22 ก.ค. 2021 เวลา 09:37 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
#เล่าหนัง -Forrest Gump (1994)- อัจฉริยะปัญญานิ่ม
“Life was like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.”
ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อกโกเเลตที่มีหลากหลายรส คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะหยิบเจออะไร
1
นี่ก็เป็นหนังเก่าอีกเรื่องนึงที่ผมชอบมากๆ อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นหนังที่ว่ากันว่าดีที่สุดในปี 1994 หรืออาจจะเป็นหนังในดวงใจตลอดกาลเลย สำหรับใครหลายๆคน
1
หนังเรื่องนี้ให้เเง่คิดในการใช้ชีวิต เเถมยังมีคำคมมากมายในเรื่อง
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า (หากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)
ตัวละครหลักของเรื่อง:
1. ฟอร์เรสท์ ( Forrest Gump )
2. เจนนี่ ( Jenny Curran )
หนังเริ่มมาที่ฉาก ณ สถานที่เเห่งหนึ่ง กำลังมีขนนกปลิวไปตามสายลม มันล่องลอยไปตามสายลมเเบบไร้จุดหมาย จนกระทั่งมันค่อยๆปลิวลงมาตกอยู่หน้ารองเท้าของชายที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าป้ายรถเมล์ เขาชื่อว่า”ฟอร์เรสท์” เขาได้ก้มเก็บขนนกนั้นไปไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งของเขา
1
หลังจากนั้น มีนางพยาบาลคนหนึ่ง เดินมานั่งรอรถเมล์ ที่ป้ายเดียวกับฟอร์เรสท์ ฟอร์เรสท์พยายามชวนคนๆนั้นคุย ไปๆมาๆ จนฟอร์เรสท์ได้พูดถึงเรื่องรองเท้า
ฟอร์เรสท์: “เเม่บอกผมว่า ถ้าอยากจะรู้ที่มาที่ไปของใครบางคน ให้เราดูที่รองเท้าของเขา ชีวิตนี้ผมใส่รองเท้ามาเเล้วหลายคู่ เเต่คู่เเรกที่ผมใส่ ผมว่าถ้านึกดูดีๆ ผมคงจะจำได้ มันเป็นรองเท้าวิเศษที่ทำให้ผมไปได้ทุกที่”
~~~ตัดไปที่อดีต~~~
ฉากตัดไปที่ในวัยเด็กของฟอร์เรสท์ เเม่ของฟอร์เรสท์ได้พาเขาไปหาหมอเพื่อไปรักษาขา หมอได้ใส่เหล็กดามขาใ้ห้ ฟอร์เรสท์เดินได้ เเต่ก็ดูผิดปกติจากคนทั่วไป หมอได้บอกว่า ขาของเขาเเข็งเเรงดี หลังของเขาต่างหากที่มีปัญหา “กระดูกสันหลังของเขาคดเหมือนนักการเมืองเลย”
1
หลังจากนั้น เราก็จะได้รู้ว่า คนในเมืองจะชอบมองฟอร์เรสท์เเบบเเปลกๆ เหมือนเขาเป็นตัวประหลาด เเม่ของฟอร์เรสท์ต้องสอนเขาอยู่เสมอว่า เขาไม่ได้เเตกต่างไปจากคนอื่นเลย อย่าให้ใครมาดูถูกเราได้
5
วันต่อมา เเม่ของฟอร์เรสท์ได้ไปยังโรงเรียนเเห่งหนึ่งเพื่อส่งฟอร์เรสท์ไปเข้าเรียน เเต่ก็ถูกครูใหญ่ปฏิเสธ เพราะไอคิวของฟอร์เรสท์ต่ำกว่ามาตรฐาน สุดท้ายเเล้ว เเม่ของฟอร์เรสต้องยอมไปมีความสัมพันธ์กับครูใหญ่ จนเขายอมให้ฟอร์เรสท์ได้เข้าเรียนที่นี่
1
เเละก็มาถึงวันเเรกสำหรับการเข้าเรียนของฟอร์เรสท์ เเม่ได้มาส่งเขาที่หน้ารถโรงเรียน ฟอร์เรสท์ ได้พูดกับคนขับรถเมล์ว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อฟอร์เรสท์ ฟอร์เรสท์ กัมพ์” เขามักจะเเนะนำตัวกับคนอื่นเเบบนี้อยู่บ่อยๆ
ในรถคันนั้น ไม่ค่อยมีเด็กคนไหนอยากให้ฟอร์เรสท์ไปนั่งด้วยเลย จนกระทั่งมีเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พูดว่า “เธอจะมานั่งตรงนี้ก็ได้ ถ้าเธออยากนั่ง” เเละ ฟอร์เรสท์ก็ได้เข้าไปนั่งด้วย เด็กคนนั้น ชื่อ “เจนนี่”
~~~ปัจจุบัน~~~
ฟอร์เรสท์: “มันเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดเลย เเละในชีวิตผมก็ไม่เคยเห็นอะไรที่สวยเเบบนั้นมาก่อนเลย”
~~~ตัดไปที่อดีต~~~
ฟอร์เรสท์เเละเจนนี่ทำความรู้จักกันมากขึ้น จนสนิทกันมาก พวกเขาไปไหน ต้องไปด้วยกันเสมอ เเละเจนนี่มักจะไม่กลับบ้าน เพราะพ่อของเขาเป็นพวกขี้เมา เเละ ชอบทำร้ายเจนนี่อยู่เสมอ วันหนึ่ง เจนนี่จึงได้ย้ายไปอยู่บ้านยายเเทน ซึ่งก็อยู่ใกล้กับบ้านของฟอร์เรสท์ด้วย
อยู่มาวันหนึ่ง ฟอร์เรสท์ก็ถูกกลุ่มเพื่อนผู้ชายเเกล้งปาหินใส่ เจนนี่ได้บอกกับฟอร์เรสท์ว่า “วิ่ง ฟอร์เรสท์ วิ่ง!” ฟอร์เรสท์ก็พยายามสับขาเเหลก จนเหล็กดามขาของเขาค่อยๆหักออกมา ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น ฟอร์เรสท์เดินเเละวิ่งเหมือนกับคนปกติได้เเล้ว เขาวิ่งเร็วกว่าคนปกติด้วยซ้ำ
~~~ปัจจุบัน~~~
ฟอร์เรสท์: “หลังจากวันนั้น ไม่ว่าผมจะไปไหน ผมก็จะวิ่งไป”
~~~ตัดไปที่อดีต~~~
ฟอร์เรสท์ได้เข้าเรียนที่มหาลัย เเละได้เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ในเกมการเเข่งขัน เพื่อนของเขาก็จะชอบพูดเหมือนกัน “วิ่ง ฟอร์เรสท์ วิ่ง!” ฟอร์เรสท์ก็วิ่งงง! ซึ่งฟอร์เรสท์ก็ทำได้ดีมาก ฟอร์เรสท์มีความสามารถเรื่องการวิ่งจริงๆ
~~~ปัจจุบัน~~~
นางพยาบาลคนนั้นฟังฟอร์เรสท์มาพอสมควร เขาได้เดินขึ้นรถเมล์จากไป จนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มลูกมาด้วย มานั่งรอรถเมล์ เเละ ฟอร์เรสท์ก็เล่าเรื่องให้เขาฟังต่อ
ฟอร์เรสท์: “ตั้งเเต่ที่ผมขึ้นมหาวิทยาลัยไป ผมเเละเจนนี่ก็ต้องเเยกกันเรียน เพราะเจนนี่ได้ไปเข้าเรียนที่มหาลัยหญิงล้วน”
~~~ตัดไปที่อดีต~~~
ทุกครั้งที่มีโอกาส ฟอร์เรสท์จะเเวะไปเยี่ยมเจนนี่อยู่เสมอ เเละวันหนึ่ง ฟอร์เรสท์ก็ได้ไปหาเจนนี่ ทั้งคู่ได้คุยกัน เจนนี่บอกว่า เขาอยากจะมีชื่อเสียง อยากจะไปอยู่บนเวทีพร้อมกับกีตาร์
วันต่อมา ฟอร์เรสท์กำลังเเข่งอเมริกันฟุตบอลที่มหาลัย เขาเล่นเก่งมาก จนติดทีมชาติเลย เเละเขาก็เรียนจบมหาลัยในที่สุด
~~~ปัจจุบัน~~~
ฟอร์เรสท์: “คุณเชื่อไหม ผมเล่นอเมริกันฟุตบอลมา 5 ปี เเถมยังเรียนจบกับเขาด้วยนะ เเม่ของผมภูมิใจมาก”
~~~ตัดไปที่อดีต~~~
ในวันที่ฟอร์เรสท์เรียนจบ เขายังได้รับคำเชิญให้ไปเป็นทหาร ซึ่งฟอร์เรสท์ก็สนใจเเละได้สมัครไป เขาก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่กองร้อยซักพักหนึ่ง เขาได้ไปรู้จักกับผู้หมวดกองร้อยที่ชื่อ “เเดน”
เจนนี่ ถูกมหาวิทยาลัยไล่ออก เพราะเธอได้ถ่ายรูปวาบหวิวของตัวเองลงไปในหนังสือplayboy เเถมใส่ชุดของมหาวิทยาลัยอีกด้วย เเละ เจนนี่ก็ยังไปทำงานที่ร้านเหล้าเเห่งหนึ่ง ที่เป็นงานที่ไม่ค่อยดีนัก เธอโดนเเขกในร้านพยายามจะลวนลามอยู่บ่อยๆ
ฟอร์เรสท์ได้ออกจากกองร้อยเเวะไปหาเจนนี่ เขาได้มาช่วยเจนนี่จากพวกเเขกที่ลวนลามเธอ เจนนี่รู้สึกอึดอัดที่ฟอร์เรสท์ต้องมาช่วยอยู่บ่อยครั้ง เขาได้บอกฟอร์เรสท์ให้หยุดทำเเบบนี้
ฟอร์เรสท์: “ผมรักคุณนะ เจนนี่”
เจนนี่: “เธอไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร?”
ฟอร์เรสท์ ได้บอกกับเจนนี่ว่า เขากำลังจะไปรบที่เวียดนามเเล้ว ที่มาวันนี้ เพื่อที่จะมาบอกลา เจนนี่ก็ได้ตอบว่า ถ้าเจออะไร ให้รีบวิ่งหนีเลยนะ เเละ เจนนี่ก็นั่งรถจากไป
ซึ่งในตอนนี้ เจนนี่ได้ย้ายออกจากบ้านยายเเล้ว เจนนี่ได้ไปอยู่ที่อื่นเเทน
มาถึงในวันที่กลุ่มทหารฟอร์เรสท์ต้องไปรบที่เวียดนาม เเละโดนข้าศึกโจมตีอย่างหนัก จึงต้องถอยทัพ เเต่ก็มีทหารหลายคนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะ ผู้หมวดเเดน ที่ต้องเสียขาไปทั้ง 2 ข้าง ซึ่งฟอร์เรสท์โดนยิงที่ก้นด้วยนะ เเต่เขาไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่
1
กลุ่มทหารได้เข้ารักษาตัว ในขณะที่รักษาตัว ฟอร์เรสท์ได้รู้จักกีฬาชนิดใหม่ คือ ปิงปอง ฟอร์เรสท์เล่นปิงปองไปเรื่อยๆจนเก่งสุดๆ
ฟอร์เรสท์ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการไปรบที่เวียดนาม เเละฟอร์เรสท์ก็ได้พบกับเจนนี่อีกครั้ง เขาเดินคุยกันทั้งคืน
1
เช้าวันต่อมา ฟอร์เรสท์เเละเจนนี่ ต้องจากกันอีกครั้ง ฟอร์เรสท์ได้มอบเหรียญกล้าหาญให้กับเจนนี่ก่อนจากกัน
ไม่กี่ปีต่อมา ฟอร์เรสท์ก็ติดทีมชาติปิงปอง เขาได้ไปแข่งขันปิงปองที่ประเทศจีน พอกลับมา เขาก็กลายเป็นคนดังไปแล้ว เขาได้ไปออกรายการต่างๆในทีวี
ฟอร์เรสท์ถูกปลดประจำการจากทหารเเล้ว ยศสุดท้ายของเขา คือ จ่า
หนังก็ได้เเสดงให้เห็นว่า ชีวิตของเจนนี่ในตอนนี้ไม่ค่อยดีเลย เธอเสพยาหนัก ใช้ชีวิตตามผับบาร์ต่างๆ
หลังจากนั้น มีโทรศัพท์โทรมาเเจ้งเตือนฟอร์เรสท์ว่าเเม่ของเขากำลังป่วยหนัก ฟอร์เรสท์จึงรีบไปหาเเม่ที่โรงพยาบาล เเม่ของฟอร์เรสท์กำลังจะเสียชีวิต เขาได้สอนฟอร์เรสท์อีกอย่างหนึ่งก่อนตาย
เเม่: “ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิต มันถึงเวลาของเเม่เเล้ว มันเป็นปลายทางของทุกๆคน ลิขิตชีวิตของเเม่คือการได้เป็นเเม่ของลูก เเม่ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเเล้ว เเละเเม่ก็คิดว่าลูกเองก็คงเจอลิขิตชีวิตของตัวเองเเล้ว”
1
ฟอร์เรสท์: “ลิขิตชีวิตของผมมันคืออะไรกัน?”
เเม่: “ลูกต้องค้นหาเเละเรียนรู้มันด้วยตัวเอง ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อกโกเเลต เราไม่รู้เลยว่าข้างในจะเจออะไรบ้าง เเม่จะคิดถึงลูกนะฟอร์เรสท์”
1
~~~ปัจจุบัน~~~
หญิงชราที่กำลังนั่งฟังฟอร์เรสท์ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเลย ซึ่งเขาก็อยากฟังฟอร์เรสท์เล่าต่อ
~~~ตัดมาที่อดีต~~~
ฟอร์เรสท์ทำงานเป็นคนตัดหญ้าในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ผู้หมวดเเดนได้เเนะนำให้ฟอร์เรสท์ไปซื้อหุ้นจากบริษัทผลไม้ ชีวิตเขาจะสบายมาก เมื่อฟอร์เรสท์หาเงินมาได้อย่างมาก เขาได้บริจาคเงินไปให้โบสถ์เเละโรงพยาบาลต่างๆ
ในเเต่ละวัน ฟอร์เรสท์มีงานให้ทำมากมาย เเต่พอช่วงกลางคืน เขาไม่มีอะไรทำ ก็มักจะคิดถึงเจนนี่อยู่เสมอ
อยู่มาวันหนึ่ง เจนนี่ก็กลับมาหาฟอร์เรสท์ หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันนานพอสมควร ทั้งคู่มีความสุขกันมากๆ
จนในวันขึ้นปีใหม่ ฟอร์เรสท์ได้ขอเจนนี่เเต่งงาน เเต่เจนนี่ก็ปฏิเสธ
ฟอร์เรสท์: “ถึงผมจะไม่ใช่คนฉลาด เเต่ผมก็รู้ว่าความรักคืออะไร”
1
ในค่ำคืนนั้น ทั้งคู่เเยกกันนอน เจนนี่ได้ย่องไปหาฟอร์เรสท์ เธอบอกว่า เขาก็รักฟอร์เรสท์ เเล้วทั้งคู่ก็มีsomethingกัน
เช้าวันต่อมา เจนนี่ได้เอาเหรียญกล้าหาญไปวางคืนให้ฟอร์เรสท์ เเละเจนนี่ก็ได้นั่งรถหนีฟอร์เรสท์ไปอีกครั้ง
ทำให้ฟอร์เรสท์ต้องอยู่คนเดียว เหงาๆ เขาไม่มีอะไรทำ ฟุ้งซ่านไปหมด จนในที่สุด เขาตัดสินใจที่จะวิ่งออกจากบ้านไป วิ่งไปเรื่อยๆ วิ่งข้ามรัฐ วิ่งไปยังมหาสมุทร วิ่งไปยังสถานที่ต่างๆมากมาย
