25 ก.ค. 2021 เวลา 15:35 • ประวัติศาสตร์
จักรพรรดินีรัสเซียผู้พารัสเซียเข้าสู่ยุคมืด
พระรูปจักรพรรดินีเเอนนาเเห่งรัสเซีย
เอาจริงๆ หลายๆ ประเทศล้วนแต่ผ่านยุคมืดมาเเล้วทั้งนั้น เเละก็คงผ่านยุคทองซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองเช่นกัน หลายๆ ที่ก็มียุครุ่งเรืองและยุคมืดสลับกันไปมา เช่น ในรัสเซียที่หลายๆ ยุคก็ค่อนข้างจะน่ากลัวพอสมควร เเล้วเเต่ว่าใครจะมองอย่างไรว่ายุคมืดของรัสเซียคือช่วงไหนบ้าง ซึ่งในวันนี้ขอพูดถึงจักรพรรดินีแอนนา อิวานอฟนา โรมานอฟ (Anna Ivanovna Romanov) จักรพรรดินีเเห่งรัสเซียทั้งปวง ผู้ซึ่งได้พารัสเซียเข้าสู่ยุคมืด (dark age) พระองค์ทรงได้พระราชสมัญญานามว่า "อิวานนาผู้โหดเหี้ยม" (Ivanna the Terrible) เนื่องจากมารยาทไม่ดีเเละลงโทษผู้ที่ต่อต้านพระองค์อย่างหนัก
จักรพรรดินีเเอนนาทรงเป็นพระนัดดาในพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 (Peter I of Russia) จักรพรรดิผู้ยกสถาปนารัสเซียให้ขึ้นเป็นจักรวรรดิเเละปฏิรูปประเทศหลายอย่าง เเละทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าซาร์อิวานที่ 5 (Ivan V of Russia) ผู้ที่ทรงบริหารราชการแผ่นดินร่วมกับซาร์ปีเตอร์
พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เเห่งรัสเซียทรงปฏิรูปรัสเซียหลายๆ อย่าง เพราะรัสเซียในสมัยนั้นเป็นประเทศที่ล้าหลังและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ค่อนไปทางทวีปเอเชีย ทรงปฏิรูปการปกครองอันล้าหลัง ทรงสนับสนุนอุตสาหกรรมการทอผ้า การต่อเรือ การผลิตอาวุธ สร้างโรงงานถลุงเหล็ก รองเท้า สบู่ ช้องผม ฯลฯ พระองค์พยายามขยายพระราชอาณาเขตไปทางทวีปยุโรปมากขึ้นเนื่องจากทรงต้องการความเป็นยุโรป ได้ทรงเเบ่งเขตการปกครองของรัสเซียออกเป็นหลายเขต (ช่วงหลังมีการเเบ่งเพิ่มอีก) ทรงปฏิรูปวัฒนธรรมรัสเซียที่ถูกมองจากชาวยุโรปว่าล้าหลังให้เป็นยุโรปมากขึ้น มีการเชิญชาวต่างชาติ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป) ซึ่งมีความสามารถมาทำงานในราชสำนัก ทรงส่งเสริมด้านการศึกษา มีการสร้างนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งยังส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านการทูตต่อประเทศต่างๆ ในยุโรป กับทั้งพระราชกรณียกิจอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนซึ่งทำให้รัสเซียพ้นจากความล้าหลังเป็นอย่างมาก ทำให้พระองค์ทรงเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งของรัสเซียในฐานะผู้ปฏิรูปรัสเซียให้ทันสมัย
พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เเห่งรัสเซีย
ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1725 พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เสด็จสวรรคตเมื่อมีพระชนมายุได้ 52 พรรษา สาเหตุเนื่องจากพระองค์พยายามว่ายน้ำไปช่วยเหลือพลเมืองที่กำลังจมน้ำ ทำให้ทรงสวรรคตในเวลาต่อมา หลังจากที่พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 สวรรคต ก็เป็นรัชกาลของพระจักรพรรดินีเอกาเจรีนาหรือเเคทเธอรีนที่ 1 เเห่งรัสเซีย (Catherine