25 ก.ค. 2021 เวลา 01:38 • ปรัชญา
เคยสงสัยมั้ยว่า
1
ทำไมรู้หมดยังอดไม่ได้
ทำไมยังเป็นทุกข์อยู่
เป็นเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่า ?
ลองตรวจสอบตัวเองกัน
.
Photo by Iván Rivero from Pexels
เพราะความรู้ที่มีไม่ได้เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริง จริง ๆ
เพราะใช้สัญญาเดิมในการศึกษา ปฏิบัติธรรม
ซึ่งเป็นการคิดนึกไปเอง ตรึกตรองไปเอง
มีเชื้อมาจากอวิชชา เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสังขาร
ความปรุงแต่งทั้งหลาย
1
ไม่ต้องมีความรู้อะไรมากก็ได้
ปฏิบัติอย่างถูกต้องให้จริงก็พอ
ถึงตอนแรกจะปฏิบัติผิด
แต่มันจะเกิดการเรียนรู้ต่อจากนั้นได้เอง
เพราะความรู้เดิมไม่ใช่ของจริง
ของจริงต้องหลังจากการปฏิบัติ
หรือ ภาวนามยปัญญา
ต้องเกิดการศึกษาจากภายใน ประจักษ์แจ้งจากภายใน
ต้องเห็นมากพอจนเกิดการวาง
ไม่ใช่เห็นกันทีสองที แล้วเพิ่มความยึดถือเข้าไปอีก
ไม่สามารถใช้แนวทางการศึกษาที่ใช้
ในการเล่าเรียนที่ผ่าน ๆ มา ตั้งแต่ประถม
นำมาใช้ในการศึกษาธรรมะ
การศึกษาทำความเข้าใจแบบโลก ๆ ที่ผ่านมา
จะไม่สามารถเกิดผลลัพธ์แบบใหม่ได้
จึงจมอยู่ในกองทุกข์เหมือนเดิม
การเรียนรู้ในทางโลก จะเกิดการยึดถือในปัญญา
อวดอวยกันไปมาเป็นไปเพื่อการสะสม
ต่างจากในทางธรรม
ปัญญาในทางธรรมเป็นไปเพื่อความดับทุกข์
เพื่อการสละออก ไม่ใช่เพื่อยึดไว้เหนือกว่าคนอื่น
กดข่ม ดูถูกดูแคลนผู้อื่น
3
นำความรู้มาดับทุกข์ในใจให้ได้
ไม่ใช่ประดับไว้คุยเฉย ๆ
หากปรารถนาความพ้นทุกข์
ต้องเปลี่ยนวิธีการศึกษา ปฏิบัติธรรม
เปลี่ยนความเคยคุ้น ความเคยชินเดิม ๆ เสียใหม่
เปลี่ยนวิธีการ
ให้กลายเป็นวิถีแบบใหม่ ตามวิถีพุทธ
ฟังที่พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์สอน
ว่าต้องปฏิบัติยังไง
ไม่ใช่เราคิดว่าต้องทำยังไง
ต้องเป็นยังไง คิดเองเออเอง
ไม่มีใครเก่ง
ผลเกิดจากเหตุ
กระทำเหตุจนถึงพร้อม ผลจะเกิดขึ้นเอง
ไม่เกี่ยวกับความอยาก หรือ ไม่อยาก
เก่ง หรือ ไม่เก่ง
ลบความรู้เดิม ความเห็นเดิม ๆ ออกไปก่อน
ขณะปฏิบัติภาวนา
วางตำราทั้งหลายที่เคยได้ยิน ได้อ่านมา
มิฉะนั้น ก็จะตกร่องเดิม
ร่องที่จะก่อให้เกิดทุกข์ที่เคยคุ้นมายาวนาน
ต้องให้จิตเปลี่ยนเป็นทางที่ออกจากทุกข์
ระหว่างปฏิบัติภาวนา
ความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
วิถีเดิม กับวิถีใหม่จะปะปนคลุกเคล้ากันอยู่
เมื่อปฏิบัติภาวนาจนวิถีแห่งจิตเปลี่ยนทาง
เปลี่ยนมาอยู่บนทางสายกลางเป็นระยะ ๆ
ความเข้าใจผิดเดิม ๆ เป็นเหตุเกิดทุกข์
ที่สะสมกันมาตามเหตุปัจจัย
มากน้อยแตกต่างกัน
จะค่อย ๆ ถูกชำระออกไป เพราะหมดเหตุปัจจัย
