันมากมาย
ฉันเดินช้าๆไปบนสะพาน หยุดถ่ายภาพดอกงิ้วสีสวยที่กำลังเบ่งบานบนต้นจากปลายสะพานด้านหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินต่อไป …
ชาวบ้าน พระสงฆ์ นักท่องเที่ยว จักรยาน ผู้คนจากหลายสถานที่มาเดินบนสะพานเดียวกัน แม้จะต่างวัตถุประสงค์ แต่มีช่วงเวลาเดียวกันที่ได้ทอดอารมณ์บนสะพานแห่งนี้
“พี่จะเดินไปจนสุดทางอีกด้านไม๊คะ? อ่านตามหนังสือบอกว่า จะมีหมู่บ้าน มีวัดให้เดินชม” เพื่อนร่วมทางของฉันเอ่ยถาม
“วันนี้คงเดินไปไม่ทันได้กลับมาดูพระอาทิตย์อัสดง รวมถึงคงไม่มีเวลาพอที่จะไปนั่งเกวียนชมเมืองฝั่งโน้น” ฉันตอบเธอไปเช่นนั้น
ฉันอ่านหนังสือมาบ้างก่อนจะเดินทางมาที่นี่ รู้ว่าอีกด้านหนึ่งของสะพานมีสถานที่ ที่น่าไปเยือนหลายแห่ง มีเกวียนเทียมวัวสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปชมเมือง ... รวมถึงสถูปโยเดีย .. สถูปที่หลายคนเชื่อว่าบรรจุอัฐิของพระเจ้าอุทุมพร ซึ่งถูกนำตัวมาที่พม่าเมื่อครั้งเสียกรุง
ฉันคาดคะเนดูแล้วว่าการรอชมพระอาทิตย์ลับฟ้าที่นี่น่าจะเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้และดีกว่า อีกทั้งระยะทาง 1.2 กิโลเมตรก็ใช่น้อยที่จะทำเวลาในการเดินกลับไปมา
ฉันเดินเรื่อยๆไปตามความยาวของสะพาน นึกทึ่งกับฟอร์มของต้นไม้ประหลาดที่ยืนต้นโดดเดี่ยวบนพื้นที่ที่ฉันคิดว่าอาจจะเป็นสวนผักของชาวบ้านที่นี่ แต่เพิ่มความน่าสนใจให้กับวิวตรงหน้า … ฉันจึงยกกล้องส่องตรงไปที่นั่น แล้วกดชัตเตอร์
ภาพผู้คนหลากหลายวัย ต่างสถานะ ทั้งพระสงฆ์ นักเรียน พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยว ทำให้สะพานแห่งนี้รื่นไหลมีชีวิต … ภาพวิถีของเมืองที่สวยด้วยฉากหลังของวัดที่เห็นอยู่ไกลๆ
เจดีย์ทอง ณ อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ … พม่า ดินแดนแห่งเจดีย์ทอง ฉันนึกถึงค่ำคืนแรกบนรถโดยสารมุ่งหน้าไปพุกาม เพื่อนร่วมทางปลุกให้ฉันตื่นขึ้นกลางดึก
“พี่ๆ ดูนั่นซิ เจดีย์สีทอง สวยมากๆ” เธอบอกว่า ต้องปลุกเพราะอยากให้มาชื่นชมด้วยกัน … ฉันนึกขอบใจที่เธอปลุกฉันให้มาเห็นเจดีย์สูงใหญ่ประดับไฟงดงามส่งให้ตัวเจดีย์ดูเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีไฟราวของถนนระหว่างเมืองเป็นเหมือนสายสร้อยระย้า โยงใยส่งให้เจดีย์งามเด่น เฉกเช่นสวรรค์ที่คนพม่ามุ่งหน้าไปสู่ … ฉันคิดว่า น่าจะเป็นมหาเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ (Shwemawdaw Pagoda)แห่งเมืองพะโค หรือหงสาวดี
ณ เวลานี้ ฉันกลับมีคำถาม … เจดีย์ทองในพม่ามีทั้งหมดเท่าไหร่? ใครสามารถประมาณได้ ช่วยบอกที…
ศิลปะแบบชาวบ้าน … สวยงามมากมายในสายตาฉัน ราคาไม่แพง วางขายโดยมีศิลปินเจ้าของผลงานกำลังทำงานอยู่ในสาลาไม้กลางสะพาน
แต่ฉันไม่ได้ซื้อ ด้วยเหตุผลสองประการ เหตุผลแรก เพราะที่บ้านมีภาพวาดอยู่แล้วมากมาย จนไม่มีที่จะแขวน และอีกเหตุผลหนี่ง ฉันไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักมากกว่าที่เป้มีอยู่แล้วบนบ่าของหญิงสูงวัยคนนี้ได้อีก แม้ใจจะยังไหว แต่ร่างกายเริ่มโอดโอย
นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกใช้บริการเรือกอนโดล่า (แบบพม่า) ออกไปซึมซับบรรยากาศยามเย็นกลางสายน้ำ … ขณะที่อีกหลายคนยังปักหลักบนสะพาน รอคอย สิ่งที่กำลังจะผ่านมา แล้วเลือนหายไปเหมือนภาพฝัน … การรอคอยที่น่ารื่นรมย์ และเปี่ยมความคาดหวัง
“พี่อยากเก็บภาพพระอาทิตย์ ลอยอยู่เหนือสะพานไม๊? หากเราลอยเรือจะถ่ายภาพได้” เพื่อนร่วมทางถามฉัน
ฉันตอบปฏิเสธ ด้วยราคาค่าโดยสารเรือไม่ถูกเลย และเลือกที่จะรอต่อไป … ตอนนี้แสงอาทิตย์เริ่มจะมลังมเลืองด้วยสีส้มอมชมพูที่ดูเหมือนจะเสกเวิ้งน้ำตรงหน้าให้อยู่ในบรรยากาศที่น่าพิศวงด้วยมนต์ของแสงสี
การรอคอยของเราได้ผลคุ้มค่าค่ะ … อาทิตย์อัสดงที่สะพานอูเบงสวยงาม สีเหลืองทอง แดงส้ม ข่มให้สิ่งอื่นๆมืดคล้ำใกล้สีดำ
แต่ขับแสงของดวงสุริยันยามจะจูบลาโลกนั้นงดงาม น่าหลงใหลอย่างประหลาด จนฉันไม่พลาดที่จะหยุดเวลา และเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในกล้องคู่ใจ
“เฮ้ … คิมๆๆๆๆๆ” ฉันร้องเรียกสองสามีภรรยาชาวเกาหลีที่เดินทางมาพร้อมกับเราจากพุกาม
“มาถึงนี่ได้ยังไง … เหมารถมาเหรอ” ฉันถาม … แล้วเธอก็เล่าให้ฟังว่า ทั้งสองนั่งรถเมล์มาจากมัณฑะเลย์ แต่เธอไม่ประทับใจเพราะ ต้องจ่ายค่ารถเมล์ 2,000 จั๊ด ในขณะที่คนพม่าเองเสียแค่ 200 จั๊ดเท่านั้นเอง สองคนก็ต้องจ่ายสี่พันจั๊ดแล้ว … ฉันเลยชวนให้ทั้งคู่กลับเข้าเมืองกับเราด้วยรถที่ฉันเหมามาแล้วทั้งวัน
เมื่อกลับมาถึงที่พัก ทั้งสองคนเลยชวนทานไอศกรีมแสนอร่อยที่ Nylon Ice Cream เป็นการตอบแทน … บางครั้งมิตรภาพตามรายทาง จากคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย ก็ดูจะสร้างความประทับใจได้มากมายกว่าคนที่ใกล้แค่คืบ แต่ห่างกันดังขุนเขามาปิดกั้นเอาไว้
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา