Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สองหมีขยี้หนัง
•
ติดตาม
17 ก.ค. 2021 เวลา 17:04 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
October Sonata / รักที่รอคอย
หยิบเอา October Sonata / รักที่รอคอย มาดูอีกครั้งบน Netflix หลังจากที่ได้ดูในโรงไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่ไม่เคยเขียนบทวิจารณ์มาก่อน หนังดีก็คือหนังดีไม่ว่าจะผ่านกาลเวลามานานแค่ไหนก็ตามครับ
หนังเล่าเรื่องราวความรักสามเส้าของ แสงจันทร์ หญิงสาวชนชั้นแรงงานที่ได้มาพบและรู้จักกับ ระวี ชายหนุ่มหัวก้าวหน้าผู้มีการศึกษา ในวันงานศพของ มิตร ชัยบัญชา กับอีกหนึ่งหนุ่มที่ชื่อ ลิ้ม ชาวจีนอพยพที่มาสร้างเนื้อสร้างตัวในเมืองไทยและได้รู้จักกับ แสงจันทร์ ในโรงเรียนภาคค่ำแห่งหนึ่ง โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นอยู่ในช่วงปี พศ 2513 - พศ 2527 ครับ
*** เตือนก่อนนะครับว่า บทความนี้เปิดเผยเนื้อหา เรื่องราว ตลอดจนบทสรุปของหนัง ***
เป็นหนังที่มีความละเมียดละไมในการเล่าเรื่องราวมากๆเรื่องนึงเลยครับ ภาพสวย แสงสวย เพลงไพเราะ หนังเดินเรื่องไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยใช้เหตุการณ์ทางการเมืองใหญ่ๆในยุคนั้นเป็นตัวบอกเวลา อันได้แก่ 14 ตุลาฯ 2516 , 6 ตุลาฯ 2519 และการออกคำสั่งที่ 66/2523 ในยุคป๋าเปรม เป็นนายกฯ
นอกจากประเด็นเรื่องของความรักแล้วก็ยังเด่นชัดไปด้วยปมและประเด็นทางการเมือง โดยหนังสะท้อนสภาพทางการเมืองในยุคนั้นผ่านความคิดอ่านของตัวละครหลักทั้งสองได้อย่างคมคาย มีการพูดถึงการปกครอง ความไม่เท่าเทียมกัน ชนชั้น การลุกฮือของฝูงชน ตลอดไปจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังความไม่สงบในบ้านเมืองยุติลงว่ามีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับผู้คนและสังคมบ้าง
ในส่วนของความรัก หนังใช้ สงครามชีวิต ของ ศรีบูรพา อันเป็นวรรณกรรมคลาสสิคเล่มหนึ่งของวงการวรรณกรรมไทยมาเป็นหมุดหมายในการเดินเรื่องในมุมความรักความสัมพันธ์ของตัวละคร แสงจันทร์ และ ระวี
หากคุณเป็น แสงจันทร์ ที่ตกอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชายสองคน คุณจะทำอย่างไร คุณจะเลือกใคร เมื่อคนหนึ่งก็เป็นคนในอุดมคติที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขเพราะนี่คือความฝันที่กลายเป็นความจริง แต่ก็เฉกเช่นเดียวกันกับความฝันที่พอตื่นขึ้นมามันก็หายไป เพราะระวีถูกกระแสลมทางการเมืองพัดพาให้เขาต้องจากเธอไปไกลแสนและนานแสนนาน ราวกับ ระวี ที่แปลว่า ดวงอาทิตย์ ที่ถึงจะอยู่บนฟ้าเดียวกัน แต่ก็ห่างไกลจาก แสงจันทร์ แบบคนละขอบฟ้าชนิดที่ไม่มีวันที่จะได้พบกัน
ในขณะที่อีกคนนึงที่อาจจะไม่ใช่และไม่ได้เป็นในทุกสิ่งที่เธอคาดหวัง แต่ ลิ้ม ก็เป็นตัวแทนของความเป็นจริงของชีวิต เธออาจจะไม่ได้รักเขาอย่างที่รักระวี แต่ลิ้มคือตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุดในเรื่อง มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลง มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก มีความตั้งมั่นที่จะมีชีวิตไปตามครรลองของสังคมด้วยการสร้างเนื้อสร้างตัว แต่งงาน มีลูก มีกิจการ ฯลฯ
ความรักเป็นเรื่องของความเพ้อฝัน เหมือนกับนิยายที่เราอ่าน เหมือนกันหนังที่เราดู ใครที่คิดแต่จะรักโดยไม่ดูความเป็นจริงก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จในความรัก แสงจันทร์เป็นคนที่ศรัทธาในความรักแบบเพ้อฝัน เธอได้ฟังระวีอ่านเรื่องราวในนิยาย สงครามชีวิต แล้วก็หลงเพ้อละเมอถึงความรักอันสวยงาม โดยที่เธอไม่รู้และไม่สนใจเลยว่าตอนจบของวรรณกรรมเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร
ปมและประเด็นทางการเมืองที่ซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องราวความรักสามเส้าของตัวละครทั้ง 3 ตัวนี้ก็คือ นักศึกษาและปัญญาชนก็ต้องการสังคมในอุดมคติที่ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ ในขณะที่ชนชั้นปกครองก็ยึดติดกับอำนาจที่ส่งต่อกันมาเป็นทอดๆและต้องการรักษาอำนาจนั้นไว้ต่อไปอีกนานๆ (นี่สาบานเลยว่าฉันกำลังพูดถึงการเมืองไทยในยุค 2510 - 2520 อยู่จริงๆนะครับ)
คนเรามีความฝันได้นะ เรามีสิทธิ์ที่จะลุกขึ้นไขว่คว้าทำความฝันนั้นให้เป็นความจริงได้ แต่เราต้องไม่ลืมและพึงระลึกอยู่เสมอว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าอุดมคติกับความเป็นจริงมันมักจะสวนทางกันอยู่เสมอ และในความสัมพันธ์ของตัวละครทั้ง 3 ตัว นี้เอง มันก็แฝงไว้ด้วยการปะทะกันระหว่างอุดมการณ์ที่ต่างกันไปด้วย
ระวีและแสงจันทร์ คือตัวแทนของอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายที่กำลังเติบโตขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาวในยุคนั้นที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมและการปกครองที่เค้าเชื่อว่าไอ้ที่เป็นอยู่มันไม่ดี แล้วแผ่นดินแม่ก็มองว่าคนอย่างทั้งคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกอกตัญญูที่ไม่รู้จักบุญคุณ อุดมการณ์ที่ว่านี้ก็เป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ทั้งคู่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ทั้งคู่ต้องห่างไกลกันไปด้วย
ลิ้ม เองก็คือตัวแทนของชนชั้นคหบดีชาวจีนที่มาสร้างเนื้อสร้างตัวในแผ่นดินไทย ที่เมื่อได้ดิบได้ดีแล้วก็พยายามทำตัวเป็นลูกที่ดีให้กับแผ่นดินแม่แห่งใหม่ โดยมองว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่นั้นมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าจะไปเปลี่ยนแปลงมันทำไมกัน แล้วแผ่นดินแม่ก็มองว่าอย่างนี้แหล่ะคือลูกที่ดีของแผ่นดิน
ในที่สุดแล้วราคาของอุดมการณ์ที่ทั้ง แสงจันทร์ ระวี และ ลิ้ม ต้องจ่ายให้กับความเชื่อของตัวเองนั้นมันก็แพงเหลือเกิน เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเรื่องราวของทั้ง 3 ตัวละครนี้สิ้นสุดลงในปลายทศวรรษที่ 2520 ระวีและแสงจันทร์ ก็กลายเป็นผู้แพ้ แม้สุดท้ายแล้วระวีจะจากไป แต่การพบกันของทั้งคู่ก็ทำให้ แสงจันทร์ นั้นได้เปลี่ยนไปตลอดกาล จากชนชั้นแรงงานผู้ไม่รู้หนังสือ กลายมาเป็นนักคิดนักเขียนที่ยืนอยู่ข้างชนชั้นกรรมาชีพที่จับปากกามาเป็นอาวุธในการต่อสู้ในอุดมการณ์ที่พ่ายแพ้แต่เธอไม่ได้ยอมแพ้ไปด้วย ในขณะที่ ลิ้ม ที่อาจจะพ่ายแพ้ในเรื่องของความรัก แต่ในฐานะที่เป็นพ่อค้าเป็นคหบดีนั้นก็เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นกับสถานการณ์จนสามารถเอาตัวรอดและดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมั่นคงและเป็นปกติสุขที่สุด
การยอมรับความจริงว่า Nothing is perfect นั้นมันยาก เพราะมันทั้งเจ็บปวดและทรมาน แต่ในฐานะของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา เราก็ทำได้แค่เพียงยอมรับในความไม่สมบูรณ์ของทุกสรรพสิ่ง และใช้ชีวิตอยู่กับมันไปให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะยากเย็นและใช้เวลานานเท่าไรก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่ถูกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นก็คือตกลงว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังการเมืองที่สอดแทรกความรัก หรือมันเป็นหนังรักที่สอดแทรกประเด็นทางการเมืองกันแน่ ก็ลองไปดูกันนะ แล้วหาคำตอบกันเอาเองนะครับ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย