29 ก.ค. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
" 2004 ปีของทีมรอง "
ซัมเมอร์ปี 2004 กรีซ สร้างปรากฏการณ์สะท้านโลกฟุตบอลเมื่อทะลุเข้าไปคว้าแชมป์ยูโร 2004
ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวคลาสสิกสุดของประวัติศาสตร์ลูกหนัง เพราะนับแต่นั้นและก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่เคยเข้าใกล้คำว่าความสำเร็จในระดับทีมชาติเลย
เรื่องราวการคว้าแชมป์ของกรีซ ยังไม่ใช่เรื่องเดียวที่เหล่า Underdog หรือทีมรองบ่อน ทีมเกรดรอง ประสบความสำเร็จในปีนั้น
ปี 2004 เป็นปีของเหล่า Underdog โดยแท้จริง แม้ว่าหากมองลึกลงไป พวกเขาก็มีคุณภาพในทีมอยู่ไม่น้อยก็ตาม
- อังกฤษ : มิดเดิลสโบรช์ คว้าแชมป์ลีก คัพ มาครองได้ ตลอดช่วง 6-7 ปีตรงนั้น โบโร่ จบครึ่งล่างของตารางมาตลอด ในฤดูกาล 2003/04 ที่มี สตีฟ แม็คลาเรน คุมทีมก็เช่นกัน
โบโร่ กลับทำผลงานได้ดีใน ลีก คัพ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ โบลตัน และเอาชนะได้ 2-1 ดูเผินๆ คู่แข่งนัดชิงอยู่ในพิกัดเดียวกัน แต่กว่าจะมาถึงนี่ได้ ก็ฝ่าฟันมาไม่น้อย ในรอบก่อนหน้านั้นโบโร่ เอาชนะทั้ง เอฟเวอร์ตัน, สเปอร์ส และอาร์เซน่อล โดยเฉพาะการเจอกับอาร์เซน่อล ที่ยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นชุดเล็กชุดใหญ่ เก่งทุกชุด
มิดเดิลสโบรช์ ปีนั้นมีทีมที่ดีด้วยนั่นแหละ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เฝ้าเสา กัปตันทีมก็คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีนักเตะอย่าง กาอิซก้า เมนดิเอต้า, โดริว่า, เบาเดอไวน์ เซนเด้น, จูนินโญ่ (ตัวเล็ก) และ มัสซิโม่ มัคคาโรเน่ เป็นต้น
ซึ่งแชมป์ลีก คัพ นี้ก็เป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกและรายการเดียวของพวกเขามาจนถึงตอนนี้
- สก็อตแลนด์ : ในสก็อตแลนด์ ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลลีก, สก็อตติช คัพ หรือ สก็อตติช ลีก คัพ แชมป์ก็มักวนเวียนกันอยู่ 2 ทีม คือ เซลติก กับ เรนเจอร์ส โดยที่นานๆ ทีจะมี อเบอร์ดีน, ดันดี ยูไนเต็ด หรือสองทีมจากเอดินเบอระห์ อย่าง ฮาร์ทส์ หรือ ฮิเบอร์เนี่ยน ได้แชมป์บ้าง
ทว่าใน สก็อตติช ลีก คัพ 2003/04 กลับเป็น ลิฟวิงสตัน ที่คว้าแชมป์ครอง แน่นอนว่ามันคือแชมป์รายการเดียวของสโมสร มาจนถึงทุกวันนี้ด้วย
ปกติ ลิฟวิงสตัน คือทีมโยโย่ เดี๋ยวเลื่อนชั้น เดี๋ยวก็ตกชั้นอยู่เป็นประจำ แต่ช่วงนั้นพวกเขาค่อนข้างเสถียร แต่มันก็เป็นงานยากที่จะมีแชมป์ติดไม้ติดมือ
กระทั่ง สก็อตติช ลีก คัพ ที่พวกเขาได้เข้าชิงกับ ฮิเบอร์เนี่ยน แล้วเอาชนะไปได้ 2-0 จริงๆ ลิฟวิงสตัน ก็ต้องขอบคุณฮิเบอร์เนี่ยนด้วย เพราะ "ฮิบส์" นี่แหละที่ปราบทั้ง เซลติก กับ เรนเจอร์ส บนเส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ
- สเปน : 2003/04 คือปีทองของทีมเกรดรอง ในฟุตบอลสเปน โดยแท้จริง เพราะทั้ง ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ ทีมได้แชมป์ไม่ใช่พวกยักษ์ใหญ่
ลา ลีกา นั้น บาเลนเซีย ของ ราฟา เบนิเตซ ได้แชมป์มาครอง แม้จะแย้งว่าช่วงนั้น บาเลนเซีย แกร่ง แต่ถ้าวัดกันจริงๆ พวกเขาก็ไม่ได้มีทีมที่ดีกว่า บาร์ซ่า, มาดริด, เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า หรือ เรอัล โซเซียดาด เลย
เรื่องนี้ต้องชม ราฟา เบนิเตซ ที่ทำทีมได้ดี ประกอบกับเป็นช่วงที่ทั้ง บาร์ซ่า กับ มาดริด ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา เบนิเตซ นำบาเลนเซีย คว้าแชมป์ลีก 2 จาก 3 ปี ที่คุม ก่อนโยกไปคุมลิเวอร์พูลในซัมเมอร์ 2004 นั่นแหละ
1
ส่วน โกปา เดล เรย์ ทีมที่ได้แชมป์คือ เรอัล ซาราโกซ่า ซึ่งทีมทีมนี้ ไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุด แต่ ซาราโกซ่า เคยได้แชมป์บอลถ้วยเป็นระยะๆ
ที่คลาสสิกสุดคือ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1995 ที่ นายิม ตวัดยิงจากเกือบครึ่งสนามในนาทีที่ 119 เป็นประตูชัยให้ ซาราโกซ่า เอาชนะ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์มาครอง
ฤดูกาล 2002/03 ซาราโกซ่า ตกชั้นเล่นใน เซกุนด้า ลีกา แต่ก็เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ ฤดูกาล 2003/04 ก็คว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ได้เลย โดยเป็นการเอาชนะ เรอัล มาดริด 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยขุมกำลังของพวกเขาปีนั้นมี ดาบิด บีย่า ในวัยหนุ่มเป็นหัวหอก
- เยอรมัน : ในช่วงยุค 90s ต่อถึง 2000s หากจะมีสักทีมในเยอรมัน ที่มีสถิติการเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ดีที่สุด ทีมนั้นก็คือ แวร์เดอร์ เบรเมน
ทีมนกนางนวล ไม่เคยกลัว บาเยิร์น ยุคนั้นพวกเขามักเอาชนะและทำแสบใส่บาเยิร์น ได้บ่อยกว่าใครเพื่อน ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ชาฟ เบรเมน เป็นทีมที่เล่นเกมรุกสนุกสนานมากๆ มีตัวรุกดีๆ ในทีมไม่ขาด
ช่วงปี 2003/04 ไม่ใช่ บาเยิร์น ไม่ใช่ เลเวอร์คูเซ่น ไม่ใช่ สตุ๊ทการ์ท และดอร์ทมุนด์หรือแม้แต่ ชาลเก้ แต่เป็น เบรเมน ที่คว้าแชมป์มาครองได้ พวกเขากวาดทั้ง บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล มาครองแบบไม่แบ่งให้ใครเลย
เบรเมน ของ โธมัส ชาฟ ทีเด็ดคือเกมรุกที่มี ไอล์ตัน กับ อิวาน คลาสนิช ยืนหน้า ส่วน "เลอ เชฟ" โยฮัน มิกูด์ ปั้นเกม แดนกลางก็แกร่งเพราะมี แฟรงค์ เบามันน์ กัปตันทีมคอยปัดกวาด แนวรับคือ วาเลเรียง อิสมาเอล กับ มลาเดน เคิร์สตายิช ตัวสำรองของพวกเขาก็มีกองหน้าอย่าง อันเจลอส ชาริสเตอัส ที่อีกเดือนเศษๆ จะไปช่วยกรีซ คว้าแชมป์ยุโรปนั่นเอง
- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2003/04 : หนึ่งในฤดูกาลสุดยอดของ ชปล. กับเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด และมันเป็นปีที่สร้างชื่อให้กับ โชเซ่ มูรินโญ่ อย่างแท้จริง
ปีก่อนหน้านั้น มูรินโญ่ พาปอร์โต้ ประสบความสำเร็จเงียบๆ คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ มาครองก่อนแล้ว แต่เมื่อกระโดดมาเวทีใหญ่อย่าง ชปล. ก็ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะไปถึงแชมป์
1
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ (แม้จะมีจังหวะกังขาที่ประตูของ พอล สโคลส์ ไม่ได้ประตู) จากนั้นเอาชนะ ลียง, ผ่าน ลา กอรุนญ่า ที่กำลังแรง และสุดท้ายเอาชนะโมนาโก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0
ไม่ใช่ ยูเว่ ไม่ใช่มิลาน ไม่ใช่อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี ไม่ใช่ เรอัล มาดริด ยุคกาลาคติกอส แต่เป็น ปอร์โต้ นี่แหละที่คว้าแชมป์ไปครองแบบเหนือความคาดหมาย และทำให้ มูรินโญ่ ได้ย้ายไปคุมเชลซี ในทันที
หากมองในลีกอื่นๆ ยังมี บานิค ออสตราว่า ได้แชมป์ลีกเช็ก เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขา ไม่ใช่สปาร์ต้า หรือ สลาเวีย ปราก ไม่ใช่ วิคตอเรีย พิลเซ่น
โซโชซ์ ได้แชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ ไม่ใช่ เปแอสเช, ลียง, โมนาโก หรือน็องต์ส ที่กำลังแกร่งในตอนนั้น
ไปจนถึง อูเทรคท์ ที่ได้แชมป์ดัตช์ คัพ ปาดหน้า 3 ยักษ์ อาแจ็กซ์, พีเอสวี และ เฟเยนูร์ด
มันมีให้เห็นอยู่บ้างที่ทีมรองๆ จะทะลุขึ้นมาคว้าแชมป์รายการต่างๆ แต่มันไม่มีปีไหนอีกแล้วที่พร้อมใจกันเข้ามาเซอร์ไพรส์อย่างในปี 2004
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา