24 ก.ค. 2021 เวลา 17:02 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าของหนูนิ ลำดับที่ ๓๗
ตอน กามนิตและวาสิฏฐี
.
บทประพันธ์แนวอิงพระพุทธศาสนาของนักเขียนรางวัลโนเบลปีคศ. ๑๙๑๗
Karl Adolph Gjellearup
.
แปลโดยเสถียร โกเศศ และนาคะประทีป
.
ตอน ๒/๑๑
.
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านที่คนของกามนิตพักแรม กามนิตก็รีบปลุกคนของเขา ให้เตรียมออกเดินทางทันที เดินทางมาได้๑๒วัน เวลาประมาณเที่ยงวันก็ถึงหุบเขาที่มีความร่มรื่นมีแม่น้ำน้อยไหลผ่าน
.
คราวที่มากับท่านทูตก็เคยหยุดพักแรมที่นี่ กามนิตจึงใหัพักกองเกวียนเพื่อหุงหาอาหาร พักผ่อนและชำระกาย ตัวเขาเองก็นอนแผ่สบายใจอยู่โคนต้นไทรเพื่อรำลึกถึงวาสิฏฐี
.
กำลังฝันหวานถึงเธอก็มีเสียงเอะอะตึงตังจนสะดุ้งตื่น ปรากฎว่ากองเกวียนของเขา ถูกโจรองคุลิมาลปล้นและฆ่าคนของเขาจนเกือบหมด แม้แต่กามนิตเองก็สู้ไม่ไหวโดนจับตัว พร้อมด้วยโกลิตคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเขา
.
อย่าว่าแต่ขวดบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากพระแม่คงคาที่ตั้งใจไปฝากบิดา-มารดาเลย แม้แต่ช่อดอกอโศกที่พรมด้วยน้ำตาของวาสิฎฐีที่อิงไว้กับอกของกามนิต ก็ถูกโจรใจบาปเหยียบย่ำจนไม่เหลืออะไรให้ดูต่างหน้า
.
องคุลิมาลเป็นโจรชนิดที่เรียกว่า "ผู้ส่ง" เพราะมีธรรมเนียมของมันอยู่ข้อหนึ่งคือ ถ้าจับได้๒คนจะปล่อย๑คนไปหาค่าไถ่ตามจำนวนที่มันกำหนด คือ
.
๑.พ่อกับลูก ปล่อยพ่อไปหาเงินสำหรับค่าไถ่ลูก(พ่อย่อมไม่ปล่อยให้ลูกตาย)
.
๒.พี่กับน้อง ปล่อยคนใดคนหนึ่ง(วัดดวงกันเอาเอง)
.
๓.ศิษย์กับอาจารย์ ปล่อยศิษย์(ศิษย์ยังเรียนไม่สำเร็จอย่าเพิ่งตายนะอาจารย์ ศิษย์จ่ายค่าทอมครบแล้ว ถ้าปล่อยอาจารย์ๆจะหาศืษย์เมื่อใดก็ได้)
.
๔.นายกับบ่าว ปล่อยบ่าว(บ่าวอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายเลี้ยงดู)
.
หนังสือไม่ได้บอกว่าถ้าสามีและภรรยาปล่อยใคร แต่ในการ์ตูนขายหัวเราะเคยบอกว่าคุณโฉมฉุนถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ๑ ล้านบาท สามีคุณโฉมฉุนเสนอให้ทันที ๒ ล้านบาท แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเอาคุณโฉมฉุนมาคืนอย่างเด็ดขาด
.
ช่วงเวลาที่กามนิตรอการไถ่ตัว เขาก็ได้รู้จักกับโจรศีรษะโล้นหน้าเกลี้ยงไม่มีเครานามว่า "วาชศรพ" ชายคนนี้เป็นบุตรพราหมณ์เกิดในฤกษ์ดาวโจรจึงต้องเป็นโจร
.
ใหม่ ๆ ก็ยังเป็นโจรกระจอก แต่ต่อมาก็ใช้ความรู้ที่ได้มาจากพ่อเกี่ยวกับพิธีกรรม มาร่วมกลุ่มกับองคุลิมาล วาชศรพเป็นผู้เดียวที่องคุลิมาลเกรงใจมากเพราะเขามีหน้าที่๒อย่างคือ
.
๑. เป็นครูผู้ทำพิธีบูชายันต์ เพราะถ้าไปปล้นสะดมได้มากก็ถือว่า ผู้นี้เป็นผู้ทำการบูชาดี
.
๒.เป็นผู้สอนลัทธิศาสนาว่าด้วยวิชาโจร ด้วยเหตุนี้สมุนโจรจึงมีระเบียบวินัย น้อง ๆ ทหารเลยทีเดียว
.
วาชศรพดูจะพอใจกามนิตเป็นพิเศษ เขาได้ช่วยกามนิตไว้จากองคุลิมาลถึง ๒ ครั้ง สาเหตุที่องคุลิมาลอยากได้ชีวิตของกามนิต มากกว่าเงินค่าไถ่ก็เพราะ ตอนที่โจรเข้าปล้นกองเกวียน กามนิตมีส่วนร่วมต่อสู้กับลูกน้อง และฆ่าคนขององคุลิมาลไปหลายคน
.
วิธีการลงโทษของพวกโจรหากค่าไถ่ตัวมาไม่ทันตามกำหนด ก็คือการนำเลื่อยมาผ่ากลางลำตัวเป็น๒ท่อนแล้วนำไปทิ้งไว้กลางถนน กามนิตจึงรู้สึกสยองกลัวคนรับใช้นำเงินค่าไถ่มาให้ไม่ทัน แต่วาชศรพบอกว่า
.
"ลิขิตในตัวท่านแสดงว่าจะไม่ได้รับกรรมในตอนนี้ แต่จะต้องเป็นไปอีกอย่างหนึ่ง ท่านเองก็เกิดในฤกษ์ดาวโจรขึ้น ฉะนั้นวันหน้าท่านจะได้เป็นโจรเช่นเดียวกับข้า"
.
ในที่สุดคนรับใช้ของกามนิตก็นำเงินค่าไถ่มาจ่ายให้ก่อนกำหนดเสียอีก องคุลิมาลให้ลูกน้อง ๔ คนมาส่งกามนิตจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย เพราะระหว่างทางหากเกิดอะไรขึ้นกับกามนิต เจ้า ๔ คนนี้ต้องรับผิดชอบ
.
กามนิตร่ำร้องที่จะจัดกองเกวียนไปโกสัมพีอีกแต่บิดามารดาไม่ยอม เพราะค่าไถ่ตัวของกามนิตหมดเงินไปไม่น้อย ไหนจะสินค้าและข้าทาสบริวารที่กามนิตคุมไปก็สูญสิ้นหมด ไม่มีปัญญาแต่งกองเกวียนได้ในตอนนี้ และข้อสำคัญไม่ต้องการให้กามนิตไปเสี่ยงอีก กามนิตจึงต้องทนนิ่งและเฝ้าคิดถึงหญิงคนรัก
.
วันเวลานับจากที่กามนิตจากไปเป็นเวลา ๒ ปี โดยที่ไม่ทราบข่าวคราวใดๆ วาสิฏฐีก็ได้เมทินีเพื่อนรักคอยให้กำลังใจ สาตาเคียรยังคงเพียรตามตื๊อไม่เลิกแม้ฝ่ายหญิงจะแสดงอาการอย่างไรก็ตาม เพราะถือคติ"ด้าน-ได้ อาย-อด" บิดามารดาของวาสิฏฐีก็รบเร้าให้แต่งงานกับเขาแต่เธอได้แจ้งต่อทั้งคู่ว่า มีความรักต่อกามนิตและสัญญาต่อกันแล้ว
.
วันหนึ่งก็มีการต้อนรับเหล่าทหารที่นำโดยสาตาเคียร เขาประสบความสำเร็จ ในการนำทหารไปปราบโจรองคุลิมาล และได้นำองคุลิมาลในสภาพที่ถูกล่ามโซ่ตรวนมาสารภาพกับวาสิฏฐีว่าได้ฆ่ากามนิตแล้วเพราะนำค่าไถ่มาให้ไม่ทันเวลา หลักฐานก็คือสร้อยแก้วตาเสือที่กามนิตสวมคอเป็นประจำ บิดาของวาสิฏฐีที่เป็นช่างทองรับรองว่าเป็นของกามนิตจริง
.
องคุลิมาลได้ยืนยันว่าสิ่งที่พูดนี้เป็นความจริงโดยขอให้เทวีแห่งราตรีประทานพละกำลังให้เขา สามารถกระชากโซ่ตรวนขาด แล้วองคุลิมาลก็กระชากโซ่จนขาด เขาทำร้ายทหารที่คุมตัวมาแล้วโดดกำแพงหนีไป นั่่นคือเหตุการณ์ที่วาสิฏฐีประสบด้วยตนเองจึงทำให้เธอเชื่อสนิทใจว่ากามนิตตายจากเธอไปแล้ว
.
ส่วนองคุลิมาลกระโดดกำแพงลงไป แล้วขาหักหนีไม่รอดจึงถูกจับขังคุกทรมานจนตาย ถูกตัดหัวเสียบประจานที่ประตูเมือง
.
สาตาเคียรก็ยังคงตามมาขอวาสิฏฐีต่อบิดามารดาของเธอร่ำไป มารดาของวาสิฏฐีวันๆเอาแต่ร้องไห้ว่าท่านคงต้องตรอมใจตาย เพราะลูกสาวไม่ยอมมีเหย้าเรือน เป็นที่อับอายเพื่อนๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปอีก ๑ ปี(รวมเวลา ๓ ปี) วาสิฏฐีจึงยอมที่จะแต่งงานกับสาตาเคียร
.
จบตอน ๒
.
โปรดติดตามตอนต่อไป เสาร์ที่ ๓๑-๗-๖๔
.
หมายเหตุ องคุลิมาลเดิมชื่ออหิงสะกะ เป็นบุตรพราหมณ์ปุโรหิต แต่เพราะสติปัญญาดีเรียนเก่งกว่าศิษย์คนอื่นๆจึงเป็นที่ริษยาของเหล่าลูกศิษย์
.
คนเหล่านั้นจึงไปยุอาจารย์จนท่านเกลียดชังอหิงสะกะ อาจารย์จึงให้เขาไปฆ่าคนให้ได้๑พันคน เพื่อทำมนต์วิเศษให้ จุดหมายที่แท้จริงของอาจารย์ก็เพื่ออาจมีคนที่มีฝีมือกว่าจะได้ฆ่าอหิงสะกะเสีย
.
อหิงสะกะฆ่าคนไปมากมายแต่จำไม่ได้ว่าเท่าใด จึงเริ่มนับ ๑ ใหม่ คราวนี้เขาตัดนิ้วของศพๆละ ๑ นิ้วแล้วทำเป็นพวงห้อยคอไว้ คำว่าองคุลิมาลแปลว่า
"ผู้มีนิ้วมือเป็นพวงมาลา"
ส่วนการยืนยันขององคุลิมาลต่อวาสิฎฐี เรียกว่า
"การทำสัจจะกิริยา"
โฆษณา