25 ก.ค. 2021 เวลา 13:00 • การเมือง
ถ้าบ้านเมืองดี “หนูน้อยไม้ขีดไฟ” จะไม่ตายข้างถนน
.
ความเหลื่อมล้ำในสังคม มีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นโครงสร้างกดทับผู้คนที่น่ากลัว ใครที่ “มี” ก็ใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไรนัก แต่กับคนที่ “ขาด” เขาอาจต้องเผชิญกับความตายได้ทุกวินาที
.
อย่างในนิทาน “หนูน้อยไม้ขีดไฟ” เรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่ตระเวนขายไม้ขีดไฟในคืนก่อนวันปีใหม่ เพื่อหาเงินไปซื้อซุปอุ่นๆ ให้แม่และยายที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน แต่ความตั้งใจของหนูน้อยจะสำเร็จหรือไม่?
.
#ค่ำคืนแห่งความสุข
บนท้องถนน ในค่ำคืนก่อนวันปีใหม่ ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างรื่นเริงท่ามกลางหิมะโปรยปราย แต่ละคนสวมเครื่องแต่งกายสีสันสดใส เด็กๆ วิ่งเล่นกันสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกัน บนถนนเส้นนั้น ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่แตกต่างออกไป...
.
เด็กผู้หญิงคนนี้ ยืนกลางถนนอย่างเดียวดาย ตัวสั่นจากความหนาว เธอไม่มีชุดสีสันสดใสเหมือนคนอื่น เสื้อผ้าของเธอทั้งบาง ทั้งขาดลุ่ย และสวมรองเท้าที่ใหญ่เกินตัว พร้อมกล่องกระดาษในมือ
.
ระหว่างที่หนูน้อยกำลังยืนอยู่บนถนน เธอเกือบถูกชนโดยรถที่สัญจรไปมา หนูน้อยตกใจกลัว แล้วรีบวิ่งไปยังทางเท้า แต่รองเท้าที่ใหญ่เกินตัวก็ได้หลุดออกไป และถูกขโมยไปอย่างรวดเร็ว
.
เธอรีบวิ่งตามเพื่อจะขอคืน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ตลอดคืนนี้ เห็นทีหนูน้อยจะต้องเดินเท้าเปล่าบนพื้นถนนที่เย็นเฉียบ แล้วหาซอกตึกสักแห่งใช้หลบหนาว
.
#แสงอบอุ่นจากไม้ขีดไฟในคืนที่หนาวเหน็บ
ความหนาว และความเหนื่อย ทำให้เธอต้องหาที่นั่งพัก แล้วเปิดกล่องกระดาษที่เต็มไปด้วยไม้ขีดไฟ น้ำตาของหนูน้อยได้ไหลออกมา เธอแค่อยากจะขายไม้ขีดไฟ แล้วหาเงินไปซื้อซุปอุ่นๆ ให้แม่และยายที่กำลังนอนป่วยที่บ้าน แต่จนถึงตอนนี้ เธอยังขายไม่ได้เลยแม้แต่กล่องเดียว
.
“ไม้ขีดไฟไหมคะ ใครต้องการไม้ขีดไฟบ้างไหมคะ..”
เธอพยายามขายไม้ขีดไฟด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า และสั่นเครือ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
.
หนูน้อยทรุดตัวพิงกำแพง นิ้วมือของเธอเริ่มเจ็บปวดจากความหนาวเย็น เธอเปิดกล่องไม้ขีดไฟที่ตั้งใจจะนำมาขาย แล้วจุดให้ความอบอุ่นกับตัวเอง
.
ทันทีที่หนูน้อยจุดไม้ขีดไฟได้สำเร็จ แสงสีส้มอบอุ่นได้บรรเทาความเย็นให้มือของเธอ รู้ตัวอีกทีเธอ ก็ได้นั่งอยู่หน้าเตาผิง ในห้องที่ตกแต่งสวยงาม ตัวเธออยู่ในชุดขนสัตว์แสนอบอุ่น แต่ไม่นาน แสงจากไม้ขีดไฟในมือเธอก็ดับลง เธอกลับมานั่งอยู่ซอกตึก ในค่ำคืนเหน็บหนาวเช่นเดิม
.
หนูน้อยพยายามจุดไม้ขีดไฟอีกหลายก้าน เพื่อหวังให้แสงสว่างช่วยมอบความอบอุ่นให้เธออีกครั้ง
.
#ชีวิตที่ดับไปพร้อมกับแสงจากไม้ขีดไฟก้านสุดท้าย
ไม้ขีดไฟก้านที่สามที่หนูน้อยจุดขึ้น ได้พาเธอไปยังความฝัน เธอกำลังนอนดูดวงดาวในค่ำคืนฤดูร้อน เป็นช่วงเวลาที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้เห็นในชีวิตนี้ แต่ระหว่างที่หนูน้อยกำลังนอนดูดาว เธอก็ได้มองเห็นดาวตก จึงนึกไปถึงคุณยายที่นอนป่วยรออยู่ที่บ้าน คุณยายที่รักเธอสุดหัวใจ
.
ไม่ช้า คุณยายก็ได้ปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างที่หนูน้อยไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วบอกว่า
“ถ้าหนูเห็นดาวตก ให้รู้เอาไว้ว่ามีใครบางคน กำลังจะขึ้นไปแทนที่ดาวดวงนั้น”
.
หลังจากพูดจบ คุณยายก็ได้หายไปพร้อมกับแสงจากไม้ขีดไฟในมือ
.
“คุณยายคะ อย่าไป หนูคิดถึงคุณยายเหลือเกิน” หนูน้อยคร่ำครวญพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
เธอพยายามจุดไม้ขีดไฟ เพื่อหวังจะได้พบเจอกับคุณยาย อยากจะเห็นรอยยิ้มสดใส ที่ทำให้เธอลืมความขมขื่นทั้งชีวิตที่เธอผ่านมา
.
หนูน้อยไม่อยากจะให้ช่วงเวลานี้หายไป เธอหยิบไม้ขีดไฟก้านสุดท้ายขึ้นมาจุด
คุณยายปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม และพาเธอล่องลอยไปบนฟ้า ตอนนี้หนูน้อยไม่รู้สึกเจ็บปวด เหน็บหนาวอีกต่อไป
.
ในขณะเดียวกันบนฟากฟ้า ก็ได้มีดาวตกดวงใหม่ ลอยผ่านไปอีกหนึ่งดวง
.
เช้าวันถัดมา ผู้คนเริ่มตื่นออกมาใช้ชีวิต หลังจากการเฉลิมฉลองวันปีใหม่ ซึ่งคนที่เดินผ่านไปบริเวณนั้น ก็จะเห็นหนูน้อยคนหนึ่ง ที่นอนหลับอยู่ริมกำแพงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ปราศจากลมหายใจ
รอบตัวของเธอเต็มไปด้วยก้านไม้ขีดไฟ ที่ดูไร้ค่า แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าก้านไม้ขีดไฟเหล่านั้น คือสิ่งเดียวที่ช่วยมอบความสุขให้กับวาระสุดท้ายของเธอ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
.
#ถ้าบ้านเมืองดีโลกนี้จะไม่มีหนูน้อยไม้ขีดไฟ
นิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยศตวรรษที่ 19 เป็นอีกหนึ่งผลงานของ Hans Christian Anderson
ชาวเดนมาร์ก ที่โตมาในย่านสลัมของบ้านเกิด เขาเลยรู้ดีว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นอย่างไร และถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้ง
.
ในเรื่องเราจะได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำมากมายที่หนูน้อยไม้ขีดไฟต้องเผชิญ ความเหน็บหนาวทำให้หลายคนมีความสุข แต่เธอกลับต้องเจ็บปวด ในขณะที่เด็กคนอื่นวิ่งเล่น เธอกลับต้องเดินเตร็ดเตร่ขายไม้ขีดไฟ
.
ความขาดแคลน ทำให้หนูน้อยไม้ขีดไฟต้องดิ้นรน จนสุดท้ายก็พบจุดจบคือความตาย ทำไมความพยายามของหนูน้อยไม้ขีดไฟยังไม่พอที่จะพาครอบครัวหลุดออกจากวังวนนี้ได้?
.
มันจึงเป็นเรื่องของ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ในสังคมแห่งความเหลื่อมล้ำ ที่ยังคงไม่หายไป
ทุกวันนี้ยังมีเหตุการณ์น่าเศร้าเหมือนกับหนูน้อยไม้ขีดไฟเกิดขึ้นทั่วโลก
เราที่เป็นมนุษย์ทุกคน มีหน้าที่ช่วยเหลือกันทำลายกำแพงความเหลื่อมล้ำ เห็นชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ และจงอย่าลืมว่า “ในขณะที่คนอื่นใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ยังมีบางคนที่ต้องนอนตายอยู่ข้างถนน”
.
The Story Teller EP.14 The Little Match Girl หนูน้อยไม้ขีดไฟ
.
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#thelittlematchgirl
โฆษณา