24 ก.ค. 2021 เวลา 15:11 • ข่าว
#ดราม่าสนั่นคองเกรซ
สหรัฐเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาไวรัสในจีน
6
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเจอพายุการระบาดระลอกใหม่ ที่มีแนวโน้มจะใหญ่กว่าเก่าของเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ Delta จากอินเดีย ที่เริ่มมีข่าวว่าวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ก็อาจจะเอาไม่อยู่?
4
แต่ที่ในสภาคองเกรซของสหรัฐอเมริกาก็มีการอภิปรายเดือดไม่แพ้กัน ที่เกี่ยวข้องด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี ที่ปรึกษาหน่วยเฉพาะกิจ Covid-19 และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้ และ โรคระบาดแห่งชาติ ว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนเงินให้กับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น ในการพัฒนา เปลี่ยนแปลงสภาพให้เชื้อไวรัส เพื่อศึกษากลไกในการข้ามสายพันธุ์ จากเชื้อไวรัสของจากสัตว์ สู่การติดต่อในมนุษย์
9
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น เป็นเป้าหมายที่สหรัฐใช้โจมตีจีนว่า เป็นต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในขณะนี้
8
ทีมที่เปิดประเด็นอภิปรายก็คือ วุฒิสมาชิก แรนด์ พอล จากพรรครีพับลิกัน ได้ยกเอกสารอ้างอิงจากงานวิจัยที่ได้ทำร่วมกันระหว่าง นักวิจัยของสถาบันจีน ที่ทำร่วมกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of North Carolina ของสหรัฐอเมริกา ที่ออกมาในปี 2015 และ 2017 ที่เขียนถึงความคืบหน้าในการศึกษากลไกของเชื้อไวรัส
5
ซึ่งในงานวิจัยทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้พูดตรงๆว่าเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ไวรัส แต่พูดถึงโปรเจคงานวิจัยที่ชื่อว่า "Gain-of-Function Research"
4
โดย BBC ได้ให้คำอธิบายของกระบวนการที่เรียกว่า Gain-of-Function ว่า เป็นการศึกษากลไกบางอย่างที่กระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ขึ้นมา เช่น การพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนแล้งได้ดีขึ้น หรือ การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของยุง ที่ทำให้พวกมันเป็นพาหะโรคสู่มนุษย์ได้น้อยลง ซึ่งกลไกที่ว่านี้ อาจเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ หรือสร้างขึ้นภายในห้องแล็บทดลอง
10
และนั่นก็รวมถึงการศึกษาศักยภาพในการพัฒนาของไวรัส ที่สามารถติดต่อสู่มนุษย์ได้ และประสิทธิภาพในการแพร่ระบาด ซึ่งจากเอกสารวิจัยทั้ง 2 ฉบับที่วุฒิสมาชิก รีพับลิกันได้ยกขึ้นมาอ้างเป็นหลักฐานก็ระบุตรงกันว่า มีเชื้อไวรัสชนิดใหม่จากการทดลองนี้
6
ซึ่งถ้ามองในแง่ดี การเข้าใจถึงกลไกของเชื้อไวรัสก็จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ และตัดวงจรการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาวัคซีน และยาต้านนั่นเอง แต่ถ้าเกิดเชื้อไวรัสพวกนี้มันไม่ได้ถูกต่อยอด ไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ หรือทีมวิจัยควบคุมความปลอดภัยไม่ดีพอ แทนที่เราจะก้าวไปข้างหน้า กลับต้องมาสะกดคำว่า "หายนะ" กันใหม่อย่างทุกวันนี้
10
ว่าแต่ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี กับสถาบันวิจัยโรคระบาดของสหรัฐเอาเงินไปสนับสนุนสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นที่ตอนไหน?
