23 ก.ค. 2021 เวลา 12:22 • ประวัติศาสตร์
🇹🇼🇨🇳 สงครามกลางเมืองจีน | ฉบับรวบรัด
• Fast Check
สงครามกลางเมืองจีน (Chinese Civil War) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1927 จนถึง 1936 และในปี 1945 จนถึง 1949 โดยเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายชาตินิยม (หรือฝ่ายก๊กมินตั๋ง) กับฝ่ายคอมมิวนิสต์
ในปี 1911 ดร.ซุนยัตเซนและกลุ่มคณะปฏิวัติถ่งเหมิงฮุ่ย ได้ก่อการปฏิวัติซินไฮ่ (Xinhai Revolution) เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิง ซึ่งในท้ายที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 1912 ชัยชนะก็เป็นของฝ่ายคณะปฏิวัติ ส่งผลให้ระบอบจักรพรรดิของจีนที่ดำรงอยู่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ต้องถึงกาลล่มสลายลง
1
ดร.ซุนยัตเซน ผู้นำการปฏิวัติซินไฮ่
หลังจากการปฏิวัติ ก็ได้มีการสถาปนาสาธารณรัฐจีน (Republic of China) โดยจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในกรุงปักกิ่ง ส่วนผู้นำการปฏิวัติอย่าง ดร.ซุนยัตเซน ได้มอบตำแหน่งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีนคนแรกให้กับหยวนซื่อข่าย
1
• หยวนซื่อข่าย เป็นแม่ทัพใหญ่ของราชวงศ์ชิง แต่กลับเข้าร่วมกับฝ่ายปฏิวัติ โดยหยวนซื่อข่ายเคยทำข้อตกลงกับ ดร.ซุนยัตเซน ว่า เขาจะสนับสนุนฝ่ายปฏิวัติ แลกกับการที่เขาจะได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน
ส่วนทางด้านข้าง ดร.ซุนยัตเซน ก็ได้เดินทางกลับไปยังมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของจีน ซึ่งเป็นฐานอำนาจเดิมของเขา ก่อนที่ในเวลาต่อมา ดร.ซุนยัตเซน จะก่อตั้งพรรคการเมือง ซึ่งก็คือพรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang) นั่นเอง
3
ปรากฏว่าประธานาธิบดีหยวนซื่อข่ายกลับกำเริบในอำนาจ ถึงขั้นสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ และพยายามฟื้นฟูระบอบจักรพรรดิของจีน ส่งผลให้ชาวจีนทั้งประเทศต่อต้านเขา ผลสุดท้ายหยวนซื่อข่ายก็ไม่สามารถทนต่อแรงต่อต้านได้ และยอมลงจากตำแหน่งจักรพรรดิ หลังจากนั้นไม่นานหยวนซื่อข่ายก็เสียชีวิตลง
3
หยวนซื่อข่าย อดีตแม่ทัพผู้จงรักภักดีของราชวงศ์ชิง แต่สุดท้ายกลับเข้าร่วมกับฝ่ายปฏิวัติ
หลังจากการตายของหยวนซื่อข่าย รัฐบาลสาธารณรัฐในกรุงปักกิ่งก็ไร้ซึ่งเสถียรภาพ แย่งชิงอำนาจกันเอง และไม่สามารถสร้างความเป็นเอกภาพให้กับประเทศได้
ด้วยเหตุนี้จึงเปิดโอกาสให้แม่ทัพขุนศึกในแต่ละหัวเมืองและแต่ละมณฑล ได้สร้างเขตอิทธิพลเป็นของตนเอง (สร้างอำนาจไม่ต่างจากเป็นประเทศใครประเทศมันเลยทีเดียว) และทำสงครามแย่งชิงอำนาจกัน
ซึ่งในช่วงเวลาที่แผ่นดินจีนแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่านี้ ถูกเรียกว่า 'ยุคขุนศึก' (Warlord Era) ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1915 จนถึง 1928
1
เวลาผ่านไปจนกระทั่งในปี 1925 ดร.ซุนยัตเซ็น ได้เสียชีวิตลง เจียงไคเช็คผู้เป็นทายาททางการเมืองของ ดร.ซุนยัตเซน จึงครองอำนาจในฐานะผู้นำพรรคก๊กมินตั๋งสืบต่อมา
เจียงไคเช็ค ผู้นำฝ่ายชาตินิยม
เจียงไคเช็คได้สืบทอดเจตนารมณ์ของ ดร.ซุนยัตเซน ก็คือการยุติยุคขุนศึก และรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียว
1
ทำให้ในปี 1926 เจียงไคเช็คจึงยกทัพบุกภาคเหนือของจีนเพื่อรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว (การกรีฑาทัพสู่ภาคเหนือ Northern Expedition) ซึ่งผลสุดท้ายในปี 1928 เจียงไคเช็คก็สามารถรวมแผ่นดินจีนได้สำเร็จ และจัดตั้งรัฐบาลของสาธารณรัฐจีนอยู่ที่เมืองหนานจิง (หรือนานกิง)
3
ซึ่งการรวมแผ่นดินจีนของเจียงไคเช็คนั้น ทางพรรคก๊กมินตั๋งยังได้ร่วมมือกับทางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย
โดยสาเหตุที่ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เป็นเพราะว่าพรรคก๊กมินตั๋งได้รับการสนับสนุนจากทางสหภาพโซเวียต ซึ่งสหภาพโซเวียตได้ให้ข้อแม้ว่า สหภาพโซเวียตจะให้การสนับสนุนก๊กมินตั๋ง ก็ต่อเมื่อก๊กมินตั๋งให้การยอมรับพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย
5
แต่ปรากฏว่าในปี 1927 หรือราว 1 ปี ก่อนที่ก๊กมินตั๋งจะรวมแผ่นดินจีนได้ เจียงไคเช็คกลับออกคำสั่งให้จับกุม และกวาดล้างสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยความรุนแรง จนเกิดเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Massacre) ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
3
ด้วยเหตุนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงจับอาวุธต่อสู้กับฝ่ายก๊กมินตั๋ง จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองจีนในท้ายที่สุด
ในปี 1934 กองทัพก๊กมินตั๋ง (หรือเรียกว่าฝ่ายชาตินิยม) ได้ยกทัพบุกล้อมมณฑลเจียงซีทางใต้ของจีน ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นเขตอิทธิพลและเขตปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (เรียกว่า สาธารณรัฐจีนโซเวียต) ซึ่งมีเหมาเจ๋อตงเป็นผู้นำ
3
เหมาเจ๋อตงและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ด้วยเหตุนี้ เหมาเจ๋อตงจึงทำการอพยพสมาชิกพรรคและผู้คนมากถึง 70,000 คน เพื่อหลบหนีจากการถูกล้อมโดยกองทัพก๊กมินตั๋ง เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า 'การเดินทัพทางไกล' (The Long March)
ซึ่งการอพยพดังกล่าวมีระยะทางที่ไกลและหฤโหดเป็นอย่างมาก โดยเป็นระยะทางมากถึง 5,600 ไมล์ (ราว 9,000 กิโลเมตร) จากมณฑลเจียงซีที่อยู่ทางใต้ ไปยังมณฑลส่านซีที่อยู่ทางเหนือ สุดท้ายการอพยพประสบความสำเร็จ แต่มีผู้รอดชีวิตจากการอพยพครั้งนี้ เหลือเพียงแค่ราว 7,000 คน เท่านั้น
3
เหมานำผู้คนอพยพในเหตุการณ์ Long March
หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงสู้รบกันต่อไป จนกระทั่งในปี 1937 สงครามของทั้งสองก็ต้องยุติกลางคัน เพราะว่าญี่ปุ่นได้ยกทัพบุกรุกรานจีน
ด้วยเหตุนี้ เจียงไคเช็คกับเหมาเจ๋อตงจึงได้มีการเจรจากัน โดยทั้งสองตกลงที่จะยุติสงครามของทั้งสองชั่วคราว เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูที่มารุกรานแผ่นดินจีน
กองทัพพันธมิตรของก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ต่อสู้กับญี่ปุ่น จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ซึ่งชัยชนะก็เป็นของฝ่ายกองทัพพันธมิตร
1
ทว่ามิตรภาพของทั้งสองก็ไม่ได้ยั่งยืน เพราะหลังจากที่ร่วมมือกันเอาชนะญี่ปุ่นได้ ทั้งสองก็กลับมาทำสงครามกันอีกครั้ง
สงครามกลางเมืองครั้งใหม่ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้การสนับสนุนจากชาติพันธมิตรของตน โดยฝ่ายก๊กมินตั๋งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในขณะที่ฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต
แต่สุดท้ายด้วยความที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์จีนมีกำลังไพร่พลที่มากกว่า ประกอบกับชาวจีนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะกับชนชั้นเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจีน) ให้การสนับสนุนกับทางพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงทำให้ฝ่ายก๊กมินตั๋งค่อย ๆ เพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนที่ท้ายที่สุด ในปี 1949 ฝ่ายก๊กมินตั๋งก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมือง เจียงไคเช็คและผู้สนับสนุนต้องลี้ภัยไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน ซึ่งพวกเขาก็ได้ไปตั้งรัฐบาลของสาธารณรัฐจีน ปกครองอยู่ที่เกาะไต้หวันจนถึงทุกวันนี้
5
ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้กุมอำนาจปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ เหมาเจ๋อตงจึงประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในเดือนตุลาคม 1949 ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
เหมาเจ๋อตงสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา