🇨🇳 การปฏิวัติวัฒนธรรม | ฉบับรวบรัด
(The Cultural Revolution)
พบกับเรื่องราวของการปฏิวัติวัฒนธรรม เหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนแผ่นดินจีนในยุคสมัยของเหมาเจ๋อตง (Mao Zedong) เหตุการณ์ที่นำพาให้จีนเข้าสู่กลียุค และมีผู้คนต้องล้มตายนับล้านคน
เมื่อการปฏิวัติที่มุ่งหมายที่จะทำให้จีนกลายเป็นชาติคอมมิวนิสต์อย่างสมบูรณ์แบบ กลับกลายสภาพเป็นความรุนแรงที่ชาวจีนต้องเข่นฆ่ากันเอง และที่น่าตกใจคือ ผู้ที่กระทำความรุนแรงนั้น คือ เหล่าเรดการ์ด ผู้ที่เป็นเพียงแค่เยาวชนเท่านั้น
ในปี 1949 ภายหลังชัยชนะในสงครามกลางเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนของเหมาเจ๋อตง ก็ได้ขึ้นสู่อำนาจ และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมา โดยมีเหมาเจ๋อตงดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนแรก และมีโจวเอินไหลเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก
เมื่อขึ้นสู่อำนาจแล้ว เหมาเจ๋อตงก็มีแนวคิดที่อยากจะให้จีน เป็นชาติมหาอำนาจแห่งใหม่ของโลก ทำให้ในปี 1953 เหมาจึงประกาศใช้นโยบายที่เรียกว่า 'นโยบายก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่' (Great Leap Forward)
นโยบายก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เป็นนโยบายที่เหมาต้องการให้จีน เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเหล็ก
ทว่าการที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมมากจนเกินไป ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลนลงอย่างหนัก ส่งผลให้เพียงไม่กี่ปีหลังจากที่ประกาศใช้นโยบาย ก็ได้ทำให้มีชาวจีนล้มตายจากภาวะขาดแคลนอาหารนับล้านคน
นอกจากนี้ เหมายังประกาศใช้นโยบาย 'พิฆาตสี่เลวร้าย' (Great Sparrow Campaign) เพื่อกำจัดสัตว์ที่ถูกมองว่าไร้ประโยชน์ อันได้แก่ ยุง, แมลงวัน, หนู และนกกระจอก ก็ได้ทำให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่งผลให้แมลงศัตรูพืชเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้กัดกินผลผลิตทางการเกษตรที่หลงเหลืออยู่จนหมดสิ้น
ผลพวงจากความผิดพลาดทั้งจากนโยบายก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ และนโยบายพิฆาตสี่เลวร้าย ได้ส่งผลชาวจีนล้มตายอย่างมหาศาล โดยคาดการณ์ว่า อาจจะมีมากถึง 36 ล้านคน
ด้วยความผิดพลาดครั้งใหญ่นี้เอง ที่ทำให้สถานะของการเป็นผู้นำสูงสุดของเหมาเกิดสั่นคลอนอย่างหนัก ส่งผลให้ในปี 1959 เหมาเจ๋อตงได้หลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดีของจีน และหลิวเส้าฉี ก็ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่แทน
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้เหมาเจ๋อตงต้องการที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
และแล้วความพยายามของเหมาก็ประสบผลสำเร็จ...
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 1966 เหมาเจ๋อตงก็ได้ประกาศใช้นโยบาย 'ปฏิวัติวัฒนธรรม' (Cultural Revolution)
การปฏิวัติในครั้งนี้ คือจุดเริ่มต้นของกลียุคในจีน การปฏิวัติที่ทำให้ชาวจีนต้องเข่นฆ่ากันเอง การปฏิวัติที่อ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเพียงแค่การกำจัดศัตรูทางการเมือง และฟื้นฟูอำนาจให้กับเหมาเท่านั้น
การปฏิวัติวัฒนธรรมตามแนวคิดของเหมา มีเป้าหมายสำคัญคือ การทำให้จีนเป็นคอมมิวนิสต์อย่างสมบูรณ์แบบ อะไรก็ตามที่ไม่เป็นไปตามแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะต้องถูกกำจัดใหัหมดสิ้น
เหมาเชื่อว่าการปฏิวัติวัฒนธรรมจะสำเร็จลงได้ จะต้องอาศัยพลังจากเยาวชนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนั้นก็ได้นำไปสู่การจัดตั้งกองกำลังยุวชนแดงหรือที่รู้จักกันในนาม 'เรดการ์ด' (Red Guard) กองกำลังเยาวชนที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม
โดยสมาชิกของเรดการ์ดทุกคน จะต้องพกสมุดปกแดง (Little Red Book) ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมคำสอนตามแนวทางของเหมา เหล่าเรดการ์ดจะยึดมั่นในคำสอนนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากศาสนาเลย และพวกเขาก็จะไม่ยอมให้ใครก็ตาม มาทรยศต่อท่านประธานเหมาของพวกเขาได้
สมาชิกเรดการ์ดชูสมุดปกแดง
โดยสิ่งแรก ๆ ที่เหล่าเรดการ์ดเริ่มปฏิบัติการ ก็คือการจับกุมและทำร้ายร่างกายครูบาอาจารย์ของตนเอง เพราะพวกเขาเชื่อว่า ครูบาอาจารย์เป็นพวกกระฎุมพีนายทุน และไม่เป็นไปตามหลักการของเหมา ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างรุนแรง จนถึงขั้นทำให้อาจารย์บางคนบาดเจ็บสาหัส พิการ รวมไปถึงเสียชีวิต
เรดการ์ดยึดมั่นในหลักการ 'พิฆาตสี่เก่า' ซึ่งได้แก่ ประเพณีเก่า, วัฒนธรรมเก่า, สันดานเก่า และความคิดเก่า เป็นแรงขับเคลื่อนในการก่อการปฏิวัติ (และความรุนแรง) ทั่วทั้งประเทศจีน
โบราณสถาน โบราณวัตถุ หลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงสัญลักษณ์ของศาสนา ล้วนถูกเรดการ์ดทำลายล้าง เพียงเพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นของโบราณคร่ำครึ
เรดการ์ดบางคนถึงขั้นเข่นฆ่าบุพการีของตนเอง เพียงเพราะว่า ไม่เชื่อฟังคำสอนของเหมา...
นอกจากการปฏิวัติด้วยความรุนแรงแล้ว เหมายังได้ออกคำสั่งให้เยาวชนจำนวนมากอพยพออกจากเมือง เพื่อไปใช้แรงงานในนารวมที่ตั้งอยู่ในชนบท โดยมีเยาวชนที่ถูกใช้แรงงานในนารวมนี้มากกว่า 16 ล้านคน
ศัตรูทางการเมืองของเหมาหลายคนต่างก็ถูกกำจัด และถูกตั้งข้อหา 'ทรยศต่อชาติ' และ 'ฝักใฝ่ทุนนิยม'
ไม่ว่าจะเป็นหลิวเส้าฉีที่โดนเรดการ์ดทำร้ายร่างกาย และถูกกักขังจนเสียชีวิต หรือแม้แต่เติ้งเสี่ยวผิง (ที่ในอนาคตจะกลายเป็นผู้นำสูงสุดของจีนรุ่นต่อไป) ก็ถูกเหมาสั่งเนรเทศให้ไปใช้แรงงานอยู่ในชนบทอันห่างไกล
เมื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองแล้ว เหมาก็มีแนวคิดที่จะแต่งตั้งทายาททางการเมืองของเขา ซึ่งคนที่เหมาได้เลือกนั้น ก็คือนายพลหลินเปียว ซึ่งเป็นคนสนิทที่เหมาไว้วางใจมากที่สุด
เหมาเจ๋อตงและกลุ่มเรดการ์ด โดยมีหลินเปียวเดินตามอยู่หลังเขา
แต่ทว่าในปี 1971 หลินเปียวได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่มองโกเลีย โดยเชื่อกันว่า เป็นเพราะหลินเปียววางแผนที่จะโค่นล้มอำนาจของเหมา ทำให้เครื่องบินที่หลินเปียวนั่งโดยสารถูกยิงตกภายใต้คำสั่งของเหมา
หลังจากการตายของหลินเปียว เหมาเจ๋อตงก็ได้เลือกทายาททางการเมืองคนใหม่ ซึ่งก็คือนางเจียงชิง (หรือมาดามเหมา) ภรรยาคนที่ 4 และคนปัจจุบันของเขานั่นเอง
เจียงชิง ภรรยาของเหมาเจ๋อตง ผู้นำของแก๊งสี่คนที่มีอิทธิพลอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
โดยนางเจียงชิงยังเป็นผู้นำของกลุ่มอิทธิพลภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่รู้จักกันในชื่อ 'แก๊งสี่คน' หรือ Gang of Four อีกด้วย ซึ่งประกอบไปด้วย นางเจียงชิง, จางชุนเฉียว, หวังหงเหวิน และเหยาเหวินหยวน
แก๊งสี่คนมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวัฒนธรรมในช่วงปลาย โดยคอยสั่งการเรดการ์ดลงมือปฏิบัติการด้วยความรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงกุมอำนาจภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
แต่แก๊งสี่คนก็กุมอำนาจได้เพียงไม่นาน เพราะเมื่อเหมาเจ๋อตงเสียชีวิตลงในเดือนกันยายน 1976 การปฏิวัติวัฒนธรรมก็ได้สิ้นสุดลงตามไปด้วย
หลังจากนั้น ฮั่วกั๋วเฟิง นายกรัฐมนตรีของจีนในขณะนั้น และเติ้งเสี่ยวผิงที่กลับมามีอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ได้สั่งให้พิจารณาคดีกับแก๊งสี่คนและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งผลสุดท้ายแก๊งสี่คนก็ได้รับโทษทัณฑ์ที่แตกต่างกันไป
สำหรับคุณแล้ว คุณคิดว่าสิ่งที่เหมาเจ๋อตงได้ทำนั้น เป็นสิ่งที่ถูกหรือผิดกันแน่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณแล้ว ว่าคุณจะคิดเห็นอย่างไร?
*** Reference
#HistofunDeluxe
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
