22 ก.ค. 2021 เวลา 08:02 • สุขภาพ
ตอนนอนวางมือถือไว้ตรงไหนดี?😴
- เคยได้ยินที่เขาว่ากันว่าใช้มือถือมากๆ จะทำให้เป็นมะเร็งสมอง
- คลื่นโทรศัพท์มือถือ ทำให้เป็นหมันได้
- เอามือถือวางใต้หมอนจะทำให้นอนไม่หลับ
ดร. สุเมธ วงศ์พานิชเลิศ นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้า โทรคมนาคม กล่าวว่า
การวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ศีรษะขณะนอนหลับ จะส่งผลต่อการนอน ทำให้หลับยากขึ้น เนื่องจากโทรศัพท์ยังคงส่งคลื่นสัญญาณที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่ได้ใช้งาน หากวางไว้ใกล้ตัว ร่างกายก็จะดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ตลอดเวลาในระยะยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะไปรบกวนคลื่นสมองทำให้นอนหลับยากขึ้น ความจำเสื่อมลงในเด็ก การรับคลื่นดังกล่าวมากๆ จะทำให้การเรียนรู้ด้อยลง และส่งผลต่อการพัฒนาของสมองในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้หญิงที่ซุกโทรศัพท์มือถือไว้ในเสื้อชั้นใน มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมมากกว่าคนปกติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถรบกวนระบบสืบพันธุ์ ทำให้เป็นหมันได้
ทั้งนี้ การที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากมือถือ จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้นั้น จะต้องได้รับคลื่นที่ค่อนข้างแรงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่นต้องใช้มือถือในการรับสายหรือโทรออกอย่างน้อย วันละ 30 นาที ทุกวันเป็นเวลา 10 ปี ถึงจะมีความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มขึ้น
การสะสมของคลื่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความแรงของคลื่น การดูดซับพลังงานของร่างกาย ระยะเวลาที่ได้รับคลื่น
ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยนวัตกรรมไร้สายและความมั่นคง ระบุว่า
ขณะเรานอนหลับและวางมือถือไว้ คลื่นที่ออกจากมือถือจะเป็นคลื่นอ่อน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการทำลายสุขภาพน้อย แต่หากเราอาศัยอยู่ใกล้กับตัวสถานีสัญญาณจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพโดยตรง
วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุด คือ
1.การวางโทรศัพท์ให้ห่างจากตัวหรือศีรษะอย่างน้อย 1 เมตร เป็นระยะที่ปลอดภัยจากคลื่น ทางที่ดีควรปิดสัญญาณ หรือ WiFi หรือปิดเครื่อง
2.ติดตั้ง Wireless-Router ให้ห่างจากจุดที่นั่งทำงาน ห้ามติดตั้งไว้ในห้องนอน และควรปิดสัญญาณทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้โดยเฉพาะขณะหลับ
3.อย่าคุยโทรศัพท์แนบหูเป็นเวลานาน หากจำเป็น ให้ใช้หูฟัง หรือเปิดลำโพงแทน
4.ในกรณี่ที่ไม่ต้องการปิดเครื่องมือสื่อสาร เนื่องจากตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ให้เปิด Airplane mode เครื่องจะตัดคลื่นสัญญาณที่แผ่ออกจากโทรศัพท์ออกทั้งหมด
จะเห็นได้ว่าข้อปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์ทั้ง 2 ท่าน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปฏิบัติตาม ฉะนั้น หากเราพยายามใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ลองปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง ต่อการทำลายสุขภาพในอนาคต
ที่มา:thairath
โฆษณา