25 ก.ค. 2021 เวลา 06:49 • กีฬา
#สืบทอดตำนานเทพแอสซิส
เอมิล สมิธ โรว์ เพิ่งจะจรดปากกาต่อสัญญาระยะยาวกับอาร์เซน่อล แต่นั่นยังไม่ทำให้แปลกใจเท่ากับการที่ในฤดูกาลใหม่นี้ เขาจะได้สวมเสื้อเบอร์ 10 ให้กับทีมจากเอมิเรตส์สเตเดี้ยม ซึ่งเคยเป็นเบอร์ของตำนานของทีมอย่างเดนนิส เบิร์กแคมป์ และเมซุต โอซิล
อีกทั้งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ไอ้ปืนใหญ่ยังได้ปฏิเสธข้อเสนอของแอสตัน วิลล่า ที่ขอซื้อเจ้าหนูวัย 20 ปีด้วยมูลค่าสูงถึง 30 ล้านปอนด์มาแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่า เอมิล สมิธ โรว์ มีความสำคัญต่อทีมของมิเกล อาร์เตต้า แค่ไหน
เบอร์ 10 คนใหม่แห่งเอมิเรตส์สเตเดี้ยม
#บ่นบ้าภาษาบอล จะขอพาย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งแฟนๆ กันเนอร์ส คงยังจำช่วงเวลาที่เลวร้ายของสโมสรในช่วงกลางฤดูกาลที่แล้วที่ไม่ชนะใครในพรีเมียร์ลีกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนธันวาคมได้ หลังจากเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน แล้ว อีก 7 นัดถัดมาเจ้าปืนโตเก็บได้เพียง 2 แต้มจาก 21 แต้มเต็ม ยิงประตูได้เพียง 3 ลูกเท่านั้น ทำให้มิเกล อาร์เตต้า ถูกก่นด่าทั่วทุกสารทิศ ทั้งแฟนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้กระแส อาร์เตต้าเอ้าท์!!! กลับมาอีกครั้ง
นัดต่อมา อาร์เซน่อลมีคิวเปิดบ้านรับทีมมหาเศรษฐีอย่างเชลซีในวันบ๊อกซิ่งเดย์ เหมือนกับอาร์เตต้าได้ให้ของขวัญชิ้นโตกับเจ้าหนูวัย 20 ปี นาม เอมิล สมิธ โรว์ ได้ฤกษ์ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกสักที หลังจากได้ลงเล่นในยูโรป้า ลีก มาบ้างแล้ว โดยพรีเมียร์ลีกนัดแรกของสมิธ โรว์ ก็ได้ประเดิมเป็นตัวจริงทันที ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้อาร์เตต้าผิดหวัง และ 7 นัดถัดมา อาร์เซน่อลไม่แพ้ใคร โดยเก็บชัยไปได้ถึง 5 นัด ทำได้ถึง 14 ประตูและเสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น
จากฟอร์มในสนาม ต้องถือว่า เอมิล สมิธ โรว์ เป็นปัจจัยสำคัญคนหนึ่งที่ช่วยให้อาร์เซน่อลฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และหลังจากนั้นเขาก็ยึดตัวจริงมาโดยตลอด ทำให้ฤดูกาลแรกของเขาในพรีเมียร์ลีกจบลงด้วยผลงาน 20 นัด 2 ประตู 4 แอสซิส นับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับเด็กอายุ 20 ปี
เอมิล สมิธ โรว์ เด็กหนุ่มขี้อายเมื่อยามอยู่นอกสนาม แต่เมื่อเท้าก้าวผ่านเส้นสีขาวในสนามฟุตบอลแล้ว เขากลายเป็นคนมั่นใจ ดูหยิ่งผยอง และอวดดี ซึ่งเขาเองก็มีดีให้อวดจริงๆ และตอนนี้ เอมิล สมิธ โรว์ กลายเป็นเด็กหนุ่มดาวรุ่งที่น่าจับตามองคนหนึ่งในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว
สำหรับแฟนๆ กันเนอร์ส คงไม่มีใครไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ แต่แฟนบอลทีมอื่นๆ คงสงสัยว่าหมอนี่เป็นใครกันแน่ เขาดีพอที่จะมาเป็นเพลย์เมคเกอร์คนใหม่แทนโอซิลหรือไม่ เราลองไปดูประวัติของเด็กคนนี้กันครับ
เอมิล สมิธ โรว์ เกิดเมื่อ 28 กรกฎาคม ปี 2000 ถือได้ว่าเป็นสายเลือดใหม่ของเจ้าปืนโต รุ่นเดียวกับ บูกาโย ซากา, กาเบรีล มาร์ติเนลลี่, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์, โจเซฟ วิลล็อค และ รีสส์ เนลสัน
ในปี 2010 เขาเข้าร่วม Hale End Academy ของอาร์เซน่อลในวัยเพียง 10 ขวบ และไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนอายุ 16 ปีเขาก็ติดทีม U23 ของอาร์เซน่อล เรียกได้ว่าต้องแบกอายุกันถึง 7 ปี ซึ่งนักเตะเยาวชนเก่งๆ มักจะเป็นแบบนี้ครับ คือเล่นในรุ่นที่เกินอายุของตัวเอง ซึ่งแบบนี้เราไม่เรียกว่าโกงอายุนะครับ 555
กรกฎาคม 2018 เขาติดทีมชุดใหญ่ไปเล่นพรีซีซั่นและสามารถทำประตูแอตเลติโก มาดริด กับ ปารีส แซงแชร์กแมงได้ด้วย และด้วยฟอร์มที่จัดจ้านขนาดนี้ จบพรีซีซั่นเขาก็ได้รับสัญญาอาชีพฉบับแรกกับอาร์เซน่อลสมใจ
ฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ ถึงแม้ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในพรีเมียร์ลีก แต่เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นในยูโรป้า ลีก ในนัดที่พบกับโวลก้า โพลตาวา (Fc Vorskla Poltava) ของยูเครน ทำให้เขาเป็นนักเตะที่เกิดในปี 2000 คนแรกที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อลและในนัดถัดมากับเอฟเค คาราบัค (Qarabağ FK) ของอาร์เซอร์ไบจันเขาก็สามารถทำประตูแรกของตัวเองได้ และอีกประตูในชัยชนะต่อแบล็กพูลในศึกคาราบาวคัพรอบ 4
มกราคม 2019 ตอนตลาดหน้าหนาวเปิด สมิธ โรว์ ถูกยืมตัวไปเล่นที่ แอร์เบ ไลป์ซิก จนจบฤดูกาล แต่ตอนนั้นเขามีอาการบาดเจ็บติดตัวไปด้วย จึงสามารถลงเล่นได้เพียงการเป็นตัวสำรอง 3 นัด ใช้เวลาเพียง 28 นาทีเท่านั้น แต่แฟนๆ ของอาร์เซน่อลก็ตามเข้าไปเรียกร้องในทวิตเตอร์ของไลป์ซิกว่าให้เอาเจ้าหนู สมิธ โรว์ ลงเล่นบ่อยๆ จนสโมสรต้องออกมาทำภาพกราฟฟิกเปรียบเทียบเสียงเรียกร้องของแฟนบอลอาร์เซน่อลกับเสียงอื่นๆ คือ เสียงมอเตอร์ไซค์ 100-110 เดซิเบล เสียงร็อคคอนเสิร์ต 115 เดซิเบล เสียงเครื่องบินเจ็ต 140 เดซิเบล เสียงปืน 165 เดซิเบล แต่เสียงของแฟนบอลอาร์เซน่อลที่เรียกร้องให้ส่งสมิธ โรว์ ลงเล่นแม้ในวันไม่มีฟุตบอลเตะ 10 ล้านเดซิเบล ... นี่ตกลงประชดใช่มั้ยเนี่ย..555
ภาพจากทวิตเตอร์ของแอร์เบ ไลป์ซิก
ถึงแม้จะได้ลงเล่นเพียง 28 นาที แต่ประสบการณ์ต่างแดนที่ได้รับสำหรับเด็กวัย 18 ปี นั้นจะช่วยพัฒนาให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นได้อย่างแน่นอน
ฤดูกาลต่อมาช่วงตลาดหน้าหนาวอีกเช่นกัน เขาถูกยืมตัวไปเล่นที่ฮัดเดอร์สฟิลด์ทีมในลีกแชมเปี้ยนชิพโดยมีเป้าหมายช่วยทีมให้รอดจากการตกชั้นไปเล่นลีกวัน และครั้งนี้เขาลงสนามไปทั้งหมด 19 นัด (ตัวจริง 13 สำรอง 6) ทำได้ 2 ประตูกับอีก 2 แอสซิส โดยเฉพาะประตูชัยในช่วง 4 นาทีสุดท้ายที่ช่วยให้ทีมเอาชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รองจ่าฝูงขณะนั้นในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล และทำให้ฮัดเดอร์สฟิลด์อยู่รอดในแชมเปี้ยนชิพต่อไป
เดวิด เว็บ Head of Football Operation ของฮัดเดอร์สฟิลด์เป็นคนเข้ามาติดต่อกับอาร์เซน่อลโดยตรง บอกว่า เจ้าหนูสมิธ โรว์ อยู่อาร์เซน่อลไปก็ไม่ค่อยได้ลงเล่น เอามาเก็บเลเวลที่ฮัดเดอร์สฟิลด์ดีกว่า สุดท้ายก็สามารถเกลี้ยกล่อมอาร์เซน่อลสำเร็จ ถึงแม้ว่าตอนมาใหม่ๆ จะโดนรับน้องอย่างหนัก โดนเตะบ้าง กลั่นแกล้งจากรุ่นพี่บ้าง แต่มันก็ทำให้สมิธ โรว์ แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
ส่วนในระดับชาติ สมิธ โรว์ ติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาแล้วทุกชุด ไล่ตั้งแต่ U16, U17, U18, U19, U20 และ U21 เรียกได้ว่าเล่นครบทุกรุ่นไม่ตกไม่หล่น รวมทุกชุดก็ 24 นัด ทำไป 4 ประตู
ฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากคริสต์มาสเป็นต้นไป สมิธ โรว์ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่เต็มตัว
มิเกล อาร์เตต้า และทีมสต๊าฟของเขา ไม่มีใครกังขาในพรสวรรค์และความสามารถของ เอมิล สมิธ โรว์ ยิ่งเขาลงเล่นมากเท่าไร ความมั่นใจของเขาจะยิ่งมากเท่านั้น นี่ขนาดเป็นคนขี้อายยังอันตรายขนาดนี้ แล้วถ้ามีความมั่นใจล่ะ จะร้ายกาจขนาดไหน
“อย่างที่พวกเราได้เห็น เอมิลเป็นนักเตะที่มีความฉลาด มีวิสัยทัศน์และความสามารถที่ยอดเยี่ยม รวมทั้ง ทัศนคติและความเต็มใจที่จะเรียนรู้ของเขาสร้างความประทับใจให้กับผมมากเช่นกัน ฤดูกาลหน้าเขาคือผู้เล่นหลักของเรา” นี่คือคำชมจากอาร์เตต้าที่มีต่อเจ้าหนู สมิธ โรว์
แอดมินเองจำได้ว่าได้เห็น สมิธ โรว์ เล่นครั้งแรกในนัดที่อาร์เซน่อลชนะลีดส์ 4-2 ในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ถ้าหากตัดแฮททริกของโอบาเมยองในนัดนั้นออกไป ฟอร์มของ สมิธ โรว์ ในวันนั้นนับว่าไม่เป็นรองใครจริงๆ เขาอาจจะไม่ได้มีจุดเด่นที่ความเร็ว แต่วิสัยทัศน์ ความเข้าใจเกม และการผ่านบอล คือจุดแข็งของนักเตะผู้นี้จริงๆ หากฝึกฝนการยิงไกลและการสอดเข้าทำจากแถวสองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รับรองว่าอนาคตที่สดใสจะมาถึงในไม่ช้าอย่างแน่นอน
สุดท้ายเราคงต้องจับตาดูเจ้าหนู เอมิล สมิธ โรว์ คนนี้ให้ดีๆ ส่วนตัวแอดมินเชื่อว่า ภายใน 3 ปี อาร์เซน่อลจะมี “เทพแอสซิส” คนใหม่ในเอมิเรตส์สเตเดี้ยมอย่างแน่นอน...
Cr.ภาพ bbc.com
นอกจากแอพพลิเคชั่น Blockdit แล้ว สามารถติดตามบ่นบ้าภาษาบอลได้จาก ช่องทาง Facebook Page อีกหนึ่งช่องทาง https://www.facebook.com/bonbapasaball/
และหากท่านใดเห็นว่าบทความยาวเกินไป ไม่อยากอ่าน ท่านสามารถติดตามฟังได้ที่ “บ่น บ้า ภาษาบอล podcast” ทางแอพพลิเคชั่น Anchor , Spotify , Apple Podcasts , Google Podcasts , Breaker , Pocket Casts , Overcast , RadioPublic และ Blockdit ขอบคุณครับ
โฆษณา