I of Russia) พระองค์ครองราชย์ได้เพียง 2 ปีกจึงสวรรคต เมื่อเสด็จสวรรคตเเล้วก็เริ่มต้นรัชกาลของจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 2 (Peter II of Russia) ซึ่งพระองค์ก็ครองราชย์ได้เพียง 2 ปีเศษเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลาเกือบ 5 ปีระหว่าง 2 รัชสมัยนี้รัสเซียไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนักเพราะรัชสมัยสั้นและสวรรคตกันหมดก่อน ทำให้ไม่ได้เห็นการปฏิรูปการปกครองของจักรพรรดินีเเละจักรพรรดิทั้ง 2 พระองค์นี้ หลังจากช่วงรัชกาลสั้นๆ 2 รัชสมัยนี้ก็เป็นรัชสมัยของพระจักรพรรดินีเเอนนา
ย้อนไปในปี 1710 ในรัชสมัยของซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เเอนนาทรงอภิเษกสมรสกับฟรีดริช วิลเฮล์ม เคตเลอร์ดุ๊คเเห่งดัชชีคูร์ลันด์และเซมีกัลเลีย (Friedrich Wilhelm Kettler of Courland and Semigallia) ซึ่งเป็นภูมิภาคหนึ่งประเทศลัตเวียในปัจจุบัน ในตอนนั้นคูร์ลันด์เป็นเครือรัฐในเครือจักรภพโปแลนด์ - ลิทัวเนีย (Polish - Lithuanian Commonwealth) พระนางทรงมีความปิติยินดีต่อการอภิเษกสมรสมาก โดยมีลายพระหัตถ์ถึงพระคู่หมั้นว่า
"หม่อมฉันมิอาจรับรองกับใต้ฝ่าพระบาทว่าจะไม่มีอะไรทำให้หม่อมฉันพอใจได้มากไปกว่า การได้ยินคำประกาศพระราชปฏิพัทธ์ที่พระองค์มีต่อหม่อมฉัน ในส่วนของหม่อมฉัน หม่อมฉันขอรับรองกับฝ่าพระบาทว่าหม่อมฉันจะคอยแบ่งปันความรู้สึกของใต้ฝ่าพระบาท ในการพบปะอันมีความสุขครั้งต่อไปของเรา ซึ่งหม่อมฉันตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ หม่อมฉันจะใช้โอกาสนี้ในการบอกเล่าให้พระองค์ได้สดับเป็นการส่วนตัวจากพระเจ้า”
ในงานอภิเษกสมรสนี้แอนนาสวมเสื้อคลุมปักทองและมงกุฏประดับด้วยเพชรพลอยที่สุดจะตระการตาสมพระอิสริยยศอันสูงศักดิ์ มีสินสอดทองหมั้นซึ่งมีมูลค่าถึง 200,000 รูเบิลซึ่งพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ทรงมีความโสมนัสในพระราชหฤทัยอย่างยิ่งที่พระนัดดาของพระองค์ (คือพระนางเเอนนา) ได้อภิเษกสมรส มีการจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอันเป็นเมืองหลวงใหม่ของรัสเซีย เพื่อเเสดงถึงอำนาจของอาณาจักรเนื่องในวโรกาสนี้ด้วย
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่หลังจากที่ทั้งสองพระองค์ทรงสมรสกันได้เพียง 2 เดือน ต่อมาในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1711 ดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์พระราชสวามีในเเอนนาสิ้นพระชนม์ หลังจากที่ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันในรัสเซียไม่นานก่อนที่จะเสด็จกลับคูร์ลันด์ ห่างจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพียง 20 ไมล์ ซึ่งสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์นั้นไม่ทราบเเน่ชัด คงอาจเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรืออาจจะเกิดจากสภาพอากาศของรัสเซียที่หนาวเกินไป
ดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์เเละเซมิกัลเลียผู้เป็นพระราชสวามีในพระองค์