เป็นเวลา 2 ปีเเล้วที่ฟอร์เรสท์ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนเขาได้ออกทีวี เจนนี่ก็ได้เห็นฟอร์เรสท์ในทีวีด้วย มีคนพยายามจะมาถามฟอร์เรสท์หลายครั้งว่า เขาวิ่งไปเพื่ออะไร
~~~ปัจจุบัน~~~
ฟอร์เรสท์: “ไม่อยากเชื่อเลยว่า ผมวิ่งไปแบบไร้เหตุผล ผมก็เเค่อยากวิ่งไปเรื่อยๆ”
ฟอร์เรสท์: “ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ผมวิ่งมา 3 ปี 2 เดือน 14 วัน 16 ชั่วโมง จนผมหยุดวิ่ง เเละก็กลับบ้าน”
ฟอร์เรสท์: “ในวันหนึ่ง ตอนที่ผมอยู่บ้าน ผมได้รับจดหมายจากเจนนี่ เเละผมก็ได้มาหาเธอ ผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ไง”
ฟอร์เรสท์ก็ได้ให้หญิงชราที่กำลังนั่งฟัง ดูที่อยู่ของเจนนี่ หญิงชราก็บอกฟอร์เรสท์ว่า มันอยู่ใกล้มาก ไม่ต้องรอนั่งรถเมล์หรอก ฟอร์เรสท์จึงได้ลุกออกมาเเละวิ่งหน้าตั้งเลย
จนในที่สุด เขาก็ได้พบกับเจนนี่อีกครั้ง เเละได้มีคนมาส่งเด็กคนหนึ่งมาที่ห้องของเจนนี่ เจนนี่บอกว่า”เด็กคนนี้ชื่อว่า ฟอร์เรสท์ ฉันตั้งชื่อลูกตามชื่อพ่อของเขาน่ะ” ฟอร์เรสท์ถึงกับอึ้งไปเลย
เจนนี่ได้บอกฟอร์เรสท์ว่า เธอกำลังป่วย เพราะติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เเละหมอก็ไม่รู้วิธีรักษาด้วย
หลังจากนั้น เจนนี่เเละฟอร์เรสท์ก็ได้เเต่งงานกัน พ่อเเม่ลูกใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปซักพัก เจนนี่ก็เสียชีวิตลงจากเชื้อไวรัส
ฟอร์เรสท์ได้ไปฝังศพเจนนี่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่พวกเขาชอบเล่นกันตอนเด็กๆ
ฟอร์เรสท์: “ผมไม่รู้ว่ามันถูกมั้ย ผมไม่รู้ว่าชีวิตเราจะต้องลิขิตเองมั้ย หรือไม่ต้องลิขิตอะไรเลย ปล่อยให้มันล่องลอยไปตามสายลม มันน่าจะถูกทั้งคู่ อาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ผมคิดถึงคุณนะ เจนนี่”
จนมาถึงวันที่ลูกชายฟอร์เรสท์ หรือ ฟอร์เรสท์จิ๋ว ต้องไปโรงเรียนครั้งเเรก ฟอร์เรสท์จิ๋วก็เเนะนำตัวกับคนขับรถเมล์เหมือนกับพ่อของเขาเลย “สวัสดีครับ ผมฟอร์เรสท์ ฟอร์เรสท์ กัมพ์”
เเละ ขนนกที่ฟอร์เรสท์เคยเก็บมันไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งก็หลุดออกมา มันล่องลอยไปตามสายลมเเบบไร้จุดหมายอีกครั้ง ก็เหมือนกับชีวิตของฟอร์เรสท์ ที่ไม่ต้องมีจุดหมายอะไร
ขอเเค่มีความสุขกับชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน ขอเเค่ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด
โฆษณา