25 ก.ค. 2021 เวลา 06:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จีนห้ามบริษัทในปากีสถาน 9 รายส่งออกไปจีนเป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 หลังจากตรวจพบเชื้อ Coronavirus จากกล่องบรรจุภัณฑ์
นาย Manzar Alam ผู้บริหารบริษัท Qadri Noori Enterprise ให้ข้อมูลว่า จีนเป็นผู้นำเข้าปลารายใหญ่ของปากีสถาน โดยคิดเป็นร้อยละ 60 ของการส่งออกปลาทั้งหมด จากบริษัท 50 แห่งที่ส่งออกปลาไปประเทศจีน มี 9 แห่งที่ถูกสั่งห้ามส่งออกไปจีน ด้วยจีนมีระเบียบว่า หากตรวจพบ Coronavirus ในการขนส่งหนึ่งครั้ง ผู้ส่งออกจะถูกห้ามส่งไปจีนหนึ่งสัปดาห์ และหากพบ 4 ครั้งจะถูกห้ามส่งไปจีน 8 สัปดาห์
นาย Alam เห็นว่า แทนที่จีนจะทำลายสินค้าที่ติดเชื้อหรือส่งไปกักกันเป็นเวลา 15 วัน แต่กลับระงับบริษัทในการส่งออก แล้วส่งสินค้าคืนปากีสถาน ส่งผลให้ผู้ส่งออกต้องจ่าย 2 ล้านรูปี (400,000 บาท) ต่อตู้คอนเทนเนอร์ เป็นค่าโกดังและภาษี ทั้งนี้ ตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งตู้มีปลา 26 ตัน มูลค่า 7-10 ล้านรูปี อนึ่ง ปากีสถานได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาปัญหานี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
โดยที่สินค้าลำดับหนึ่งที่ไทยนำเข้าจากปากีสถานคืออาหารทะเล และส่งไปที่จังหวัดสมุทรสาคร ดังนั้นจึงอาจมีความน่าจะเป็นที่เชื้อโควิดส่วนหนึ่งในจังหวัดมาจากสินค้าดังกล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกอาหารทะเลของปากีสถานมี ดังนี้
-ปากีสถานส่งออกอาหารทะเลในราคาต่อหน่วยเฉลี่ย (AUP) 2.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม (อินเดียราคา 5 ถึง 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม บังกลาเทศ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม) นาย M. Faisal Iftikhar Ali ซีอีโอของบริษัท Deep Blue Seafood Ltd ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่เป็นปลาป่นใช้เป็นอาหารสัตว์ปีก
-การส่งออกปลาของปากีสถานในปีงบประมาณ 2564 สูงขึ้นเล็กน้อยที่ 184,396 ตัน คิดเป็นเงิน 414 ล้านดอลลาร์ (2.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อ กก.) เมื่อเทียบกับการส่งออก 171,704 ตัน มูลค่า 406 ล้านดอลลาร์ (2.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อ กก.) ในปีงบประมาณ 2563
-ปากีสถานส่งออกปลาสูงสุดที่ 198,420 ตันในปีงบประมาณ 2561 คิดเป็นมูลค่า 451 ล้านดอลลาร์ (2.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อ กก.) ในขณะที่การส่งออกในปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 195,523 ตัน คิดเป็นมูลค่า 438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.24 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ กก.)
-สำหรับปี 2559-2560 การส่งออกปลามีมูลค่า 2.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ปริมาณการส่งออก 152,858 ตันมูลค่า 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
-ปีงบประมาณ 2564 ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ปลาหลักของปากีสถาน ได้แก่ จีน ไทย มาเลเซีย ตะวันออกกลาง ศรีลังกา และญี่ปุ่น
-นับตั้งแต่เริ่มส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) อีกครั้ง การส่งออกปลา ปลาหมึก และกุ้งหลายรายการ ส่งออกโดยผู้ส่งออก 2 บริษัทที่ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ณ ชายแดนของสหภาพยุโรป โรงงานแปรรูปปลาอีก 6 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติจากสหภาพยุโรป
-เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สเปน และสหราชอาณาจักรนำเข้าปลา 3,285 ตัน กุ้ง ปลาหมึก และปู มูลค่า 13 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-มีนาคมในปี 2564 (มูลค่า 395 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน)
-นาย Faisal กล่าวว่าอินเดียและประเทศข้างเคียงเป็นคู่แข่งที่สำคัญของปากีสถาน เนื่องจากคู่แข่งเหล่านี้มีการพัฒนาฟาร์มทางทะเล ในขณะที่ในปากีสถานมีการทำฟาร์มทางทะเลเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ปากีสถานยังเผชิญกับปัญหาการจับปลาตัวเล็กมากเกินไปจนทำให้ปลามีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง
-ที่ปรึกษาด้านเทคนิค (การประมงทางทะเล) World Wildlife Fund (WWF-ปากีสถาน) นายโมฮัมหมัด โมอาซัม ข่าน กล่าวว่าการจับปลาในปากีสถานในปี 2563 มีปริมาณ 619,000 ตัน เป็นปลาน้ำจืด 250,000 ตัน ปลาทะเล 369,741 ตัน ปลาที่จับได้ในแคว้นซินด์จำนวน 208,001 ตันในขณะที่แคว้น Balochistan จำนวน 161,740 ตัน องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติได้เตือนเมื่อปี 2559 ให้ปากีสถานลดกองเรือประมงลงครึ่งหนึ่ง เพื่อรักษาทรัพยากรทางทะเลไว้
-WWF-ปากีสถานให้ข้อมูลด้วยว่า มีการลักลอบนำเข้าปลาทูน่าประมาณ 200 ตันไปยังอิหร่านทุกวัน คิดเป็นมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โฆษณา