25 ก.ค. 2021 เวลา 08:01 • กีฬา
7 วินาทีที่เคยเจ็บปวดที่สุด กลายมาเป็น 7 วินาทีที่พลิกชีวิต นี่คือเรื่องราวของ "เทนนิส-พาณิภัค" เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกที่ไม่เคยยอมแพ้กับปัญหาตรงหน้า
14
ย้อนกลับไปในปี 2016 ในโอลิมปิกเกมส์ที่ริโอ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อยู่ในความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต
1
หากจำกันได้ เธอมาแข่งขันที่ริโอด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม คนในวงการยกย่องว่า เธอเป็นอัจฉริยะแห่งยุค ทั้งตัวสูง ทั้งว่องไว แถมมีเซนส์เทควันโด้ในระดับเหนือชั้น จนเป็นความหวังที่จะคว้าเหรียญทองให้ทัพนักกีฬาไทยได้เลย
1
จริงๆแล้ว ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ณ ตอนนั้น ไทยมีสองตัวเลือก คนแรกคือ ชนาธิป ซ้อนขำ อดีตเหรียญทองแดงโอลิมปิก กับอีกคนคือรุกกี้ อย่างพาณิภัค แต่สุดท้ายสมาคมเทควันโด้เลือกพาณิภัค
ไม่ใช่ว่าชนาธิปไม่เก่ง เธอก็เก่งมาก แต่พาณิภัคคือความมหัศจรรย์ นี่คือนักเทควันโด้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดที่ไทยเคยมีมา ดังนั้นมันช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าเลือกได้โควต้าเดียว พาณิภัคเลยต้องได้ไป
1
ในการแข่งที่ริโอ พาณิภัคเอาชนะในรอบแรกมาสบายๆ ด้วยสกอร์เอาต์คลาส ก่อนจะมาเจอกับ คิม โซ-ฮุย คู่แข่งจากเกาหลีใต้ที่มีดีกรีเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ในรอบ 8 คนสุดท้าย
เรื่องความสด พาณิภัควัย 19 มีมากกว่าเยอะ หลายคนเชื่อว่าเธอผ่านได้ และเธอก็เกือบทำได้จริงๆ หลังจากแข่งมา 3 ยก พาณิภัคทำคะแนนนำอยู่ 4-2 จนเหลืออีกแค่ 7 วินาทีเท่านั้นจะหมดเวลา
แต่แค่ 7 วินาทีนั้นนั่นแหละ ที่เธอเสียสมาธิไปเสี้ยวเดียว จึงโดนคนที่เก๋ากว่าอย่างคิม โซ-ฮุย หาช่องว่าง แล้วดักเตะศีรษะตอนเหลืออีก 5 วิสุดท้าย ทำแต้มพลิกเป็น 5-4
พอโดนแซงปั๊บ เทนนิสทำอะไรไม่ถูก แพ้ไปเลยทั้งๆแบบนั้น อย่างที่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ คนไทยที่ได้ดูก็ช็อก เพราะมันอีกแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ
คือถ้าผ่านคิม โซ-ฮุยไปได้ เทนนิสไปถึงทองแน่ๆ ใครๆก็ว่ากันแบบนั้น แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่ได้
1
ที่เห็นกันชัดเจน ปัญหาไม่ใช่เรื่องฝีมือหรือพละกำลัง แต่เทนนิสแพ้ที่ประสบการณ์เท่านั้น เธอไม่คาดคิดว่าอีกแค่ 5-7 วินาที จะเจอพลิกอะไรได้ ซึ่งพอมาโดนเตะศีรษะ มันก็ไล่ไม่ทันแล้ว
คนที่ชนะพาณิภัค คิม โซ-ฮุย สุดท้ายก็ก้าวไปคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ยิ่งทำให้พาณิภัคเจ็บปวดเข้าไปใหญ่ เพราะ "ถ้าเธอผ่านได้" ป่านนี้ก็ได้เหรียญทองไปแล้ว
ถึงสุดท้ายพาณิภัคได้เหรียญทองแดงเป็นการปลอบใจ แต่ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่เหรียญที่เธอต้องการ ด้วยศักยภาพของเธอ มันไปได้ไกลกว่านี้
นักกีฬาระดับโลกหลายคน ถ้าเจอความเจ็บปวดแบบอีก 5 วินาทีจะชนะแล้วพลิกมาแพ้ บางคนไม่สามารถคัมแบ็กกลับมาได้แล้ว และเลิกเล่นไปเลยก็มี แต่กับกรณีของเทนนิส ไม่ใช่อย่างนั้น
เธอกลับมาฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึก ลบข้อผิดพลาดทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้น ถ้าพลาดเพราะประสบการณ์ เธอก็สั่งสมมันขึ้นมาสิ
2
ในปี 2018 เทนนิสลงแข่งขัน 8 รายการ ชนะไป 7 รวมถึงเหรียญทองเอเชียนเกมส์ด้วย ถึงเวลานี้ เธอพร้อมแล้วสำหรับโตเกียวปี 2020 ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เธอจะไปแข่งขันด้วยความหวังว่าจะไปถึงทองให้ได้
1
แม้จะได้แชมป์ต่างๆมากมาย แต่เธอบอกเสมอว่าโอลิมปิกคือความฝันของเธอ
1
เทนนิสเคยให้สัมภาษณ์กับ The Cloud ว่า "หนูก็ยังมีความฝันว่าอยากได้เหรียญทอง ซึ่งตอนนี้มันก็ใกล้มากแล้ว หนูจะพยายามสู้ให้เต็มที่ ถึงคราวนี้จะได้หรือไม่ได้ยังไง หนูก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด"
1
สำหรับสาเหตุที่พาณิภัค มีชื่อเล่นว่า "เทนนิส" นั่นเพราะคุณพ่อ-คุณแม่เป็นคนรักกีฬามาก พ่อแม่เป็นนักว่ายน้ำทั้งคู่ จึงตั้งชื่อลูกๆ ให้เป็นกีฬาทั้งหมด พี่ชายของพาณิภัคชื่อเบสบอล พี่สาวชื่อโบว์ลิ่ง ส่วนตัวเธอชื่อเทนนิส
1
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ของพาณิภัค ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนเธออายุ 7 ขวบ ซึ่งตอนได้เหรียญทองแดงโอลิมปิก เธอเอาเหรียญนั้นไปคล้องที่กรอบรูปของคุณแม่
1
"ส่วนใหญ่หนูจะทำแบบนี้เสมอเวลาได้เหรียญมา เพราะแม่ทำให้เรามา หนูก็เลยเอาเหรียญไปให้แม่ แล้วก็จุดธูปบอกแม่ว่าหนูทำได้แล้วนะ เสียดายที่แม่ไม่ได้ไปดูที่นั่น แต่หนูก็รู้นะว่าแม่รับรู้อยู่"
4
Passion ที่ต้องการได้เหรียญทองยังคงอยู่ ความแข็งแกร่งของร่างกายยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ประสบการณ์จากการแข่งมากมายและแชมป์นับไม่ถ้วน ทุกๆอย่าง มันหล่อหลอมเธอ ให้พร้อมที่สุด สำหรับศึกใหญ่ที่สุดในชีวิต นั่นคือโอลิมปิกเกมส์ 2020
9
การแข่งขันโอลิมปิก ที่โตเกียวมาถึง เทนนิสมาแข่งขันด้วยการเป็นเต็ง 1 และเธอก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสมราคา
4
คู่แข่งหลายคนที่เจอเธอ แต่ละคนไม่ได้ธรรมดา อาบิแซค เซมเบิร์ก จากอิสราเอล โดนพาณิภัคเอาต์คลาสตั้งแต่ยก 2 หลายคนเลยคิดไปว่า เซมเบิร์กไม่เก่งหรือเปล่า แต่สุดท้ายเธอก้าวไปคว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ เห็นกันชัดๆเลยว่า เฮ้ยไม่ได้ธรรมดาหรอก
3
จากนั้นเอาชนะเวียดนาม ในรอบ 8 คนสุดท้าย ทั้งๆที่โดนนำ 6 แต้มในยกแรก ตามด้วยชนะเจ้าภาพญี่ปุ่น 22 แต้ม จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เจอกับ อาเดรียน่า เซเรโซ่ อิเกลเซียส จากสเปน รุกกี้ร้อนแรงวัย 17 ปี
อาเดรียน่าแม้จะอายุน้อย แต่เธอไล่ขยี้มือเก๋าๆมาทุกรอบ สีหน้าท่าทางเธอมั่นใจเต็มร้อย ว่ากันตรงๆ เหมือนก็อปปี้ตัวเทนนิสเมื่อ 5 ปีก่อนที่ริโอ ไม่มีผิด ดาวรุ่งพุ่งแรงที่มั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม
5
การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น อาเดรียน่าขึ้นนำไปก่อน แต่พาณิภัคก็ใจเย็น ไม่ผลีผลาม จนมาถึงยกสุดท้าย สถานการณ์เบียดกันสุดๆ พาณิภัคนำอยู่ 9-8 แต้ม
2
แต่อีก 30 วินาทีจะหมดเวลา อาเดรียน่าเตะทำแต้มพลิกแซง 10-9! ซึ่งถึงตรงนี้ เธอจะเป็นฝ่ายชนะ และจะได้คว้าเหรียญทองแรก ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกทันที
อาเดรียน่า เล่นอย่างมั่นใจ แต่พาณิภัคกลับไม่ได้ร้อนรน เธอมีประสบการณ์มาแล้วที่ริโอ ว่าแม้จะเหลือเวลาน้อยมาก แต่เกมยังพลิกได้ตลอด เธอจึงรอจังหวะ รอ รอ แล้วก็รอ
5
และแล้วก็มาถึง 7 วินาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกันกับที่เธอโดนคิม โซ-ฮุย ทำแต้มแซงนำเมื่อ 5 ปีก่อน
1
พาณิภัค หาช่องและ เตะไปที่ลำตัวของอาเดรียน่าได้สำเร็จ พลิกแซงเป็น 11-10!
ถึงตรงนี้ อาเดรียน่าก็เหมือนพาณิภัคเมื่อ 5 ปีก่อนเปี๊ยบ คืออึ้ง ไม่รู้จะทำยังไงต่อ และสุดท้ายก็ไล่ไม่ทัน จบเกมพาณิภัคคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ส่วนอาเดรียน่าก็เสียน้ำตาบนสังเวียน
3
ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีความเจ็บปวดเมื่อ 5 ปีก่อน พาณิภัคก็อาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้ แต่เมื่อผ่านความเจ็บมาแล้ว เธอจึงรู้ดีว่า ทุกวินาที มันมีความหมาย เมื่อเกมยังไม่จบ มันก็พลิกกันได้เสมอ
6
ดังนั้น ถ้าเมื่อก่อนเราพูดถึงคำว่า "7 วินาที" สำหรับพาณิภัคในอดีต มันอาจเป็นคำที่ทรมานใจมาก
แต่ในคราวนี้ในโอลิมปิกที่โตเกียว คำว่า "7 วินาที" มันกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เธอพลิกเกม มันคือเสี้ยววินาทีแห่งชัยชนะ และจะเป็นโมเมนต์ที่เธอและคนไทยไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
3
จากคนที่เคยเจ็บปวดที่สุด แต่วันนี้สมหวังที่สุด
4
เรื่องของพาณิภัค ทำให้เราได้เห็นว่า คนที่เคยร้องไห้ คนที่เคยพ่ายแพ้ ไม่จำเป็นต้องแพ้ตลอดไป เมื่อผิดหวังก็ลุกขึ้น เรียนรู้จากความผิดพลาดเก็บมันเป็นประสบการณ์
2
แล้ววันหนึ่ง ความผิดพลาดครั้งอดีต มันอาจเป็นบทเรียนสำคัญที่สุด ที่ทำให้เราคว้าชัยชนะในตอนจบก็ได้
และแน่นอน สำหรับพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ไม่มีข้อสงสัยอะไรแม้แต่นิดเดียว เธอคู่ควรที่สุดแล้วที่จะเป็นแชมเปี้ยนในวันนี้
#GOLD
โฆษณา