23 ก.ค. 2021 เวลา 15:31 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
TES ผู้แปลง “ขยะ” ให้เป็น “มูลค่า”
1
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน ทำให้เกิดการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำของคนมากมายมหาศาล แน่นอนว่า อุปกรณ์เทคโนโลยีเหล่านี้ย่อมมีอายุการใช้งานของตนเอง ดังนั้น เมื่อหมดประโยชน์ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว หรือไม่เป็นที่ต้องการใช้งานได้อีกต่อไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ย่อมแปรสภาพเป็น e-waste หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ไม่สามารถโยนทิ้งปะปนกับขยะทั่วไปได้ เพราะจะเป็นมลพิษร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น e-waste เหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการที่เป็นระบบ ภายใต้ความเชี่ยวชาญชำนาญการของผู้ที่มีทักษะความรู้ในการดำเนินอย่างจริงจัง เพื่อให้การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ปริมาณมหาศาลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์การใช้งานทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุด
TES หรือ Total Enviromental Solutions ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบเบ็ดเสร็จแห่งเดียวในไทย ที่ให้บริการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ แบบ one-stop service ครบและจบสมบูรณ์ในที่เดียว
TES ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ปัจจุบันมีโรงงานอยู่มากกว่า 38 แห่งใน 20 ประเทศทั่วโลก โดยโรงงานแต่ละแห่งจะดำเนินธุรกิจจัดการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ การทำลายข้อมูล (data destruction) และการทำ assets recovery หรือ การฟื้นสภาพอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง
TES ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Hi-tech จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้สะดวกด้านการจัดทำเอกสารเพื่อการส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปจัดการทำลายต่อไป โดยไม่ต้องเสียภาษี โดยบริษัทได้รับสิทธิในการส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ตามอนุสัญญา Basels ที่ว่าด้วยการส่งสินค้าอันตรายข้ามแดนที่ต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมแบบปีต่อปี
กรวิกา ชัยประทีป ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของ TES กล่าวกับ The Story Thailand ว่า เทสรับจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ลิเธียมแบตเตอร์รี่ที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ และรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงตลับหมึกเครื่องปริ๊นเตอร์​
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ TES ไม่รับ คือ จอมอนิเตอร์รุ่นเก่าหรือจอซีอาร์ทีที่มีหลอดไอโอโดสที่บริษัทไม่สามารถจัดการได้ ถ่านอัลคาไลน์ และหลอดไฟ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเป็นคนรับไปไปจัดการ
กรวิกา กล่าวว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยสามารถแบ่งตามที่มาได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ e-waste จากฝั่งผู้ผลิต และ e-waste จากฝั่งผู้บริโภค TES จะทำงานจัดการขยะอิเล็กทรอกนิกส์จากฝั่งผู้ผลิตเป็นหลัก ซึ่งมีปริมาณขยะ e-waste มากกว่าฝั่งผู้บริโภค
ประกอบกับการที่ไทยยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้เกี่ยวกับ e-waste Electrics Electrical Equipment ในฝั่งผู้บริโภคอย่างจริงจัง ทำให้ไม่สามารถจัดการปริมาณ e-waste ในฝั่งนี้ได้มากนัก ตรงข้ามกันกับฝั่งอุตสาหกรรมที่มีกฎหมายกำกับดูแลอย่างเข้มงวดและจริงจัง
ศักยภาพของ TES ประเทศไทย สามารถให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การไปรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ (Managed Deployment) การทำลายข้อมูล (Onsite Data Destruction) การฟื้นสภาพ (Asset Recovery) และการรีไซเคิล (Recycling)
“ปัจจุบัน TES สามารถรองรับการจัดการปริมาณ E-WASTE ได้ 300 ตันต่อเดือน จากแรกเริ่มที่ก่อตั้งบริษัทที่รับเพียงเดือนละไม่กี่สิบตัน”
ทั้งนี้ การจัดการของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ การเผา และการฝังกลบ ซึ่งการเผาทั้งแบบเผาที่ทำลายแบบหมดจดในระบบปิดเพื่อป้องกันมลพิษ ซึ่งข้อเสียของการกำจัดแบบนี้ คือ สูญทรัพยากรในส่วนที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ และการเผาเพื่อนำความร้อนที่ได้ไปใช้ในการผลิตพลังงาน
ส่วนการจัดการขยะแบบฝังกลบนั้นจะมีกรรมวิธีจัดการใส่สารเคมีเพื่อป้องกันไม่ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม แต่สุดท้ายแล้วผืนดินขนาดใหญ่นั้น ๆ ก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกหรืออยู่อาศัยได้เป็นเวลานานหลายสิบปี
“ไม่ใช่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทที่สามารถโยนเข้าเตาหลอมเผาเป็นพลังงานได้ทั้งหมด แนวทางการจัดการขยะของ TES คือ พยายามจะทำ Zero Landfill”
การเดินทางของ e-waste
กรวิกา อธิบายว่า โดยหลัก ๆ แล้ว TES จะรับ e-waste ทุกอย่างที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทางบริษัทจะสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งเมื่อรับเข้ามาแล้ว บริษัทจะทำการแกะแยกให้เป็นวัตถุดิบหลัก อาทิ พลาสติก เหล็ก อะลูมิเนียม สแตนเลส หรือ พีซีบี บอร์ด เพื่อให้เห็นว่าส่วนไหนจัดอยู่ในหมวดขยะอิเล็กทรอนิกส์จริง ๆ ในกรณีนี้ คือ พีซีบีบอร์ด
โดย TES จะจัดการส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปจัดการที่โรงงานแม่ของบริษัทในสิงคโปร์ ซึ่งเมื่อได้รับขยะ e-waste ไปแล้วก็จะทำการบดย่อย ลดขนาด ก่อนส่งเข้ากระบวนการทางเคมี เพื่อกลั่นออกมาให้ได้เป็นแร่ธาตุหรือโลหะมีค่าตามสารประกอบในพีซีบอร์ด เช่น ทอง พาราเดียม หรือเงิน แล้วนำส่วนนี้ไปขายคืนให้บริษัทนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ต่อไป หรือถ้าเป็นทองคำก็ขายให้กับผู้ผลิตนำไปหลอมเป็นทองแท่งต่อไปได้
“เท่ากับว่าวัตถุดิบที่ได้จากการรีไซเคิลนี้สามารถนำกลับไปใช้งานใหม่ได้ ไม่ต้องถลุงแร่ธาตุเพื่อมาผลิตเป็นพีซีบีบอร์ด ซึ่ง TES พยายามจะจัดการรีไซเคิล e-waste ให้ได้ 97% ส่วนที่เหลืออีก 3% เผื่อไว้สำหรับการสูญหายในระหว่างการดำเนินการ”
“โรงงานของ TES ในไทย ไม่สามารถดำเนินการรีไซเคิลได้ สิ่งที่ทำ คือ การรวบรวม การคัดแยก แล้วส่งไปรีไซเคิล กระบวนการจัดการ e-waste หลัก ๆ ของ TES จะอยู่ที่สิงคโปร์”
คำว่ารีไซเคิลนี้จะครอบคลุม 3R คือ Reduce, Reuse และ Recycle โดย R แรก คือ การลดขนาด R ที่สอง คือ นำชิ้นส่วนที่ยังใช้งานได้กลับมาซ่อมแซมแล้วนำกลับไปใช้ใหม่ และ R สุดท้าย คือ การนำชิ้นส่วนที่เสียใช้งานไม่ได้แล้วกลับไปเข้ากระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ต่อไป
ทั้งนี้ กระบวนการรวบรวมและคัดแยกมีขั้นตอนให้จัดการอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้กระทบต่อสังคมและสภาพแวดล้อมอีกมากมาย
กรวิกา กล่าวว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชนิดจะมีรายละเอียดปลีกย่อย มีลำดับการคัดแกะแยก และมีประเด็นอ่อนไหว ที่ต้องเข้าไปจัดการ ซึ่งไม่เพียงต่ออาศัยแค่ทักษะความชำนาญในการจัดการเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึง ความเชื่อมั่นไว้วางใจที่ลูกค้าผู้ใช้บริการมีต่อบริษัท
ยกตัวอย่าง เช่น การจัดการอุปกรณ์แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์ทีทาง TES แสดงให้ลูกค้าเห็นว่า บริษัทจัดการทำลายข้อมูลในส่วนที่อาจจะเป็นประเด็นอ่อนไหวหรือเป็นความลับชนิดที่ลูกค้าสามารถวางใจได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่มีทางรั่วไหลแน่นอน
ขณะเดียวกัน การคัดแยกต้องอาศัยความรู้ที่แม่นยำในการแกะงัดและจัดประเภทของวัตถุดิบที่ได้ออกมา เพื่อให้สามารถนำไปจัดการต่อไปได้อย่างถูกต้อง
กระแสรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมช่วงไม่กี่ปีทีผ่านมา ทำให้การดำเนินการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ของ TES ได้รับการตอบรับจากบรรดาผู้ประกอบการไทยและบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาตั้งโรงงานในไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ เป้าหมายและพันธกิจหลักในการดำเนินธุรกิจที่ TES ตั้งเป้าไว้และยึดมั่นอยู่เสมอคือ การเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดการ e-waste อย่างเต็มรูปแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตขึ้นมาได้สมบูรณ์ถ้วนทั่วตามอายุงานของมันอย่างเต็มศักยภาพ โดยครอบคลุมทั้งการรีไซเคิล การทำลายข้อมูล นำไปทำสินค้ามือสองต่ออายุการใช้งาน
“ลูกค้าหลัก ๆ ของเราส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์ มือถือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเมนบอร์ด ซึ่งในไทยมีโรงงานผลิตประเภทนี้เยอะมาก ๆ”
นอกจากนี้ ลูกค้าของ TES ยังครอบคลุมสถาบันการเงิน ในการทำลายอุปกรณ์ผลิตพันธบัตรหรือตู้เอทีเอ็ม ตามมาตรฐานที่หมายถึงการทำลายข้อมูลก่อนนำมารีไซเคิล ซึ่ง TES จัดการให้ได้ สถาบันการศึกษา ตลอดจนผู้ให้บริการเทคโนโลยีโทรคมนาคม อย่างเอไอเอสและ ดีแทค
อ่านบทความต่อได้ที่
ติดตามสตอรี่ดี ๆ จาก The Story Thailand ได้ตามช่องทางเหล่านี้
#TheStoryThailand #เดอะสตอรี่ไทยแลนด์ #สตอรี่ดีๆ
#eWaste #TES
โฆษณา