23 ต.ค. 2021 เวลา 05:43 • การศึกษา
อริยทัสสนา
การได้พบเห็นพระอริยเจ้าเป็นสิ่งดี การอยู่ร่วมกับพระอริยเจ้า นำความสุขมาให้ทุกเมื่อ
นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลาย ท่านพิจารณาเห็นว่า การเกิดบ่อยๆเป็นทุกข์ ความแก่ ความเจ็บและความตาย ก็เป็นทุกข์ ต่างแสวงหาหนทางหลุดพ้น เพราะคิดว่าเมื่อมีความทุกข์ ก็ต้องมีความสุขเป็นของคู่กัน จึงได้ลองผิดลองถูกแสวงหากันมาตลอดชีวิตก็ยังไม่พบ
แต่พวกเราโชคดีที่ได้มาพบพระพุทธศาสนา มาทราบหนทางแห่งความหลุดพ้น หนทางไปสู่พระนิพพานว่า อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ซึ่งเป็นหนทางเอกสายเดียวที่จะไปสู่อายตนนิพพานได้ เป็นที่เดียวที่ความทุกข์มากล้ำกรายไม่ได้ มีแต่ความสุขล้วนๆ ที่ไม่มีทุกข์เจือปนเลย เราจึงควรหมั่นนำใจของเรามาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา เพื่อเราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงภายในกัน
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ใน เวสสันดรชาดก ว่า...
 
สาหุ ทสฺสนมริยานํ สนฺนิวาโส สทา สุโข
 
การได้พบเห็นพระอริยเจ้าเป็นสิ่งดี
การอยู่ร่วมกับพระอริยเจ้า นำความสุขมาให้ทุกเมื่อ
พระอริยเจ้า คือ ผู้ที่ได้ฝึกฝนอบรมตนเองตามคำสอนของพระบรมศาสดา และสามารถทำใจหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด จนได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ซึ่งเป็นกายธรรมของพระอริยเจ้าขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา
1
เนื่องจากท่านมีใจที่สว่างไสวอยู่เป็นนิตย์ เวลาคิดก็คิดแต่เรื่องที่ดีที่เป็นบุญเป็นกุศล เป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เวลาพูดก็พูดแต่วาจาสุภาษิต ชักชวนให้ทำความดี ชักชวนให้พ้นทุกข์ไปสู่อายตนนิพพาน และทำแต่สิ่งที่ดีงามไม่เบียดเบียนใคร มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นแบบอย่างที่ดีของชาวโลก
ผู้ได้พบเห็นและได้อยู่ใกล้พระอริยเจ้าเหล่านี้ ได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติของท่าน ได้ท่านเป็นกัลยาณมิตร คอยชี้แนะพร่ำสอนให้ทำในสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ทั้งในภพนี้และภพหน้า จะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ เกิดกำลังใจที่จะทำความดี ทำตามคำสอนของท่าน สิ่งที่ดีงามก็จะเจริญงอกงามขึ้นในจิตใจ เพราะดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ไม่ประมาท รักในการสั่งสมบุญบารมี รักในการสั่งสมความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง เมื่อใจบริสุทธิ์ย่อมนำความสุขมาให้ เพราะอาสวกิเลสบีบบังคับใจไม่ได้ จึงมีแต่ความสุขอย่างเดียว
เหมือนชาวสุวรรณภูมิ เมื่อมีมรณภัยมาคุกคาม ได้พบกับ พระโสณกเถระ และ พระอุตตรเถระ นักสร้างบารมีผู้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ และเป็นที่พึ่งพิงของสรรพสัตว์ในยามมีภัย ชีวิตของชาวสุวรรณภูมิจึงได้พ้นจากความทุกข์ และยังได้เข้าถึงความสุข ที่ไม่มีความสุขอื่นใดจะมาเสมอเหมือน
เรื่องมีอยู่ว่า...หลังจากการทำสังคายนาครั้งที่๓ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระพุทธศาสนาได้ปักหลักมั่นคงในราชอาณาจักรของพระเจ้าอโศกมหาราช พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ผู้เป็นประธานสงฆ์ในการทำสังคายนาครั้งนั้น ได้พิจารณาว่า ในอนาคตพระพุทธศาสนาจะตั้งมั่นอยู่ในประเทศไหนบ้าง
เมื่อท่านใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทราบว่า พระพุทธศาสนาจะตั้งมั่นในปัจจันตชนบท จึงได้ประชุมปรึกษาหารือ แล้วได้แบ่งพระเถระออกเป็น ๙ สาย แต่ละสายนั้นก็มีพระภิกษุ ร่วมคณะไม่ต่ำกว่า ๕ รูปเพื่อให้ทำสังฆกรรมได้ แล้วท่านก็ส่งออกไปตามประเทศต่าง ๆ เพื่อเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้แผ่ขยายกว้างไกลออกไปทุกสารทิศ
ในสายสุวรรณภูมินั้น พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ท่านได้ส่งพระโสณกเถระกับพระอุตตรเถระ มาประกาศพระพุทธศาสนาพร้อมกับคณะของท่าน แต่ในขณะนั้นสุวรรณภูมิได้มีรากษสตนหนึ่งพร้อมกับบริวาร รากษส คือ ยักษ์ชนิดหนึ่ง บางทีก็เรียกว่า ผีเสื้อน้ำ มีนิสัยดุร้าย กินมนุษย์เป็นอาหาร ดูดเลือดของสัตว์แทนน้ำ ที่อยู่ของรากษสนี้อยู่ในทะเลหรือในสระน้ำที่ใหญ่ ๆ
ผีเสื้อน้ำที่สุวรรณภูมิอาศัยอยู่ในทะเล หากมีทารกเกิดในราชตระกูลเมื่อใด จะขึ้นมาจับทารกไปกินอยู่เสมอๆ ในวันที่พระเถระทั้งหลายไปถึงสุวรรณภูมิ และประจวบเหมาะกับเป็นวันที่เด็กเกิดในราชตระกูลพอดี พวกชาวเมืองเห็นพระเถระเข้า ก็พากันเข้าใจว่าเป็นพวกผีเสื้อน้ำ เพราะไม่เคยเห็นพระภิกษุมาก่อนเลย ต่างก็ถืออาวุธเข้าไปจะทำร้ายพระเถระ
เมื่อพระเถระเห็นคนถืออาวุธมาก็ถามว่า “พวกท่านถืออาวุธมาทำไมกัน”
เขาก็ตอบว่า “จะมาฆ่าพวกท่านน่ะสิ ท่านเป็นผีเสื้อน้ำใช่ไหม”
พระเถระจึงตอบว่า… “พวกเราไม่ได้เป็นผีเสื้อน้ำ พวกเราเป็นสมณะ ผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา เราฉันอาหารมื้อเดียว มีศีล ประพฤติพรหมจรรย์ และมีกัลยาณธรรม”
ขณะที่พระเถระกำลังอธิบายอยู่นั้น นางผีเสื้อน้ำพร้อมกับบริวารได้ขึ้นมาจากทะเล มุ่งหน้ามาเพื่อที่จะจับเด็กกินเป็นอาหาร เมื่อพวกมนุษย์เห็นเข้าก็ตกใจกลัว ต่างร้องเสียงดัง และร้องตะโกนบอกต่อ ๆ กันไปว่า... “พวกผีเสื้อน้ำมาแล้ว พวกเราวิ่งหนีเอาตัวรอดกันเถอะ” ต่างก็หนีตายเอาชีวิตรอดไปคนละทิศไปคนละทาง
พระเถระเห็นดังนั้น จึงช่วยเหลือชาวบ้าน ได้เนรมิตกายที่ใหญ่กว่า มีลักษณะดุร้ายน่าเกรงขามกว่า ปิดล้อมพวกผีเสื้อน้ำเหล่านั้นไว้ตรงกลาง ฝ่ายผีเสื้อน้ำเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัว คิดที่จะเอาชีวิตรอดเหมือนกัน เพราะคิดว่า คงเป็นผีเสื้อน้ำอีกพวกหนึ่งที่มาถึงก่อนพวกตน “เราต้องหาหนทางเอาตัวรอดโดยเร็วก่อนที่จะถูกจับกิน” แล้วต่างก็หาทางเอาชีวิตรอดกลับไป และไม่กล้ามารบกวนมนุษย์อีกเลย
เมื่อพวกผีเสื้อน้ำไปแล้ว พระเถระก็คลายฤทธิ์ ชาวบ้านทั้งหมดได้เห็นฤทธานุภาพของพระเถระ จึงมีจิตเลื่อมใสยอมรับพระเถระทั้งหลาย และต่างก็ยึดพระเถระเป็นที่พึ่ง เมื่อพระเถระเห็นว่า ชาวสุวรรณภูมิยอมรับท่านแล้ว จึงได้แสดงธรรมโปรดชาวสุวรรณภูมิ ที่มาประชุมร่วมกันในที่นั้น ให้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย และให้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ สมาทานศีล ให้อาจหาญร่าเริงในธรรม ไม่ให้ใจหวั่นไหวเคลือบแคลงสงสัยในพระรัตนตรัย ทำให้ชาวเมืองบรรลุธรรมกันถึงหกหมื่นคน และมีกุลบุตรกุลธิดาออกบวชอุทิศชีวิตในพระพุทธศาสนาอีกเป็นจำนวนมาก
พระโสณกเถระและพระอุตตรเถระ พร้อมกับคณะ ได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจ ช่วยกันประดิษฐานพระพุทธศาสนา ยังพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา อันเป็นอมตธรรมที่หาได้ยากยิ่ง ในดินแดนไกลโพ้นจากพุทธสถาน ให้ดำรงมั่นอยู่ในสุวรรณภูมิ เป็นที่พึ่งพิงแก่ชาวโลกทั้งหลาย
เราจะเห็นได้ว่า การได้เห็นหรือการได้อยู่ร่วมกับพระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมนำความสุขความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่ชีวิตของเรา เหมือนอย่างชาวสุวรรณภูมิที่ได้พบเห็นพระโสณกเถระและพระอุตตรเถระ แล้วได้รับคำแนะนำสั่งสอน และข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง ตามคำสอนของพระบรมศาสดา จึงพบกับความสุขที่แท้จริง แล้วยังทำให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายอีกด้วย ถ้าหากว่าไม่ได้พระเถระแล้ว ดินแดนสุวรรณภูมิคงเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เป็นเมืองที่หาความสุขไม่ได้เลย
สำหรับพวกเรานั้นนับว่าโชคดีมาก ๆ เป็นผู้มีบุญเก่าสั่งสมมาดี พระพุทธศาสนาจึงสืบทอดมาถึงพวกเรา ดังนั้นเราต้องหวงแหนรักษาไว้ให้ดี อย่าให้ใครมาทำลาย ให้มีธรรมะเป็นอาภรณ์ มั่นคงในคำสอนของพระพุทธองค์ ถึงแม้บางครั้งจะมีอุปสรรคมาขัดขวาง การนับถือพระพุทธศาสนาของเราก็ตาม ก็อย่าหวั่นไหว ให้รักในการประพฤติปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธองค์อยู่เสมอ
ให้เราหมั่นระลึกนึกถึงความมีโชคดีนี้ไว้ อย่าได้ประมาทเลินเล่อ หมั่นขวนขวายในการสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เราก็ต้องหมั่นทำทุก ๆ วันอย่าได้ขาด ให้เป็นอุปนิสัยที่ดีติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป
โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา อย่าได้ขาดกันเลย ต้องทำให้ได้ทุก ๆ วัน วันละหลายๆครั้ง วันละหลาย ๆชั่วโมง ยิ่งทำได้ตลอดเวลาก็ยิ่งดี เราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ซึ่งเป็นพระอริยเจ้าอันประเสริฐภายใน ที่จะทำให้เรามีความสุขอันเป็นอมตะ เราจะได้รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง แล้วชีวิตของเราก็จะไม่หลงทาง จะมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อเราทำได้อย่างนี้ ชีวิตของเราจะสมบูรณ์ เป็นแบบอย่างที่ดีของชาวโลก เราจะเข้าถึงความสุขความเต็มเปี่ยมของชีวิตที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย นั่นคือ เอกันตบรมสุข เป็นสุขล้วน ๆ ที่ไม่มีทุกข์เจือปน เป็นความสุขที่จะทำให้เราพ้นจากความทุกข์ทรมาน พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร ไปสู่อายตนนิพพาน ฉะนั้นให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันให้ดีทุก ๆ คน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๕ หน้า ๓๗๖ -๓๘๔
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
พาหิรนิทานวรรณนา เล่ม ๑ หน้า ๑๑๑
โฆษณา