18 ก.ค. 2021 เวลา 05:58
ᕦผู้ประกาศข่าวᕤ...ความฝันของเด็กธรรมดาคนหนึ่ง
“เดือนเมษายนปี 2005 ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของมหาวิทยาลัย ผมยังจำวันนั้นได้ดี วันที่ผมตื่นแต่เช้า ใส่ชุดนักศึกษา นั่งรถจากทับแก้ว(มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม) ไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก ในมือถือใบสมัครที่เขียนบรรจงมาอย่างดี พร้อมความมุ่งมั่นว่า วันนี้แหละผมจะไปสมัครเรียนปริญญาตรีอีก 1 ใบ ของคณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง”
ขั้นตอนการสมัครเรียนเป็นไปตามปกติ เริ่มจากการยื่นเอกสารสำคัญต่างๆ ลงทะเบียนเรียนวิชาพื้นฐาน ไปจนถึงการชำระเงินค่าหน่วยกิตในภาคเรียนแรก แต่ในระหว่างการสมัครนั้น มีหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ นั่นคือการสัมภาษณ์สั้นๆ จากเจ้าหน้าที่ ซึ่งคำถามที่ผมถูกถามก็คือ “ทำไมถึงอยากเรียนสื่อสารมวลชน” เด็กอายุ 19 ตัวผอมแห้ง ผมยาว ตอบไปทันทีเลยว่า “ผมอยากเป็นผู้ประกาศข่าวครับ” เจ้าหน้าที่ยิ้มและขำออกมาด้วยความเอ็นดู และตอบว่า “พูดจาให้มันเข้มแข็ง ฟิตหุ่นให้ตัวใหญ่แข็งแรงหน่อยนะ เรียบร้อยครับ เชิญครับ” ผมยิ้ม ขานตอบ แล้วจึงเดินออกจากห้องสัมภาษณ์
ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หรือไม่มันก็อาจจะเป็นความเคยชินไปแล้วตั้งแต่เด็ก ที่คนอื่นมักจะหัวเราะเสมอ เวลาที่ผมบอกว่า “โตขึ้นผมอยากเป็นผู้ประกาศข่าว” เด็กต่างจังหวัดธรรมดาๆ คนหนึ่ง ฝันอยากจะไปนั่งรายงานข่าวให้คนทั้งประเทศดูในโทรทัศน์นั้น มันช่างเป็นฝันที่ไกลเกินเอื้อมเสียจริงๆ นั่นแหละ
แม้งานในฝันจะห่างไกลจากความเป็นจริงมาก แต่ผมก็เลือกที่จะเดินตามฝันต่อไป ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ เข้าสอบทุกวิชา สะสมหน่อยกิตมาเรื่อยๆ ในระหว่างนั้น ผมก็มองหาโอกาสต่างๆ ที่ผมจะได้พัฒนาการพูด บุคลิกภาพ เช่น สมัครชมรม MC / DJ ของมหาวิทยาลัยศิลปากร เข้าร่วมโครงการ M-150 DJ Creative โครงการที่ทำให้ผมได้เจอกับรุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง หลายคนที่มีทักษะการพูดยอดเยี่ยม จนในที่สุดผมในวัย 20 ปี ก็สามารถสอบได้ “ใบผู้ประกาศ จากกรมประชาสัมพันธ์” ในโครงการนี้ และจบการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชน ในปี 2008 โดยใช้เวลาในการเรียนทั้งหมด 3 ปีครึ่ง
หลังจากเรียนจบ ผมก็เริ่มเดินทางออกตามหาความฝันที่ไกลเกินเอื้อมนี้ ด้วยโปรไฟล์ทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิต แถมพ่วงมาด้วยชื่อเสียงจากการเป็นนักร้องวัยรุ่นในสังกัด GMM ด้วย / ถึงตรงนี้หลายคนคงคิดในใจแล้วว่า การสมัครผู้ประกาศข่าวของผมคงจะไปได้สวย ผ่านฉลุย ใช่ไหมครับ? แต่เปล่าเลย ชีวิตผมไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆ หรอกครับ กลับกลายเป็นว่า ผมเป็นผู้สมัครที่ค่อนข้างตัวเล็ก ไว้ผมยาว ดูหน้าเด็ก เสียงไม่ก้องกังวาน และยังเคยเป็นนักร้องวัยรุ่นมาก่อนอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอาจทำให้ผมขาด “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากของการเป็นผู้ประกาศข่าว ผมจึงต้องผิดหวัง เสียใจ ท้อแท้ อยู่หลายครั้ง เหมือนความฝันนี้มันวิ่งหนีผมไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะปรับปรุงตนเอง และเดินหน้าสู้ต่อไป / ลองมาดูเส้นทางการสมัครผู้ประกาศข่าวของผมด้านล่างนี้กันครับ
(ครั้งที่ 1) โครงการสรรหาผู้ประกาศข่าวช่อง 7 : ไม่ผ่านตั้งแต่รอบแรก
(ครั้งที่ 2) โครงการผู้ประกาศข่าวช่อง 5 : เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก
(ครั้งที่ 3) โครงการผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ช่อง 9 อสมท ปี1 : เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก
(ครั้งที่ 4) โครงการผู้ประกาศข่าวช่อง Thai PBS : ไม่ผ่านตั้งแต่รอบแรก
(ครั้งที่ 5) โครงการผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ช่อง 9 อสมท ปี2 : “ผ่านการคัดเลือก!!!” (โดยในปีนั้นมีผู้สมัครหลักพันคนจากทั่วประเทศ แต่รับเพียงแค่ 6 คน ซึ่งผมเป็นหนึ่งในนั้น)
ในวันที่ทราบผลการคัดเลือก ความผิดหวัง ความเสียใจ น้ำตาแห่งความเสียใจ ทุกอย่างพลันหายไป กลายเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเข้ามาแทน ความฝันของเด็กธรรมดาคนหนึ่งได้ถูกเติมเต็มแล้ว ความพยายามที่ผ่านมาในชีวิตของผมทั้งหมดไม่สูญเปล่าอีกต่อไป คงจะเหมือนคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ท่ามกลางความยากลำบาก จะมีโอกาสรอคอยอยู่เสมอ”
แม้ในวันนี้...ผมไม่ได้ทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวแล้ว แต่ทุกครั้งที่มองย้อนกลับไป ผมก็มักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีในฐานะผู้ประกาศข่าว ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ประกาศข่าวที่โด่งดังที่สุด ค่าตัวแพงที่สุด มีแฟนข่าวมากที่สุดในประเทศ แต่ผมก็มีความสุข เพราะผมไม่ได้ฝันที่จะเป็น “ผู้ประกาศข่าวที่โด่งดังที่สุด” แต่ผมฝันที่จะเป็น “ผู้ประกาศข่าวที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้” และที่ผ่านมา ผมก็ทำมันได้อย่างดีที่สุดแล้ว...
ผมเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ยังมีความฝันในวัยเด็กอะไรอีกไหม ที่ผมยังทำไม่ได้ ?” คำตอบจากหัวใจมันก็จะตอบผมกลับมาทันทีว่า “ไม่มีอีกแล้ว...ความฝันของเด็กธรรมดาคนนั้น มันเป็นจริงทั้งหมดแล้ว”
บทความโดย : แมกซ์ รณภพ รากะรินทร์
โฆษณา