หลังจากพระราชสวามีสิ้นพระชนม์นั้นพระองค์จึงเสด็จไปยังมิเทา (Mitau) หรือเยลกาวา (Jelgava) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของดัชชีคูร์ลันด์ ซึ่งพระนางนั้นทรงมีพระอิสริยยศเป็นดัชเชสส์แห่งคูร์ลันด์ เเละปกครองคูร์ลันด์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเป็นเวลาเกือบ 20 ปี (1711 - 1730) เมื่อจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 2 สวรรคตโดยไม่มีทายาททำให้พระองค์ทรงเสด็จกลับไปอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์รัสเซีย โดยทางสภาองคมนตรีสูงสุดของจักรวรรดิรัสเซีย (The Supreme Privy Council of Imperial Russia) มีมติเห็นชอบให้พระนางเเอนนาเป็นผู้ปกครองรัสเซียที่เหมาะสม เเละคิดว่าจักรพรรดินีที่เป็นม่ายนั้นจะง่ายต่อการควบคุม ซึ่งเเน่นอนว่าขุนนางเหล่านี้คิดผิด ในเวลาต่อมาพระองค์ทรงล้มเลิกสภาองคมนตรีสูงสุดของรัสเซียเเละเนรเทศผู้ที่เป็นอริราชศัตรูของพระองค์ไปยังไซบีเรียซึ่งเป็นดินแดนทางฝั่งเอเชียที่หนาวเหน็บของรัสเซีย หรือไม่ก็จะโดนพระราชอาญาโดยการนำไปประหารชีวิต
สร้างพระราชวังน้ำเเข็งเพื่อทรมานเจ้าชายพระองค์หนึ่ง
อิวานนาผู้โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นพระสมัญญาของพระจักรพรรดินีเเอนนาในฐานะพระประมุขแห่งรัสเซียผู้โหดเหี้ยม การที่พระองค์ทรงทุกข์ทรมานในคูร์ลันด์หรือในลัตเวียนั้น ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทรงบอบช้ำพระทัยเป็นอย่างมากที่ไม่มีใครเหลียวแลเลยเเม้เเต่น้อย ในการที่ทรงต้องการพระราชสวามีใหม่ ซึ่งเมื่อก่อนพระองค์ทรงกระทำอะไรไม่ได้ เเต่ปัจจุบันเมื่อพระราชอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ที่จะทรงสั่งอะไรก็ได้ตามพระทัยประสงค์ในฐานะจักรพรรดินีเเห่งรัสเซีย ทรงอาฆาตกับเจ้าชายมิคาอิล อเล็กเซวิช โกลิทซิน (Prince Mikhail Mikhailovich Golitsyn) เป็นอย่างมาก สาเหตุเพราะทรงเป็นผู้มีอำนาจในสภาองคมนตรีสูงสุดของรัสเซียที่พึ่งโดนพระนางยุบไป เเละเจ้าชายโกลิทซินทรงมีความสุขกับภรรยาใหม่ ทำให้พระนางทรงอาฆาตเจ้าชายมาก
พระองค์ต้องการลงโทษเจ้าชายโกลิทซิน เพราะโกลิทซินสมรสกับชาวอิตาลีเเละเป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เเต่รัสเซียเป็นออร์โทด็อกซ์ ซึ่งถึงแม้ว่าภรรยาของเจ้าชายจะเสียชีวิตเเล้ว เเต่ถึงอย่างนั้นพระนางเเอนนาก็ยังอาฆาตเจ้าชายอยู่ดี โดยทรงให้อภิเษกกับสตรีรับใช้หน้าตาน่าเกลียดซึ่งเป็นผู้เขียนเข้าใจว่าเขาน่าจะเป็นพวกชาวมองโกลที่อยู่ในรัสเซีย เป็นสิ่งที่น่าเกลียดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังทรงให้สร้างพระราชวังน้ำเเข็ง ตัวพระราชวังสูง 20 เมตร กว้าง 50 เมตร ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ถูกสร้างโดยใช้น้ำ สวนเต็มไปด้วยต้นไม้น้ำแข็ง นกน้ำแข็ง และรูปปั้นช้างน้ำ ผนังด้านนอกถูกเรียงรายไปด้วยประติมากรรมน้ำแข็ง ก่อนที่พระราชวังจะมีชิ้นส่วนของปืนใหญ่ที่ทำจากน้ำแข็ง พระราชวังยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากน้ำแข็ง รวมทั้งเตียงน้ำแข็งพร้อมเตียงนอนน้ำแข็งและหมอน โครงสร้างทั้งหมดล้อมรอบด้วยรั้วไม้สูงตกเเต่งอย่างวิจิตรบรรจง มีห้องนอนพร้อมเตียงเเละหมอนซึ่งล้วนเป็นน้ำเเข็งทั้งสิ้น ทั้งยังสวยงามเป็นอย่างมากเเต่เเฝงด้วยเจตนาชั่วของพระจักรพรรดินีเเอนนา
เจ้าชายโกลิทซินกับคู่สมรสนั้นได้รับโทษโดยการเเต่งตัวเป็นตัวตลก เเละผูกไว้ในกรงบนหลังช้าง เมื่อเเห่มาถึงปราสาทน้ำเเข็งโดยคณะละครสัตว์กับบรรดาสัตว์เลี้ยงในฟาร์มบางส่วน นี้ทั้งคู่ได้โดนพระจักรพรรดินีสั่งให้นอนในห้องน้ำเเข็งเเละเปลือยกายในตอนฤดูหนาวของรัสเซีย เเต่รอดมาได้เพราะเจ้าสาวแลกสร้อยคอมุกกับยามคนหนึ่งเป็นเสื้อคลุมหนังแกะ ถึงอย่างนั้นก็เสียชีวิตในเวลาถัดมาด้วยอาการปอดบวม เเต่เจ้าชายรอดมาได้เเละยังมีพระชนม์อยู่อีกนานมาก ต่อพระนางเเอนนาสวรรคตในปีต่อมา (1740) เเละพระราชวังฤดูหนาวก็อยู่ไม่ถึงฤดูร้อน
นอกจากนี้ความโหดร้ายทารุณของพระนางยังมีอีกมาก ทรงสร้างความอับอายให้กับคนพิการเเละไม่มีทางสู้ การทำสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire) หรือตุรกีซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์มีผู้สำคัญพระองค์หนึ่ง พระนามว่าแอนสท์ โยฮันน์ ฟอน ไบรอน (Ernst Johann von Biron) พระองค์ทรงเป็นดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์และเซมีกัลเลีย ดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์พระองค์นี้เป็นผู้ที่รักษาความสงบเรียบร้อยในจักรวรรดิเป็นอย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่ราชบัลลังก์ของจักรพรรดินีสั่นคลอนก็มักจะมีการกวาดล้างบุคคลที่ต่อต้านอยู่เนืองๆ กล่าวกันว่าเขาได้ก่อให้เกิดการประหารชีวิตกว่า 1,000 ครั้ง ในขณะที่จำนวนผู้ถูกเนรเทศไปยังไซบีเรียนั้นอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 40,000 คน ส่วนประชาชนทั่วไปถูกบดบังด้วยการเก็บภาษี ซึ่งจักรพรรดินีสนับสนุนไบรอนดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์เป็นอย่างมาก
อิวานนาร่วมกับไบรอนกวาดล้างผู้ไม่เห็นด้วยเป็นประจำด้วยวิธีการที่โหดร้าย เช่น กรีดจมูกแล้วทุบด้วยแส้โลหะหนัก รัฐมนตรีคนหนึ่งบรรยายถึงว่า “เปรียบได้กับเรือที่โดนพายุ ควบคุมโดยกัปตันและลูกเรือที่เมาหรือหลับ… โดยไม่มีอนาคตอันไกลโพ้น”
ดุ๊คเเห่งคูร์ลันด์อีกพระองค์หนึ่ง
ในเวลาต่อมาจักรพรรดินีสวรรคตด้วยพระโรคพระวักกะ (โรคไต) ทำให้อิวานที่ 6 ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียงไม่กี่เดือน ด้วยความที่พระชนม์ยังน้อยไปจึงถูกรัฐประหารโดยเอลิซาเบธ เปตรอฟนา (Elizabeth Petrovna) ซึ่งต่อมาทรงปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดินีพระองค์ต่อมาในพระนาม จักรพรรดินีอลิซาเบธเเห่งรัสเซีย (Elizabeth of Russia)
รายการอ้างอิงเเละเเปลจาก
Meet Anna Ivanovna, The Cruel Empress Who Plunged Russia Into A Dark Age - https://allthatsinteresting.com/anna-ivanovna
THE MESSED UP TRUTH ABOUT THE EMPRESS WHO CAUSED RUSSIA'S DARK AGE Read More: https://www.grunge.com/377164/the-messed-up-truth-about-the-empress-who-caused-russias-dark-age/?utm_campaign=clip
โฆษณา