28 ก.ค. 2021 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ทำไมอายุมากแล้วย้ายสายงานไม่ได้
ทำไมอายุเกิน 40 แล้วจะแต่งงานไม่ได้
ทำไมเรียนจบด้านนึงถึงไม่ควรทำงานอีกด้านนึง
นั่นสิ...ทำไม
ทำไมถึงเกิดคำถามเหล่านี้ หรือคล้าย ๆ กันกับคำถามด้านบนนี้ในความคิดของเรา
จริง ๆ นอกจากทำไมแล้ว สิ่งที่เราควรถามกับตัวเองเมื่อเกิดคำถามเหล่านี้คือ "ใคร"
ก็ใครกันที่เป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ว่าอายุเท่านั้นไม่ควรทำสิ่งนี้ เพศหญิงไม่ควรประกอบอาชีพโน้น
ระหว่างที่คุณกำลังคิดหาคำตอบว่า "เออ ใครวะ เป็นคนบอก"
ผมอยากชวนคุณไปเจอผู้ชายคนนึง ผู้ชายคนนี้ชื่อว่า Jay Shetty ครับ
..................................................................................................................................................
"เชรดดดด!!! ผู้ชายคนนี้มันใครวะ?"
เค้าคือ Jay Shetty ไงครับ ถ้ายังไม่รู้จัก ไม่เป็นไรครับ
เพราะผู้ชายคนนี้ผมเองก็เพิ่งรู้จัก แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
ผมรู้จักเค้าผ่านเรื่องราวของเค้า เรื่องราวที่เค้าบอกว่าเค้าถูกสังคมปฏิเสธรับเข้าทำงานมากว่าครึ่งร้อย
เพียงเพราะว่าเค้าเป็นพระ
๋Jay Shetty เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2530 ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเชื่อสายอินเดียน หลังจากเค้าจบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เค้าได้มีโอกาสได้ฟังปาฐกถาเรื่อง ความไม่เห็นแก่ตัวและใช้ชีวิตแบบมินิมอล จาก Gauranga Das ซึ่งเป็นพระที่ได้รับเชิญให้ไปแสดงปาฐกถาในวันสำเร็จการศึกษา หลังจากนั้นเค้าจึงตัดสินใจยังไม่ทำงานและเข้าศึกษาพระธรรมที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เป็นเวลายาวนานถึงสามปี
หลังจากลาสิกขาบทแล้ว ในวัย 26 ปี เค้าเดินทางกลับมายังประเทศอังกฤษและเริ่มสมัครงาน แต่บริษัทส่วนใหญ่เลือกที่จะปฏิเสธเค้าโดยให้เหตุผลว่าอายุของเค้ามาเกินไปสำหรับตำแหน่งพนักงานที่จะเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัท
เค้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมเข้าใจดีว่าคนอื่นอาจจะมองว่าคนที่อยู่ๆ เรียนจบแล้วก็ไปบวชมาสามปี ไม่น่าจะเป็นคนปกติ ต้องมีอะไรบางอย่างแปลก ๆ ในคนประเภทนี้"
หลังจากถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เค้าก็ได้เข้าทำงานในบริษัทมีเดียแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นทำให้เค้าได้เรียนรู้เรื่องการผลิตวิดีโอ แต่ด้วยงานที่ค่อนข้างหนัก เพราะเค้าต้องำงานถึง 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่กลับรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ยังไม่ได้ใช้ศักยภาพและความสามารถที่เค้ามีมากพอ เค้าเลยตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางมาเป็น Content Creator โดยยึดเรื่องราวจากพระธรรมคำสอนของศาสนาพุทธมาเป็นแกนในการนำเสนอ
แต่ชีวิตของเค้าต้องเจอบททดสอบอีกครั้ง
Jay นำไอเดียของรายการไปนำเสนอตามบริษัทต่าง ๆ เพื่อของเงินลงทุนและสนับสนุนในการผลิต แต่บริษัทนับสิบที่เค้าเข้าไปพบปฏิเสธ
เค้าไม่ได้ตั้งคำถามว่าทำไม และเค้าจะไม่ยอมให้ "ใคร" มาบอกว่าสิ่งที่เค้าต้องการจะทำเป็นไปไม่ได้
ว่าแล้วเค้าจึงตัดสินใจใช้ความรู้เรื่องการผลิตสื่อที่เค้าได้รับ มาเริ่มต้นทำรายการ Podcast ที่มีชื่อว่า On Purpose รวมถึงตัดรายการวิดีโอเพื่อเผยแพร่ทาง Youtube
แม้แต่ตอนนั้นเอง Jay บอกว่า Producer รายการที่เค้าจ้างมาช่วยงานเดินมาบอกกับเค้าหลังจากที่ตัดคลิผรายการตอนแรกเสร็จว่า "ผมไม่คิดว่ารายการนี้จะประสบความสำเร็จ"
ปัจจุบัน ํYoutube Channel ของเค้ามียอดวิวรวมแล้วกว่า 7 พันล้านครั้ง ยอด followr ใน FB กว่า 26 ล้านคน หนังสือ "think like a monk" ที่เค้าเขียนติดอันดับ best seller
ซึ่งทั้งหมดนั้นคือบทพิสูจน์จากการที่เค้าหันหลังให้กับคำถาม และคำตัดสินจาก "คนอื่น" ที่มาพร้อมข้อจำกัด ด้านอายุ เพศ ประสบการณ์ในอดีต
สำหรับเค้าการตระหนักรู้ถึงความต้องการของตัวเอง และพัฒนาศักยภาพเพื่อก้าวไปสู่ความต้องการนั้นคือเสียงที่ดังที่สุด ดังจนกระทั่งกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากคนอื่นได้ และนำทางเค้าไปสู่ความสำเร็จ
สำหรับเค้าคำถามว่า "ทำไม" และ "ใคร" ไม่มีความสำคัญเลย เมื่อเทียบกับคำถามที่ว่า "ฉันจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ได้อย่างไร"
แล้วคุณล่ะ เลือกที่จะได้ยินคำถามไหนกันครับ
อย่าลืมมา #เอาดีเข้าตัว กันได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ด้านล่างนี้นะครับ
โฆษณา