24 ก.ค. 2021 เวลา 05:00 • กีฬา
[ BALL THAI LEGEND : นิพนธ์ มาลานนท์ 'จอมหนึบรางวัลระดับเอเชีย' ]
เขาคนนี้คือ 'หนึ่งเดียว' ของไทย ที่เคยได้รับรางวัล 'ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม' ระดับเอเชีย แน่นอนว่าเรื่องราวที่ผ่านมานั้นจักเป็น 'ตำนาน' ให้เล่าขานในรุ่นต่อๆ มา
นิพนธ์ มาลานนท์ เติบโตในครอบครัวเชื้อสายจีน ซึ่งมีรกรากอยู่ในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้มีอาชีพค้าขายเกี่ยวกับอาหาร ทำให้ในวัยเด็กเขามีสกิลทางด้านโภชนาการที่ไม่ธรรมดา
ด้วยความที่ยุคก่อนฟุตบอลไทย หาได้สร้างเงินได้มากมายเช่นปัจจุบัน นิพนธ์ จึงไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านเท่าที่ควร เนื่องจากครอบครัวของเขาต้องการให้สานต่อกิจการตามแบบฉบับของคนไทยเชื้อสายจีน
ทว่า 'ความรัก' ในกีฬาลูกหนังทำให้เขามักจะแอบไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ อยู่บ่อยๆ และตำแหน่งแรกของเจ้าตัวไม่ใช่ผู้รักษาประตูเสียด้วย หากแต่เป็น 'ปีกซ้าย' อันเนื่องมาจากมีสปีดที่ไวว่องกว่าใคร
กระทั่งพอโตขึ้น นิพนธ์ ได้เปลี่ยนจากผู้เล่นมาเป็นนายทวารและก็เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถูกชักชวนให้ย้ายจากบางคล้า มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร
เด็กหนุ่มจากเมืองแปดริ้วได้วิชาการเป็นผู้รักษาประตูมาด้วยความไม่ตั้งใจ เพราะครั้งหนึ่งในช่วงที่กำลังรุดหน้าทางฝีมือ เขาถูกรุ่นพี่วางอุบายให้ไป 'โยนลูกมะพร้าว' แม้จะไม่ใช่การฝึกตามศาตร์ลูกหนังที่ถูกเสียทีเดียว แต่นั่นกลายเป็นจุดที่ทำให้ นิพนธ์ ได้ทักษะการรับ-ส่งด้วยมือแบบงงๆ
นิพนธ์ ตัดสินใจย้ายจากบ้านเกิดสู่เมืองหลวงเพื่อตามฝัน เขาเข้ามาเรียนที่ 'พณิชยการพระนคร' ในระดับ ปวช.
การตัดสินใจมาเรียนต่อบวกกับเล่นฟุตบอลในกรุงเทพฯ นั้นทำให้เขาต้องเผชิญเรื่องราวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวสู่สังคมใหม่หรือเรื่องการศึกษาที่แตกต่างไปจากเดิม
แน่นอนว่าช่วงชีวิตของคนเราย่อมต้องพบกับเวลาที่ยากลำบากบ้าง เพราะมันคือรสชาติที่มนุษย์ทุกหมู่เหล่าล้วนต้องลิ้มลอง
นิพนธ์ เองก็เช่นกันในปีแรกที่ย้ายมา พณิชยการพระนคร เขามีผลการเรียนไม่สู้ดีนักจนต้องถูกรีไทร์ ทว่าสุดท้ายก็ใช้ความมุ่งมั่นฝ่าฟันจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้
และการมาเล่นในเมืองหลวงนี่แหละที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ปี 1982 จากการได้ซ้อมบริเวณสนามของ การท่าเรือ ทำให้เขาได้มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนๆ มากมายไม่ว่าจเป็น สะสม พบประเสริฐ, วัฒนา โภชนะคง, ภาคภูมิ นพรัตน์, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ และอีกมากมาย และทำให้เข้าได้ติดทีมเยาวชนปริ๊นเซส ก่อนจะเป็นใบเบิกทางสู่ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ในเวลาต่อมา
ในระดับสโมสร แน่นอนว่า นิพนธ์ ย่อมเริ่มต้นกับ การท่าเรือ ทว่าในห้วงเวลานั้นเขาไม่สามารถสอดแทรก วิลาศ น้อมเจริญ สู่การเป็นมือหนึ่งของทีมได้ ทำให้ต้องตัดสินใจย้ายไปสโมสร ธนาคารกสิกรไทย พร้อมๆ กับเพื่อนๆ อีกหลายราย
แน่นอนว่า ธนาคารกสิกรไทย ยังถือเป็นทีมใหม่ในยุคนั้น เพราะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาในปี 1987 อีกทั้งยังอุดมไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่งมากมาย ซึ่งรวมถึง นิพนธ์ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกมองว่ามีโอกาสน้อยที่จะประสบความสำเร็จ
ทว่าการมีแม่ทัพใหญ่ที่ชื่อ 'โค้ชหรั่ง' ชาญวิทย์ ผลชีวิน นั้นทำให้ประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทย จะต้องจารึกไปตลอดกาล
นิพนธ์ ในวันแรกที่รับเงินเดือนกับ ธนาคารกสิกรไทย เพียง 2,500 บาท แต่เขาและเพื่อนๆ ค่อยๆ ซึมซับแท็กติกที่ ชาญวิทย์ ได้สอดแทรกในสนามทีละเล็ก-ทีละน้อย จนค่อยๆ ไต่เต้าสู่ความสำเร็จทีละขั้น
การได้แชมป์ถ้วยพระราชทาน ก. (ถ้วยลีกสูงสุดในสมัยนั้น) เมื่อปี 1990 คือจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของทีมแบงค์รวงข้าว
แน่นอนว่า ธนาคารกสิกรไทย มีผู้รักษาประตูที่ชื่อ นิพนธ์ เป็นปราการด่านสุดท้าย
จากนั้น นิพนธ์ ก็เป็นฟันเฟือนสำคัญในการคว้าถ้วยลำดับต่อๆ มาของ ธนาคารกสิกรไทย
โดยเฉพาะการได้โทรฟี่ เอเชียน คลับ แชมเปี้ยน (เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) 2 สมัย ติดต่อกัน (1993-94 และ 1994-95) โดยที่ตัวเขาได้รับเลือกให้เป็น 'ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม' ของทัวร์นาเมนต์ด้วย
จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้เขาก้าวสู่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ แม้จะไม่ได้เป็นมือหนึ่งแบบถาวร แต่ชื่อเสียงของ นิพนธ์ ก็ถูกยกย่องในแง่บวกเสมอมา
เมื่อแขวนถุงมือ เขาหันหน้าสู่การเป็นโค้ชผู้รักษาประตู และแน่นอนว่า นิพนธ์ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองสู่มือกาวรุ่นต่อๆ มา ไม่ว่าจะเป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ อนุศิษฏ์ เติมมี ที่เจ้าตัวเคยเป็นผู้เทรนให้โดยตรง
นี่คือเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของผู้รักษาประตูหนึ่งเดียวชาวไทย ที่เคยได้รับเลือกในระดับทวีป
นิพนธ์ มาลานนท์
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา