19 ก.ค. 2021 เวลา 08:36 • ประวัติศาสตร์
พวกเขาเป็นใครกันแน่!? เผย 5 อารยธรรมแห่งโลกโบราณที่ลึกลับที่สุดในโลก
1.ชาวทะเล (The Sea People)
3
ในยุคอียิปต์โบราณเมื่อราว 1,200 – 900 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีบันทึกเกี่ยวกับชาวทะเล (The Sea People) กลุ่มกองกำลังทางเรือที่ได้ทำการโจมตีเมืองชาวฝั่งของประเทศอียิปต์ และอีกหลาย ๆ พื้นที่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
1
ไม่มีใครทราบความเป็นมาที่แน่ชัดของชาวทะเล แต่เชื่อกันว่าพวกเขาน่าจะมีแหล่งที่อยู่แถบเอเชียไมเนอร์ ทะเลอีเจียน หมู่เกาะในทะเลเมดิเตอเรเนียน และยุโรปทางตอนใต้
1
หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ยืนยันถึงการมีตัวตนของชาวทะเลคือภาพแกะสลัก ‘ยุทธนาวีที่เดลต้า’ ระหว่างฟาโรห์ราเมซิสที่ 3 และกลุ่มชาวทะเลผู้รุกราน ซึ่งสุดท้ายเป็นฝ่ายอียิปต์โบราณของฟาโรห์ราเมซิสที่ 3 ที่สามารถขับไล่กองทัพผู้รุกรานกลับออกไปได้
4
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับชาวทะเลในสายตานักประวัติศาสตร์สมัยใหม่นั้นยังมีน้อยเกินไป และได้มีการตั้งสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับชาวทะเล บ้างก็ว่าพวกเขาคือกลุ่มชนเผ่าอีเจี้ยนหลายเผ่าที่มารวมตัวกัน พวกทหารหนีทัพจากยุโรปกลาง หรืออาจเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
1
2.ชาวปุนท์ (The land of Punt)
ชาวอียิปต์โบราณได้เคยพูดถึงอารยธรรมโบราณ ที่เป็นคู่ค้ารายสำคัญของตนอย่างชาวปุนท์ (Punt) โดยมีหลักฐานว่าชาวอียิปต์ได้ติดต่อค้าขายกับชาวปุนท์มาตั้งแต่ 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล ในยุคสมัยของฟาโรห์ซาฮูเร และพบหลักฐานการติดต่อกับชาวปุนท์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล นั่นหมายความว่าชาวอียิปต์โบราณได้ติดต่อกับชาวปุนท์มานานกว่า 1,300 ปี เลยทีเดียว
2
ตามคำบอกเล่าของชาวอียิปต์โบราณ ได้ระบุว่าดินแดนปุนท์นั้นอุดมไปด้วยเครื่องหอมและกำยาน รวมไปถึงมะเกลือ งาช้าง ทองคำ หนังสือดาว และลิงบาบูน โดยชาวอียิปต์โบราณได้แกะสลักสภาพบ้านเมืองของชาวปุนท์เอาไว้ว่าเป็นอย่างไร แต่ประเด็นก็คือ พวกเขาไม่ได้บอกว่าดินแดนของชาวปุนท์นั้นตั้งอยู่แห่งหนตำบลใดบนพื้นผิวโลก
2
ในตอนแรกหลายคนคิดว่าดินแดนของชาวปุนท์น่าจะตั้งอยู่ ณ ที่ไหนสักแห่งแถบตะวันออกกลาง นักอียิปต์วิทยาได้นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ถึงตำแหน่งที่ตั้งของชาวปุนท์ จนพบว่าดินแดนของชาวปุนท์น่าจะอยู่ ณ ตรงจุดไหนสักแห่งบริเวณ ‘จะงอยแอฟริกา’ (Horn of Africa) โดยคาดว่าอารยธรรมปริศนานี้น่าจะซ่อนตัวอยู่ในประเทศ เอธิโอเปีย ซูดาน โซมาเลียหรือเอริเทรียที่ใดที่หนึ่งอย่างแน่นอน
2
3.อารยธรรมนอร์เตซีโก (The Norte Chico Civilization)
อารยธรรมการัล-ซูเป หรืออารยธรรมนอร์เตซีโก คืออารยธรรมโบราณก่อนยุคโคลัมบัส โดยอารยธรรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา 4 แห่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเปรูเมื่อราว 6,000 ปีก่อน ชาวนอร์เตซีโกได้สร้างสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่บนหุบเขา โดยสถาที่เหล่านี้ล้วนถูกสร้างเพื่อการทำพิธีกรรมบางอย่าง
1
แต่ละไซต์ของสิ่งปลูกสร้างโบราณมีขนาดใหญ่ บางส่วนถูกสร้างเป็นเนินมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างด้วยกำแพงกันดินสูงราว 2-3 เมตร ที่ด้านบนของเนินดินส่วนใหญ่มีกำแพงล้อมรอบที่ถูกจัดให้เป็นรูปตัวยู
1
ภายหลังอารยธรรมนอร์เตซีโกได้ล่มสลายลงเมื่อราว 1,800 ปีก่อนคริสตกาล นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะภัยพิบัติตามธรรมชาติ สภาพอากาศที่แปรปรวนและความแห้งแล้ง เลยทำให้ชาวนอร์เตซีโกละทิ้งถิ่นฐานของตนเองไป โดยที่นักโบราณคดียังได้พบกับเครื่องไม้เครื่องมือของชาวนอร์เตซีโกทิ้งเอาไว้อยู่ด้วย
3
4.กลุ่มคนทะเลทรายนูเบียน (The Nabta Playa)
1
เลื่อนลงไปทางตอนใต้ของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ประมาณ 800 กิโลมตร ยังมีแหล่งอารยธรรมโบราณที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายนูเบียน ที่กล่าวกันว่าแหล่งอารยธรรมโบราณแห่งนี้มีอายุถึง 7,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยในช่วงเวลานั้น เป็นยุคแรกที่มนุษย์ประสบความสำเร็จในเบื้องต้นสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับข้อจำกัดของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ โดยเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มต้นอยู่รวมกันเป็นหลักแหล่ง
2
แน่นอนว่าในปัจจุบันทะเลทรายนูเบียนนั้นเต็มไปด้วยความแห้งแล้งจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมนุษย์ตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้ แต่นักสำรวจได้ค้นพบหลักฐานมากมายที่บ่งบอกว่าในอดีต บริเวณดังกล่าวเคยเป็นที่ตั้งของแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ โดยมีการค้นพบหลุมฝังศพวัว ซากเตาไฟกระจายไปทั่วบริเวณ
4
นอกจากนี้ นักสำรวจยังค้นพบกองหินขนาดใหญ่ตั้งเป็นรูปวงกลม ว่งเชื่อกันว่ามันถูกใช้เป็นปฏิทินบอกฤดูกาลที่อาจเรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
5.ผู้สร้างวิหาร Gobekli Tepe
1
นี่อาจจะเป็นวิหารโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ Gobekli Tepe ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี โดยคาดว่าวิหารแห่งนี้อาจมีอายุย้อนกลับไปได้ถึง 12,000 ปีเลยทีเดียว
วิหารแห่งนี้มีลักษณะโครงสร้างเป็นรูปวงกลมและรูปไข่ และหินที่แต่ละก้อนที่ถูกนำมาสร้างวิหารก็มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 40 – 60 ตัน ซึ่งนักสำรวจยังสงสัยว่าคนในยุคสมัยนั้นใช้เครื่องไม้เครื่องมือประเภทใดกันที่สามารถสร้างวิหารที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันของมนุษย์ ยังต้องใช้อุปกรณ์มากมายในการขนย้ายก้อนหินขนาดใหญ่ และยังไม่รวมถึงแรงงานขั้นต่ำราว 500 – 600 คน ในการก่อสร้าง และยังไม่รวมถึงวิศวกรผู้เชี่ยชาญในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหินและการขนส่ง
1
นอกจากนี้นักสำรวจยังค้นพบภาพแกะสลักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปมนุษย์ งู หมูป่า สุนัขจิ้งจอก และนกกระเรียน ที่นักสำรวจและนักโบราณคดีเชื่อว่า วิหารแห่งนี้น่าจะถูกสร้างเพื่อวัตถุประสงค์ทางศาสนาหรือประกอบพิธีกรรมอะไรบางอย่าง
และสิ่งที่นักสำรวจและนักโบราณคดีรู้เกี่ยวกับวิหาร Gobekli Tepe คือ ผู้สร้างวิหารแห่งนี้จะต้องเป็นกลุ่มคนที่มีเทคโนโลยีในระดับสูงอย่างแน่นอน
4
ข้อมูลจาก : YOUTUBE/TOP 5 SCARY VIDEOS
โฆษณา