30 ก.ค. 2021 เวลา 05:05 • กีฬา
Blof Story — ทีมรากหญ้า จากคนบ้าบอล “วัดโบสถ์ ซิตี้”
อาจมีน้อยคนทราบนะครับว่า สโมสรฟุตบอลในอดีตที่จริงแล้วไม่ได้มาจากการทำทีมของกลุ่มนายทุน หรือองค์กรต่างๆ แต่เป็นลักษณะของการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในกีฬาชนิดนี้มากกว่า ที่มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมเกี่ยวกับฟุตบอล และเมื่อมีกลุ่มคนมากพอ เกิดความต่อเนื่อง ก็จึงมีความคิดตั้งเป็น Club หรือสโมสรขึ้นมา
ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันเร็วๆครับ Juventus สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอิตาลี ถูกก่อตั้งโดยกลุ่มนักเรียนที่ชอบเล่นฟุตบอลในปี 1897
หรืออย่างทีมปืนใหญ่ Arsenal ที่เป็นทีมที่ถูกก่อตั้งจาก กลุ่มคนงานที่ทำงานสร้างยุทโธปกรณ์ใน London ตอนใต้ในปี 1886 ก่อนที่จะเข้าร่วมเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 1891 เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าจุดเริ่มต้นของคำว่าสโมสรฟุตบอลไม่ได้มีจุดเริ่มต้นเป็นตัวเงินแต่อย่างใดครับ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ ผมได้มีโอกาสได้เยี่ยมชมสนามเหย้าใหม่ของทีมวัดโบสถ์ ซิตี้ สโมสรที่เล่นอยู่ในไทยลีก 3 ซึ่งพวกเขาเพิ่งมีสนามแห่งนี้มาได้ไม่นาน เพื่อเตรียมใช้ในการแข่งขัน T3 ในช่วงกันยายนนี้ (ถ้าลีกไม่เลื่อนอีกนะครับ)
ซึ่งตอนแรกจุดประสงค์ในการไปคือการไปดูสนามแข่งครับ แต่พอได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่ป้อม ทนงศักดิ์ ประธานสโมสรก็พบว่าเรื่องราวของสโมสรนี้น่าสนใจกว่าที่คิด จนผมไม่แชร์ไม่ได้ครับ ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาของการพูดคุยผมขอเล่าถึงความประทับใจหลังจากที่ผมได้ไปสัมผัสรังเหย้าหนูนาจอมโหด
ตัวสนามตั้งอยู่ในอําเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โดยลักษณะสเตเดียมเป็นฟุตบอลสเตเดียมครับ ผมเข้าไปในสนามแล้วนึกถึงสนามทีมท่าเรือครับ คล้ายกัน ตัวสเตเดียมยังมีแค่ 2 ฝั่งครึ่งครับ แต่เห็นบอกว่ามีแผนที่จะต่อเติ่มเรื่อยๆทุกปีจนได้สเตเดียมทั้ง 4 ด้าน รวมไปถึงสนามซ้อมที่กำลังสร้างอยู่ที่ห่างออกไปจากสนามแข่งไม่เกิน 100 เมตร ที่ในอนาคตจะครบวงจรมากขึ้นหลังมีห้องฟิตเนสเพิ่มเติ่ม
ตัวสแตนด์ทำจากเหล็กคล้ายท่าเรืออีกแหละครับ แต่ออกแบบได้ดูดีเลยทีเดียว มีห้องทุกอย่างตามข้อบังคับของสมาคม และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากก็คือพื้นสนามครับ หญ้าพาสพาลั่มที่เนียนเรียบดูโคตรต่างประเทศ แต่ที่ผมสืบทราบมา คือเขาให้ความสำคัญกับการดูแลค่อนข้างมากเลยครับ ขนาดเดินไล่ถอนหญ้าวัชพืชกันเลยทีเดียว
ผมถามพี่ป้อมครับว่าสโมสรใช้งบไปเท่าไหร่กับสนามแห่งนี้ คำตอบก็คือใช้ตามงบสนับสนุนที่ได้จากสมาคม อาจมีควักเองแค่เล็กน้อย ทำแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ปีหน้าได้มาเพิ่มก็ค่อยต่อเติ่มทำเพิ่ม แอบพอเพียงดีครับผมว่า
อยากทำทีมบ้านๆ แต่มันหยุดไม่ได้
วัดโบสถ์ ซิตี้เป็นสโมสรที่เพิ่งก็ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วโดยเกิดจากอดีตประธานเชียรพิษณุโลก เอฟซีที่ชื่อว่า ปิยะ ไกรทอง ที่ก่อนหน้านี้เป็นแฟนบอลของทีมร่วมเมืองอย่างพิษณุโลก เอฟซีมาอย่างช้านาน ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่คุณปิยะได้เห็นมุมมอง และปัญหาของทีมที่ทำให้ทีมพิษณุโลกไม่สามารถไปข้างหน้าได้ หรือไปได้ไกลเท่าที่ควรจะเป็น
“การเมือง” ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลคือเบื้องหลังการชะลอทีมที่เขารักให้ไปสู่ความสำเร็จ แล้วจึงมีแนวคิดที่จะสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมาด้วยตัวเองโดยไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และด้วยความรักกับฟุตบอลที่มี ประกอบกับความคิดที่อยากทำทีมที่ไม่มีการเมืองไว้ให้กลุ่มแฟนบอลเชียร ทีมหนูนาจอมโหดวัดโบสถ์ ซิตี้จึงเกิดขึ้น
ทำไมต้องหนูนาจอมโหด? ความเป็นมาของเรื่องนี้ถือว่าตลกดีครับ จากการเล่าของพี่ป้อม ทนงศักดิ์ น้อยกอ ประธานสโมสรท่านได้บอกว่า ฉายามาจากวงเหล้าบ้านๆเนี่ยแหละ เรากำลังหาอัตลักษณ์ของทีม ว่าจะเอาสัตว์อะไรมาเป็นสัตว์ประจำทีมดี ระหว่างนั่งดื่มกันอยู่ก็มีชาวบ้านคนนึงเอาหนูนามาขาย ก็เลยได้ไอเดียขึ้นมา เพราะที่จริงสัตว์ชนิดนี้ก็มีความผูกพันกับคนท้องที่มาอย่างช้านานเพราะสร้างรายได้ใหคนท้องที่แถวนั้น
เป้าหมายของทีม? แบบไม่โกหกตัวเองทุกทีมก็ต้องการที่จะชนะการแข่งขันไปเรื่อยๆ และพาทีมตัวเองขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดของประเทศให้ได้ วัดโบสถ์ ก็เช่นกัน สำหรับเป้าหมายระยะยาว พวกเขามีความฝันที่จะไปให้ถึงจุดนั้นในสักวัน
แต่พวกเขาก็ไม่ได้แค่ตั้งเป้าหมายที่ไกลเกินตัวไป โดยเป้าหมายระยะสั้นในฤดูกาลนี้ของพวกเขา เขาขอแค่ไม่ตกชั้นก็พอแล้ว ควบคู่กับการสร้างโครงสร้างทีมให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่นการที่ทีมพยายามใช้ผู้เล่นที่อายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อยในการลุยศึกไทยลีก 3 มีผู้เล่นอายุไม่เกิน 23 ปี กว่าค่อนทีมในทีม เพราะหวังจะใช้ผู้เล่นชุดนี้กันไปยาวๆ
นอกจากนี้ทั้งๆที่ทีมเป็นทีมทีมที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่สโมสรก็มีการสร้างอเคเดมี่เพื่อพัฒนาเยาวชนในจังหวัด และในอนาคตอาจจะได้ใช้งานหรือปั้นเด็กส่งออกสู่ทีมใหญ่ต่อไป โดยปัจจุบันทางสโมสรมีอเคเดมี่อยู่ถึง 3 กลุ่มอายุ ซึ่งซ้อมอยู่ในเมือง
อีกโปรเจ็คที่น่าสนใจที่ผมเห็นน้อยทีมที่จะทำก็คือการทำโครงการร่วมกับชุมชน โดยทางสโมสรแห่งนี้ได้มีแนวคิดที่จะทำโครงการร่วมกับโรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา ซึ่งที่จริงแล้วเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในรั้วเดียวกับรังเหย้าของทีมนั่นแหละ กับการสร้างวิชาเรียนฟุตบอลขึ้นมาให้เป็นวิชาเรียนแบบจริงจังในหลักสูตรซึ่งจะทดลองใช้ในภาคการศึกษาที่จะถึงนี้
พูดกันตามตรงครับสำหรับสโมสรบ้านๆสโมสรหนึ่งที่สามารถทำอะไรได้ขนาดนี้ผมว่าไม่ธรรมดาผมไม่ได้หมายถึงผลงานในการใช้เวลา 3 ปี ในการขึ้นมาจาก Amature ลีกแล้วมาเล่นใน T3 ได้ หรือมีสนามเหย้าที่สวยงาม แต่ผมพูดถึงวิสัยทัศน์ และแนวคิดในการทำทีมที่ผมขออนุญาตพูดว่าโคตรคูล สมัยใหม่มาก ก็ต้องยกเครดิตให้คุณ ปิยะ ไกรทอง และทีมงานที่อยู่เบื้องหลังทีมท้องถิ่นทีมนี้
การที่ผมได้ไปพูดคุยในครั้งนี้มันทำให้เห็นถึงความมินิมอลในการเริ่มต้นในการทำสิ่งที่เรารัก แล้วผลของมันกลับยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด ฟังแล้วนึกถึงเรื่องราวของประวัติศาสตร์ทีมที่ยิ่งในยุโรปที่ผมได้เล่าในช่วงต้นบทความ ไม่แน่นะครับสักวันทีมที่มีจุดเริ่มต้นเล็กๆจากกลุ่มแฟนบอลที่บ้าบอล ที่คิดที่จะทำทีมฟุตบอลของตัวเองอาจจะกลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้ครับ
ก่อนที่ผมจะเดินทางกลับผมก็ได้ถามถึงเกม Derby ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างวัดโบสถ์ ซิตี้ กับ พิษณุโลก เอฟซีว่าจะมันแค่ไหน พี่ป้อม ประธานทีมก็บอกว่าบรรยากาศมันแน่นอนครับ การบลัฟกันก่อนเกม ระหว่างเกมจะทำให้เกมสนุก แต่พี่ป้อมบอกแฟนบอลหนูนาจอมโหดน่ารักครับ เป็นพวกชาวบ้านแถวๆนั้น และยังมีแฟนบอลที่เชียรทั้ง 2 ทีมก็เยอะอยู่ เพราะฉะนั้นเชียรมันแต่ไม่รุนแรงแน่นอน พี่ป้อมบอกไม่ควรพลาดครับสนาม 1000 กว่าที่เต็มอย่างแน่นอน
ดีใจแทนชาวบ้านในพื้นที่นั้นครับ พวกท่านมีอะไรให้ภูมิใจเป็นของตัวเอง สามารถพูดได้เต็มอกว่านี้คือทีมของพวกคุณ ไม่ต้องเดินทางไปใหนไกลเพื่อไปดูทีมที่ตัวเองรักแข่งอีกต่อไป
แล้วผมจะไปเยือนอีกครับ
บทความโดย ปีย์ ฟิลลิปส์ ศิริโพธิ์
โฆษณา