6
ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่สหรัฐได้จัดตั้งหน่วยงานไม่แสวงหากำไรแห่งหนึ่งชื่อว่า EcoHealth Alliance
3
EcoHealth Alliace หรือ EHA ทำหน้าที่ศึกษาและป้องกันการเกิดโรคระบาด และจะประสานงานเตือนภัยเมื่อพบการระบาดที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นการระบาดระดับโลก ซึ่งหน่วยงาน EHA นี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลกลางผ่านทางสถาบันวิจัยโรคระบาดที่ด็อกเตอร์ ฟาวซี ดูแลอยู่ คิดเป็นงบประมาณ 3.2 - 3.75 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2015 ในสมัยของ บารัค โอบาม่า ที่จะมีการรีวิวงบให้ใหม่ทุกๆ 5 ปี
3
โดยมีรายงานว่า EHA ได้เจียดงบส่วนหนึ่งไปให้สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น เพื่อทำการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในค้างคาว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทางสถาบันอู่ฮั่นมีทีมที่เก็บตัวอย่างไวรัสโคโรน่าในค้างคาวมากที่สุดแล้ว กว่า 15,000 ชนิด
3
แต่ทั้งนี้ ผู้อำนวยการของ EHA ก็บอกว่า เงินสนับสนุนงานวิจัยที่ให้กับทางอู่ฮั่นก็ไม่ได้มากอะไร แค่ราวๆ 76,000 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการพัฒนาไวรัส ที่เรียกว่า
Gain-of-Function Research ตามที่เป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้
1
แล้วงบที่สนับสนุนสถาบันวิจัยอู่ฮั่นก็โดนตัดไปแล้ว เมื่อ โดนัลด์ ทรัมพ์ เข้ามา โดยแกสั่งให้ตรวจสอบว่ามีหน่วยงานรัฐไหน ที่เกี่ยวข้อง หรือใช้งบสนับสนุนหน่วยงานของจีน แล้วหวยก็มาลงที่ EHA และ ศูนย์วิจัยไวรัสอู่ฮั่น แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ท่านเสี่ยทรัมพ์ แกตัดทุกอย่างที่เป็นโครงการของโอบาม่าอยู่แล้ว
4
ต่อมา ทีมการเมืองจากฟากรีพับลิกัน ที่พยายามหาช่องเล่นงาน ด็อกเตอร์แอนโธนี ฟาวซี อยู่แล้ว ก็ไปพบหลักฐานเป็นงานวิจัยที่สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น ได้ทำร่วมกับ University of North Carolina เรื่องการวิจัยกลไกในการพัฒนาไวรัสนี่เอง ที่เป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับที่สถาบันอู่ฮั่นได้งบจาก EHA ที่ได้ผ่านมาทางสถาบันวิจัยโรคระบาด ที่ด็อกเตอร์ฟาวซีนั่งเป็นผู้อำนวยการอยู่
11
โดยทางวุฒิสมาชิก แรนด์ พอลได้จี้ประเด็นว่า ด็อกเตอร์ฟาวซีเคยปฏิเสธเสียงแข็งว่า หน่วยงานของเขาไม่เคยให้เงินสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาไวรัสที่เมืองจีน แล้วนี่อะไร? โกหกต่อหน้าสภาคองเกรซมีโทษหนักนะหมอ?
3
ฝ่ายด็อกเตอร์ฟาวซี ก็โต้ตอบว่า พวกคุณอ่านอะไรอยู่ รู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า แค่อ้างอิงงานวิชาการไม่กี่ชิ้น ก็มาพูดเป็นตุ เป็นตะ ว่าผมอนุมัติงบจากภาษีชาวอเมริกันไปช่วยพัฒนาไวรัสที่จีน ไวรัสในโลกก็มีหลายชนิด และผลงานวิจัยก็ออกมาว่า ไม่สามารถสรุปผลกลไกของการเพิ่มประสิทธิภาพของไวรัสได้ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนไวรัสโคโรนาที่ระบาดจากสัตว์สู่มนุษย์เลย
7
แล้วต่างฝ่าย ต่างก็เถียงกันหน้าดำ หน้าแดง แบบไม่มีใครฟังใคร จึงยังหาข้อสรุปไม่ได้ และยังหลงประเด็นสำคัญว่า สถาบันจากสหรัฐ และจีน ที่ได้ร่วมมือวิจัยไวรัสในครั้งนั้น มีเป้าหมายเพื่อต้องการมองหาอะไร?
2
และทำให้ความจริงเรื่องต้นกำเนิดของไวรัส ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันต่อไป ทั้งผู้ถูกกล่าวหาอย่างจีน ที่คลุมเครือในหลายๆเรื่อง และล่าสุดยังปฏิเสธที่จะให้ทีมงานสืบสวนเคส ต้นกำเนิด Covid -19 ดำเนินงานต่อในเฟส 2
6
หรือผู้กล่าวหาอย่างสหรัฐ ที่ออกโรงรำมาตั้งแต่สมัย โดนัลด์ ทรัมพ์ ว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าต้นกำเนิด Covid-19 มาจากห้องแล็บในอู่ฮั่น แต่ก็ไม่เปิดออกมาเสียที จนหลายคนสงสัยว่าหากมีการเปิดเผยเอกสารที่มีจริง อาจเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ เจอตอเพิ่มในบ้านตัวเองก็เป็นได้🤔
3
แหล่งข้อมูล
โฆษณา