เหตุปัจจัยใหม่จากการปฏิบัติภาวนา
ด้วยการพิจารณาไตรลักษณ์ ที่ประกอบด้วยสติตั้งมั่น
จะเป็นเหตุให้ธรรมชาติฝั่งสังขตธรรม
และอสังขตธรรมค่อย ๆ แยกออกจากกัน
เมื่อปฏิบัติจนถึงที่สุดแล้ว
ความเคยชินเดิม ๆ ความเข้าใจผิด ที่มีเชื้อจากอวิชชา
จะถูกล้างออกไปจนหมดสิ้น
มีแต่ความรู้ ความเข้าใจ อย่างถูกต้อง
1
ไม่เกิดการยึดถือจนเป็นเนื้อเดียวกัน
เดินบนทางสายกลางอย่างแท้จริง
ไม่เกิดการเอนเอียง มีความเป็นกลาง เป็นธรรม
เพราะเห็นความจริงตามความเป็นจริง ตกร่องเดิมมีแต่ทุกข์
จึงเบื่อหน่าย คลายความยึดมั่นถือมั่น
เกิดการสลัดคืนธรรมชาติฝ่ายสังขตธรรม
ที่มีสภาพไตรลักษณ์ ถูกยึดถือมานานด้วยความไม่รู้
ทุกข์ก็ดับสนิทอย่างสิ้นเชิง
วิถีชีวิตจึงปราศจากทุกข์ปนเปื้อน
ธาตุแท้ หรือ เนื้อแท้ของจิตเดิมแท้ประภัสสร
จะเผยตัวสว่างสไว
สังขตธรรมเป็นเพียงแขกที่จรมา
ไม่ใช่ของที่มีมาแต่เดิม
จรมาปิดบังความบริสุทธิ์
ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
ไล่ตั้งแต่กามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร
1
เมื่อสังขตธรรมที่มีอวิชชาเป็นเหตุเกิด
ถูกเพิกถอน ชำระออกไปจนหมดสิ้น
จึงบริสุทธิ์หลุดพ้น
:
ธาตุรู้ ตื่น เบิกบาน
เนื้อธรรมแท้ ๆ ของทุกสรรพสิ่ง
ไม่อาศัยปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
บริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวกันในทุกหย่อมหญ้า
... ธรรมแท้ไม่เคยมีการแบ่งแยก ...
ลับมีดให้คมกันหรือยัง
มีดที่ลับเอาไว้ถูกนำมาใช้แล้วหรือยัง
ถามใจตัวเองให้ได้ว่าความรู้ที่ผุดขึ้น
เป็นความรู้ที่จำมาจากครูบาอาจารย์
หรือความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้งเอง
ไม่ใช่แค่เห็น ต้องประจักษ์แจ้ง
ถ้าจำมาตอบคนอื่น ก็ไม่แปลก
ที่ยังรู้หมด แต่อดไม่ได้
เอาเวลาไปปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม
จะเกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น
ถ้ายังไม่รู้แจ้งเห็นจริง
ยังไม่เห็นกระบวนการทำงานของจิต
จนจิตปล่อยวางจิต อย่างแท้จริง
ก็ยังมีความเห็นผิด
เงียบไว้ … จะเกิดประโยชน์กว่า
ตัวเองยังสอนใจตัวเองไม่ได้
ยังมีโอกาสก่อกรรมทำเข็ญ
สร้างเหตุให้ต้องหลงจมในสังสารวัฏต่อไป
ต้องทวนกระแสจิต
หยุดไหลไปตามกระแสกิเลส ความเคยชินเดิม ๆ
ให้เห็นกระบวนการก่อตัวขึ้นแห่งภพภายใน
ก่อนลามออกไปทางการกระทำ
ส่งผลเป็นวิบากสะท้อน กระหน่ำไปมา
อยากเถียงก็ให้เห็นกิเลสที่ผุดขึ้น
รู้เท่าทันกิเลส ที่ดิ้นอยู่ภายใน
จะเกิดประโยชน์กว่าการพ่นมันออกไป
ถ้าวินาทีนี้ฝืนความเคยชินเดิม ๆ ไม่ได้
วินาทีไหนก็ทำไม่ได้ ...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา